ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคารและสารเคลือบผิวรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดวัสดุก่อสร้าง ในวันที่ 10 ตุลาคม 2560
TOA มีผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร ผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวและผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ครอบคลุมทุกระดับราคาและการใช้งาน โดยกลุ่มลูกค้าเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นช่างมืออาชีพ และลูกค้าที่ซื้อสินค้าด้วยตัวเอง (buy it yourself หรือ BIY) มีทุนจดทะเบียน2,029 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,775 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 254 ล้านหุ้น โดยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน (IPO) ในครั้งนี้เป็นการเสนอขายหุ้นสามัญ 507.6 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุน 254ล้านหุ้นและหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท 253.6 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 24 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 6,096ล้านบาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 48,696 ล้านบาท โดยมี บมจ. บล. กสิกรไทย และ บมจ. บล. บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ไปพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพภายในบริษัทฯ ขยายธุรกิจในประเทศและรองรับแผนการสร้างโรงงานผลิตสีแห่งใหม่ในต่างประเทศอีก 3 แห่ง ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย เมียนมาร์ และกัมพูชา ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 14.5 ล้านแกลลอนต่อปี สามารถตอบสนองความต้องการใช้สีในภูมิภาคอาเซียนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวใน AEC
TOA มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลังการเสนอขายหุ้น IPO ได้แก่ ครอบครัวตั้งคารวคุณ ถือหุ้นรวม 75.17% UBS Securities Pte Ltd เป็นผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้น 10.78% และ AIA TH EQ 2 P ถือหุ้น 0.56% ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (book building) โดยราคา IPO เท่ากับ 24 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ของบริษัทฯ เท่ากับ 24.40 เท่า โดยพิจารณาจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2559 ถึงไตรมาส 2 ปี 2560) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด (fully diluted) ซึ่งมีค่าเท่ากับ 0.98 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ตามที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.toagroup.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th
STA ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในระดับสูงสุด "AAA" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
ADVICE ร่วมเวที ก.ล.ต.-ตลท. จับตาภัยมิจฉาชีพออนไลน์ ย้ำบทบาทบริษัทจดทะเบียนรับมือภัยไซเบอร์
SCL เข้าร่วม JUMP+ ประกาศวิสัยทัศน์ 3 ปี ขับเคลื่อนกำไร ลงทุน Warehouse Automation รุกตลาดอะไหล่ยุโรปและ EV
ทานตะวันอุตสาหกรรม (THIP) คว้าหุ้นยั่งยืนประจำปี 2568 ระดับ "A" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จาก SET
PROUD คว้า SET ESG Ratings 2568 ระดับ "A" สะท้อนผู้นำอสังหาฯ ระดับลักชัวรี เติบโตยั่งยืนทุกมิติ
CKPower คว้าผลประเมิน SET ESG Ratings 2025 ระดับสูงสุด AAA
บล.เมย์แบงก์ ชี้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2569 "ตลาดพร้อมลุย" แนะมองข้ามความผันผวนระยะสั้น
TFG สุดปลื้ม! คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ปี 68 ระดับ AA สะท้อนศักยภาพการบริหารจัดการครบทุกมิติ ESG สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
บางกอกแอร์เวย์ส (BA) คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับ A" จาก SET ESG Ratings 2025