เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยถึง แนวนโยบายการดำเนินงานตามโรดแมพ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยกับรัฐบาล ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถึงการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม (วทน.) เพื่อนำไปสู่การผลิตและบริการที่ทันสมัย นั้น กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักที่สนับสนุนงานด้านดังกล่าว พร้อมที่จะเป็นข้อต่อให้ทุกกระทรวงเพื่อเป็นพลังร่วม ไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการศึกษา จึงได้จัดทำ โรดแมพ สำหรับการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศโดย ใน 6 แผนงานหลักดังนี้คือ
แผนงานแรก คือ การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D CENTER) เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต ส่งเสริมการลงทุนด้านวิจัย เพิ่มประสิทธิภาพแรงงานไทย สร้างโอกาสทางอาชีพให้กับบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ฯลฯ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยจากฐานการผลิตที่อาศัยแรงงานราคาถูก มาเป็นฐานการผลิตที่ใช้ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
แผนงานที่ 2. กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะให้การสนับสนุนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (Mega-Projects) ประกอบด้วย การพัฒนากำลังคนและเทคโนโลยีระบบราง การสนับสนุนการจัดตั้ง Rubber City โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนากำลังคน และเพิ่มมูลค่าผลผลิตของอุตสาหกรรมยางพารา การจัดตั้งเมืองนวัตกรรมด้านอาหาร หรือ Food Innopolis ฯลฯ อันนำไปสู่ความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีจากต่างประเทศ การมีส่วนร่วมของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของคนไทย การเพิ่มมูลค่าของทรัพยากรไทย และ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนตามภูมิภาคต่างๆ
แผนงานที่ 3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ด้วย One-stop Service ด้านการวัดและวิเคราะห์ มาตรฐานและคุณภาพ การบริการห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมสังคมสีเขียว เทคโนโลยีสีเขียว การลดกำแพงทางการค้า การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไทย
แผนงานที่ 4. ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ตลอดจนพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชน ทั่วประเทศ ให้เข้าถึง วทน.ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนให้ได้มาตรฐานแข่งขันได้ การสร้างโอกาสให้ SMEs เข้าถึงกองทุนวิจัยและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาของภาครัฐ
สำหรับแผนงานที่ 5. กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงมากขึ้น เช่น การจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อคนพิการและผู้สูงอายุ สนับสนุนให้เกิดพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ หอดูดาว ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาสนใจวิทยาศาสตร์ การเพาะปลูกอัจฉริยะ (Smart Farming) โดยใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศในการควบคุมการเพาะปลูก การสร้างสมาคมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อสนับสนุนข้อมูลเพื่อการตัดสินใจแก่ภาครัฐ การจัดตั้งสถาบันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนวัตกรรม นำไปสู่การขับเคลื่อนขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs เป็นต้น
สำหรับแผนสุดท้ายคือ แผนงานที่ 6 นั้น จะเน้นการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง โดยผลักดันนวัตกรรมเป็นวาระแห่งชาติ ปรับโครงสร้างการกำกับดูแลและการบริหารจัดการด้าน วทน.ของประเทศ ผลักดันให้มีการจัดทำกรอบงบประมาณราย 5 ปี เพื่อให้เกิดการลงทุนที่มีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจนได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อใช้ วทน. ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรและบริหารจัดการทรัพยากรให้คุ้มค่าและยั่งยืน รวมถึงการยกระดับศูนย์วิจัยต่างๆ ทั่วประเทศ
“ โรดแมพทั้ง 6 แผนงาน ตามที่ได้กล่าวข้างต้น กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ พร้อมที่จะเป็น “ข้อต่อ” ของทุกกระทรวงเพื่อเดินสู่เป้าหมายเดียวกันคือปฏิรูปประเทศไทย และเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ดร.พิเชฐ กล่าวย้ำ
