กรุงเทพ--24 พ.ย.--กรมสรรพากร
นางไพฑูรย์ พงษ์เกษร เลขานุการกรม กรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2540 ที่ผ่านมา (ตุลาคม 2539 - กันยายน 2540) กรมสรรพากรได้ดำเนินการจับกุมผู้ที่กระทำความผิดโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ผู้ต้องหาทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดารวมจำนวน 47 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาเหล่านี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติคิดเป็นมูลค่าสินค้าตามใบกำกับภาษี เป็นเงินถึง 8,129,843,309.71 ล้านบาท เป็นเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 767,798,931.19 ล้านบาท โดยแยกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
1. การดำเนินการกับผู้ที่ออกใบกำกับภาษีโดยมิชอบ, ผู้ปลอมใบกำกับภาษี, ผู้จัดหาใบกำกับภาษีและหลีกเลี่ยงภาษี จำนวน 31 กลุ่ม รวมมูลค่าความเสียหายเป็นราคาสินค้าตามใบกำกับภาษี เป็นเงิน 7,004,997,043.71 ล้านบาท คิดเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม 689,059,692.57 ล้านบาท
2. การดำเนินคดีกับผู้ที่ฉ้อโกงโดยขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเท็จ จำนวน 6 กลุ่ม รวมมูลค่าความเสียหาย เป็นราคาสินค้าตามใบกำกับภาษี เป็นเงิน 392,743,544.86 ล้านบาท คิดเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม 27,492,048.14 ล้านบาท
3. การดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้ใบกำกับภาษีปลอม จำนวน 10 กลุ่ม รวมมูลค่าความเสียหายเป็นราคาสินค้าตามใบกำกับภาษีเป็นเงิน 732,102,721.14 ล้านบาท คิดเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม 51,247,190.48 ล้านบาท
เลขานุการกรม กล่าวต่อไปว่า ในปี 2540 กรมสรรพากรได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก สำนักงานอัยการสูงสุดและกรมตำรวจ ดำเนินการจับกุมผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการโกงภาษีมูลค่าเพิ่มได้เป็นจำนวนมาก และศาลได้สั่งลงโทษจำคุกไปแล้วหลายราย เพราะศาลเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ นับเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมโดยรวม จึงให้ลงโทษจำคุกโดยไม่มีการรอลงอาญาแต่อย่างใด โดยเฉพาะผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงใบกำกับภาษีรายใหญ่ เช่น
1. กลุ่มบริษัท นพรัตน์พาณิชย์ จำกัด ถูกจับกุมเนื่องจากออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีนายนพรัตน์ สงค์ไพรสณห์ เป็นจำเลย ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 14 ปี และปรับเป็นเงิน 100,000 บาท
2. กลุ่มซันดิเทกซ์ แอพพาเรล หรือกลุ่มนายวิวัฬน์ เกียรติเทพขจร (หมง) ถูกจับกุมเนื่องจากฉ้อโกงขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่ชอบ มีนายอดุลย์ ศรีประทินรัตน์ และนายภิรมย์ ตู้จินดา เป็นจำเลย ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกคนละ 20 ปี เป็นต้น
นอกจากนั้นศาลยังได้ลงโทษจำคุกผู้กระทำผิด กรณีดังกล่าวอีกหลายรายตามความผิดลดหลั่นกันลงไปรวมทั้งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอีกเป็นจำนวนมาก
"จะเห็นได้ว่า กรมสรรพากรได้พยายามติดตามจับกุมผู้ที่กระทำความผิดเหล่านี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จึงขอให้ผู้ที่ประพฤติผิดคิดไม่ชอบเกี่ยวกับใบกำกับภาษี ไม่ว่าจะเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอมหรือผู้ซื้อที่นำใบกำกับภาษีมาใช้ หยุดการกระทำของท่าน เพราะโทษที่จะได้รับนั้น มีทั้งจำคุกและโทษปรับสถานหนัก รวมทั้งขอเตือนไปถึงบรรดาผู้ประกอบกิจการทั้งหลาย ให้ใช้ความระมัดระวังในการใช้หรือรับใบกำกับภาษีจากคู่ค้าที่ติดต่อด้วย เพราะท่านอาจจะได้รับใบกำกับภาษีปลอมมาโดยที่ท่านไม่ทราบ ซึ่งท่านอาจจะมีความผิดด้วย ดังนั้น เพื่อความมั่นใจ ขอให้ท่านดำเนินการธุรกิจกับผู้ที่เคยค้าขายกันมา และชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการด้วยเช็คแทนเงินสด เพื่อป้องกันธุรกิจของท่านอีกทางหนึ่ง และช่วยให้การตรวจสอบหาผู้กระทำความผิดได้ง่ายขึ้น กรมสรรพากรขอยืนยัน ว่าจะจัดการกับกลุ่มที่โกงภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และเด็ดขาด เพื่อขจัดผู้กระทำผิดเหล่านี้ให้หมดไปโดยเร็ว" เลขานุการกรม กรมสรรพากร กล่าวในที่สุด--จบ--