"กรม สบส." แนะปฏิบัติตาม "กฎหมายอุ้มบุญ" อย่างเคร่งครัด จับตา "สื่อดิจิตอล" โฆษณา "กลุ่มลับ กลุ่มปิด" เครือข่ายมอนิเตอร์ 24 ชั่วโมง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แนะปฏิบัติ ทุกฝ่าย ตามกฎหมายอุ้มบุญอย่างเคร่งครัด ยิ่งในยุคดิจิตอล ยิ่งต้องระวังสื่อดิจิตอล พบหลบหลีกช่องทาง ลงไปใต้ดินมากขึ้น หากพบโพสต์รับจ้างอุ้มบุญ ซื้อขาย อสุจิ ไข่ ตัวอ่อน หรือเป็นนายหน้า จะลงโทษตามกฎหมายทันที
กองบรรณาธิการข่าว เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com รายงานว่า นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศประเทศที่มีเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย
          และมีอัตราความสำเร็จจากการรับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ค่อนข้างสูง ทำให้นานาประเทศเกิดความมั่นใจ และต้องการรับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ กับแพทย์และสถานพยาบาลของประเทศไทย
          ดังนั้น เพื่อช่วยให้คู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีบุตรยากได้มีบุตรตามต้องการโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ กำหนดสถานะความเป็นบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และควบคุมการศึกษาวิจัย มิให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
          จึงร่วมตรากฎหมาย พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 ขึ้น โดยมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา
          แต่ด้วยในยุคดิจิตอลที่หลายคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต และสื่อโซเชียลได้โดยง่าย ยิ่งต้องระวังเพราะอาจจะมีการเผยแพร่ข้อมูลหรือโพสต์ข้อความที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายผ่านสื่อโซเชียล
          ทั้งกลุ่มลับ กลุ่มปิด กลุ่มไลน์ ซึ่งเป็นสื่อช่องทางใหม่ที่มีสมาชิกจำนวนมาก แต่ละกลุ่มมีเป็นแสน หรือ เกือบล้านคน ดังนั้นเครือข่ายได้มีการมอนิเตอร์อย่างต่อเนื่อง
          โดย การรับจ้าง หรือจ้างวานให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน (อุ้มบุญ) การเสนอขายไข่ อสุจิ ตัวอ่อน หรือเป็นนายหน้าให้มีการอุ้มบุญเพื่อประโยชน์ทางการค้า
          ซึ่งการกระทำดังกล่าวล้วนผิดกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ร่างกาย อาทิ การขายไข่จะส่งผลให้ผู้ที่ขายไข่มีโอกาสติดเชื้อ ตกเลือด มีโอกาสแทรกซ้อนเสียชีวิตจากการกระตุ้นไข่ และส่งผลให้ในอนาคตมีลูกยากอีกด้วย
          ดังนั้น เพื่อป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งคุ้มครองสุขภาพ ความปลอดภัยของหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน และเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีฯ ให้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม กรม สบส.ขอเน้นย้ำให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
          หากมีการให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทนจะต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคทพ.) ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์ขออนุญาตจะต้องเป็นคู่สมรสชาวไทยที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย
หรือคนไทยที่สมรสกับชาวต่างชาติอย่างน้อย 3 ปีเท่านั้น หากผู้ใดฝ่าฝืนกฎหมาย กรม สบส.จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายโดยไม่ละเว้นแต่อย่างใด
          ด้าน ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (สพรศ.) กล่าวว่า สำหรับบทกำหนดโทษตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 จะแบ่งตามลักษณะการกระทำผิด
          อาทิ หากผู้ใดรับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท, กระทำการซื้อ ขายอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, เป็นนายหน้า ชี้ช่องทางให้มีการรับตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          และโฆษณา หรือ ไขข่าว ( ผู้ส่งข่าวสารให้แพร่หลายซ้ำ ) ว่ามีหญิงประสงค์รับตั้งครรภ์ หรือมีบุคคลที่ประสงค์ให้หญิงอื่นรับตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ กรม สบส.ขอความร่วมมือประชน หากพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายการรับจ้างอุ้มบุญ ซื้อขาย อสุจิ ไข่ ตัวอ่อน หรือเป็นนายหน้าโดยบุคคลหรือสถานพยาบาลใดก็ตาม ให้แจ้งเบาะแสมาที่ กลุ่มคุ้มครองเด็กที่เกิด โดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สพรศ. หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18419
          เฟสบุ๊คสารวัตรสถานพยาบาลออนไลน์ และกองกฎหมาย หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18830, เฟสบุ๊คมือปราบสถานพยาบาลเถื่อน ในวันและเวลาราชการเพื่อป้องปรามการกระทำผิดต่อไป

"กรม สบส." แนะปฏิบัติตาม "กฎหมายอุ้มบุญ" อย่างเคร่งครัด จับตา "สื่อดิจิตอล" โฆษณา "กลุ่มลับ กลุ่มปิด" เครือข่ายมอนิเตอร์ 24 ชั่วโมง

ข่าวกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ+ธงชัย กีรติหัตถยากรวันนี้

กรมสบส.จัดทำยุทธศาสตร์ รองรับการเคลื่อนย้ายผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข 3 สาขาจาก 10 ประเทศอาเซียน

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จัดทำยุทธศาสตร์เตรียมการรองรับเคลื่อนย้ายผู้ประกอบวิชาชีพบริการสุขภาพ 3 สาขา ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ และพยาบาล ในกลุ่ม 10 ประเทศอาเซียน ให้สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรี ไม่ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน ไม่ขัดกับข้อปฏิบัติ หลักเกณฑ์ เงื่อนไขของสภาวิชาชีพ และองค์กรวิชาชีพในระดับนานาชาติ พร้อมประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร 3 องค์กรวิชาชีพหลักผ่านเว็บไซต์บริการสุขภาพอาเซียน ASEAN Healthcare Service นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม

พิธีเปิดอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavil... พิธีเปิดอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) สุดยิ่งใหญ่ — พิธีเปิดอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) สุดยิ่งใหญ่ นำเสนอความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก ในงา...

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรว... สบส. ชวนร่วมกิจกรรม "Co-Creating MedTech Safety for All" ปั้นนวัตกรรมการแพทย์สู่การใช้งานจริง — กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดโอ...

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรว... สบส. จัดเวทีสร้างความเข้มแข็งปั้นแกนนำสุขภาพ ลดเสี่ยง ลดโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี — กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จัดเวทีสร้...

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรว... สบส. เดินหน้าพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ ส่งเสริมและควบคุมมาตรฐานการเรียนการสอนด้านบริการสุขภาพ — กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้า...

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรว... สบส.ชวนแสดงความเห็นร่างคู่มือตรวจสอบระบบวิศวกรรมห้องบริการทางการแพทย์ — กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เชิญชวนผู้ดูแลความปลอดภัย อาชี...

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรว... สบส.เสริมพลังเครือข่าย ยกระดับคุณภาพงานสุขศึกษาในสถานพยาบาลภาครัฐ — กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าพัฒนาเครือข่ายการดำเนินงาน...