มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นองค์กรการกุศลจีนที่ใหญ่ที่สุดของสังคมไทย ริเริ่มขึ้นในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2453 โดยพ่อค้าชาวจีนโพ้นทะเล 12 คน ผู้มีความศรัทธาและมุ่งเจริญรอยตามกุศลเจตนาของ “ไต้ฮงกงโจวซือ” พระอริยสงฆ์สมัยราชวงศ์ซ้องที่ได้ชื่อว่าเป็น “เทพเจ้าผู้อนุเคราะห์สัตว์โลก” ต่อมาในปี พ.ศ.2480 ได้รับความร่วมมือจากสมาคมชาวจีนต่าง ๆ และหนังสือพิมพ์จีนจัดตั้งเป็นมูลนิธิอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “ฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเซี่ยงตึ๊ง” นับเป็นมูลนิธิลำดับที่ 11 ของสยามประเทศ และได้ดำเนินงานสาธารณะสงเคราะห์อย่างต่อเนื่องและรอบด้าน ทั้งด้านการบรรเทาสาธารณภัย การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผู้ยากไร้ขาดแคลน ให้บริการด้านการแพทย์และพยาบาล รวมถึงการแพทย์แผนจีนทั้งที่โรงพยาบาลหัวเฉียวและบริการหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ให้การสนับสนุนด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พร้อมทั้งก่อตั้งสถาบันอุดมศึกษาระดับนานาชาติซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ”
“ป่อเต็กตึ๊ง...ต้นแบบจิตอาสา พัฒนาสังคมไทย”
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียมแก่ชาวลำพูน ลำปาง และเชียงราย
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568 รวม 3 จังหวัด
ก้าวแรกสู่เส้นทางพยาบาล.. เปิดรับทุนต้นกล้าพยาบาล 3 สถาบัน จำนวน 45 ทุน ประจำปีการศึกษา 2569
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งกระจายกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ระดมทีมกู้ชีพ กู้ภัย จัดตั้งโรงครัวฯ จัดกำลังช่วยเหลือชาวเพชรบูรณ์ และส่งทีมสังคมสงเคราะห์ แผนกสาธารณภัยฟื้นฟูหลังน้ำลดแก่ชาวเชียงราย พะเยา น่าน สุโขทัย
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมค่าพาหนะ ในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568 รวม 5,000 ชุด และจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนบริการตรวจรักษาฟรี ณ สุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร
โรงพยาบาลหัวเฉียว ร่วมนำเสนอศักยภาพทางการแพทย์ในงานประชุมประชุมสมาคมแต้ติ๋วแห่งประเทศไทย
โรงพยาบาลหัวเฉียว ฉีดวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ให้แก่ผู้ป่วยฟอกไตฟรี
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดสรรงบฯ เพิ่มอีกกว่า 2.39 ล้านบาท นำน้ำใจผู้มีจิตศรัทธา เร่งลงพื้นที่ 4 จังหวัดช่วยเหลือกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อธารน้ำใจผู้มีจิตศรัทธา มอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ให้แก่ผู้อพยพจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ รวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท