กรุงเทพ--10 เม.ย.--กรมสรรพากร
กรมสรรพากรใช้มาตรการเข้มกับผู้เสียภาษีที่มีภาษีต้องชำระหนือนำส่งแต่ไม่ชำระภาษีหรือนำส่งภาษีพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ทั้งนี้ เพราะกรณีดังกบ่าวกฎหมายถือว่าผู้เสียภาษีรายดังกล่าวเป็นลูกหนี้ภาษีอากรของกรมสรรพากร ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการเร่งรัดจัดเก็บภาษีอากรค้างโดยการยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ในกรณีนี้ได้ตามกฎหมาย
นางไพฑูรย์ พงษ์เกษร เลขานุการกรม ในฐานะโฆษกกรมสรรพากรเปิดเผยว่า "ตามประมวลรัษฎากรได้กำหนดให้ผู้เสียภาษีที่มีภาษีต้องชำระหรือนำส่งต้องยื่นแบบแสดงรายการพร้อมกับการชำระภาษีหรือนำส่งภาษีแล้วแต่กรณี แต่ปรากฎว่า ขณะนี้มีผู้เสียภาษีบางราย บางกลุ่มยื่นแบบแสดงรายการซึ่งมีภาษีต้องชำระหรือนำส่ง แต่ไม่ชำระหรือนำส่งภาษี บางรายก็ชำระหรือนำส่งเพียงบางส่วนพร้อมการยื่นแบบแสดงรายการโดยเจตนา ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพเสมอภาคและเป็นธรม กรมสรรพากรจึงต้องใช้มาตรการเร่งรัดหนี้ภาษีอากรค้างกับผู้เสียภาษีที่ปฏิบัติในลักษณะดังกล่าว โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่แยกแบบแสดงรายการไว้ต่างหากและให้ถือเป็นลูกหนี้ภาษีอากรในทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่มีสิทธิที่จะดำเนินการยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดสินทรัพย์จากผู้ค้างภาษีอากรในกรณีนี้ได้ โดยไม่ต้องมีคำสั่งศาล ทั้งนี้ เป็นการปฏิบัติตามมาตรา 12 แห่งประมวลรัษฎากรและตามระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการเร่งรัดภาษีอากรค้างรวมทั้งการดำเนินคดีทางศาลให้ถึงที่สุดด้วย
จึงขอให้ผู้เสียภาษีที่มีภาษีต้องชำระหรือนำส่งภาษีได้ชำระภาษีหรือนำส่งภาษีแล้วแต่กรณีพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการด้วย และหากท่านใดไม่สามารถชำระภาษีได้ครบถ้วน ก็ให้ขอผ่อนชำระภาษีได้ตามระเบียบที่กรมสรรพากรกำหนด" โฆษกกรมสรรพากรกล่าวในที่สุด--จบ--