เปรียบเทียบปรับบริษัทหลักทรัพย์ 6 แห่ง ไม่บันทึกเทปการรับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์จากลูกค้า

23 Aug 2006

กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--ก.ล.ต.

คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่งตั้งตามมาตรา 317 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับขั้นรุนแรงบริษัทหลักทรัพย์ 6 แห่ง จากการที่ ก.ล.ต. ขอเทปหลักฐานการซื้อขายแต่บริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวไม่สามารถส่งมอบให้ได้

สืบเนื่องจากประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เกี่ยวกับการทำหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ มีข้อกำหนดประการหนึ่งให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องบันทึกเทปในการให้คำแนะนำ การรับคำสั่งซื้อขาย และการเจรจากับลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหลักทรัพย์ทางโทรศัพท์ และจัดเก็บไว้อย่างน้อย 1 เดือน เพื่อเป็นหลักฐานในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งต่อลูกค้าและต่อระบบตลาดทุนโดยรวม ในอันที่จะไม่สนับสนุนพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เหมาะสมของลูกค้า ซึ่งในเรื่องนี้ ก.ล.ต. ได้เคยมีหนังสือเวียนกำชับไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักทรัพย์ที่มีการตั้งข้อสังเกตในสื่อต่าง ๆ ว่ามีการสร้างราคา หรือในลูกค้ารายที่มีพฤติกรรมซื้อขายไม่เหมาะสมหรือถูกติดตามบ่อยครั้งจากการตรวจสอบการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีสภาพผิดปกติกรณีหนึ่ง ก.ล.ต. พบว่า มีบริษัทหลักทรัพย์ 6 แห่ง ที่ไม่สามารถจัดหาและส่งมอบเทปโทรศัพท์ให้ ก.ล.ต. ได้ตามที่เรียกข้อมูลไป การกระทำดังกล่าวจึงเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนประกาศที่กล่าวข้างต้น และเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2549 บริษัทหลักทรัพย์รายดังกล่าวได้เข้ารับการเปรียบเทียบปรับจากคณะกรรมการเปรียบเทียบ ซึ่งได้มีคำสั่งเปรียบเทียบในความผิดดังกล่าวสถานรุนแรงมาก และกำหนดอัตราการเปรียบเทียบตามจำนวนรายการที่บริษัทหลักทรัพย์แต่ละแห่งไม่สามารถจัดส่งให้แก่ ก.ล.ต. ได้ตามที่ร้องขอ ดังนี้

(1) บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

209,062.50 บาท

(2) บริษัทหลักทรัพย์ไซรัส จำกัด (มหาชน)

231,562.50 บาท

(3) บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน)

726,562.50 บาท

(4) บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

275,250.00 บาท

(5) บริษัทหลักทรัพย์ซิกโก้ จำกัด (มหาชน)

637,500.00 บาท

(6) บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) จำกัด

304,687.50 บาท

ก.ล.ต. ขอเรียนย้ำว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับการบันทึกเทปดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าบริการที่ได้รับจากบริษัทหลักทรัพย์ในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพมีความเป็นธรรม คำนึงถึงประโยชน์ ของลูกค้าก่อนตนและไม่เอาเปรียบลูกค้า รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของระบบการซื้อขายโดยรวม จึงเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทหลักทรัพย์จะต้องจัดให้มีระบบการบันทึกหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ก.ล.ต. จึงขอให้บริษัทหลักทรัพย์จัดให้มีการบันทึกเทปอย่างเคร่งครัด

ซึ่ง ก.ล.ต. จะดำเนินการอย่างเข้มงวดและเท่าเทียมกันในทุกกรณีหากพบว่าไม่มีการบันทึกเทปหรือบันทึกเทปไม่ครบถ้วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและ ก.ล.ต. ทำการตรวจสอบ