คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล ขอเชิญร่วมเสวนาออนไลน์แนะวิธีใช้ชุดตรวจ COVID-19 เบื้องต้นด้วยตัวเอง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา ให้ประชาชนสามารถใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ตรวจคัดกรอง COVID-19 ได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้สามารถวินิจฉัย รักษา และป้องกันที่เหมาะสมโดยเร็ว ทำให้เกิดความต้องการอุปกรณ์ดังกล่าวมาใช้ทดสอบด้วยตัวเองอย่างแพร่หลาย แนะใช้คัดกรองเบื้องต้นเฉพาะกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสต่อโรค และควรมีการกำจัดชุดตรวจที่ใช้แล้วด้วยจิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล ขอเชิญร่วมเสวนาออนไลน์แนะวิธีใช้ชุดตรวจ COVID-19 เบื้องต้นด้วยตัวเอง

อ.ดร.ทนพ.เมธี ศรีประพันธ์ อาจารย์นักเทคนิคการแพทย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงวิธีการตรวจยืนยันการติดโรค COVID-19 ในปัจจุบันว่า ยังคงเป็นวิธี RT-PCR ซึ่งข้อดีของการใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ตรวจคัดกรอง COVID-19 ที่ประชาชนทั่วไปสามารถหาซื้อมาตรวจได้ด้วยตัวเองนั้น คือจะช่วยในการแยก หรือคัดกรองผู้ที่มีผลบวกเบื้องต้น หรือกลุ่มเสี่ยงให้เข้ารับการรักษา หรือดูแลในระบบสาธารณสุขให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ หากผู้ตรวจมีความจำเป็นต้องใช้หลักฐานการตรวจที่รับรองโดยแพทย์ จะต้องไปตรวจในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลเท่านั้น ซึ่งสำหรับผู้ที่ยังไม่มีความเสี่ยงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจ และหากจำเป็นต้องตรวจเมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และซื้อจากสถานพยาบาล คลินิกเวชกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ และร้านยาที่มีเภสัชกรคอยให้คำปรึกษาเท่านั้น ไม่ควรหาซื้อเองผ่านทางออนไลน์ ตลาดนัด หรือผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์

ซึ่งตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) แห่งสหประชาชาติ ข้อที่ 6 ที่ว่าด้วยน้ำและระบบสุขาภิบาลสะอาด (Clean Water and Sanitation) ควรใช้ชุดตรวจCOVID-19 ด้วยจิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสก่อโรคCOVID-19 โดยผู้ตรวจจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่การเลือกชุดตรวจที่ผ่านการรับรองคุณภาพ การเก็บและเตรียมตัวอย่างตรวจ การใช้งานชุดตรวจ การอ่านและแปลผล รวมถึงการกำจัดชุดตรวจที่ใช้งานแล้ว ซึ่งการเก็บตัวอย่างตรวจ ไม่ว่าจะเป็นการแหย่จมูก (swab) โดยใช้ก้านสำลีที่ให้มากับชุดตรวจ สอดเข้าไปในรูจมูกเพื่อเก็บตัวอย่าง หรือการเก็บตัวอย่างตรวจโดยใช้น้ำลาย รวมถึงการดำเนินการตรวจนั้น ควรทำด้วยตัวเอง ในพื้นที่ที่แยกจากบริเวณอื่น และควรทำตามขั้นตอน หรือคำแนะนำในเอกสารประกอบชุดตรวจ หรือ VDO Clip ของชุดตรวจแต่ละยี่ห้อ ซึ่งสามารถสแกนได้จาก QR Code ที่แนบมากับผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด ซึ่งการเพิ่มหรือลดขั้นตอนเอง อาจทำให้ผลการตรวจผิดพลาดได้ ภายหลังการตรวจและอ่านผลแล้วให้ทิ้งชุดตรวจ รวมถึงอุปกรณ์ทั้งหมดในถุงพลาสติกที่มีน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยควรซ้อนถุง 2 ชั้น และรัดปากถุงให้แน่นก่อนทิ้ง รวมถึงเขียนข้อความติดไว้ด้วยว่า "ชุดตรวจCOVID-19 ใส่น้ำยาแล้ว" จากนั้น จึงนำไปทิ้งในถังขยะติดเชื้อ (ถังสีแดง) เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้อื่น แต่ถ้าไม่มีสามารถอนุโลมให้ใส่ถังขยะทั่วไปได้

ส่วนวิธีการแปลผลตรวจนั้นก็สามารถศึกษาจาก VDO Clip ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผลการตรวจที่เป็นบวกจะมีแถบสีขึ้นทั้งที่C และ T ในขณะที่ผลการตรวจที่เป็นลบจะมีแถบสีขึ้นที่ C ด้านเดียว นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงหากตรวจแล้วได้ผลลบ ให้เว้นช่วงและรักษาระยะห่างเพื่อตรวจซ้ำในอีก 3 - 5 วัน อย่างไรก็ตาม หากผลตรวจขึ้นแถบสีที่ T ด้านเดียวหรือไม่มีแถบสีใดขึ้นเลย จะไม่สามารถอ่านและแปลผลได้ต้องตรวจซ้ำ หรือเปลี่ยนชุดตรวจใหม่

ชุดตรวจ ATK สำหรับตรวจคัดกรองด้วยตัวเองมีจำหน่ายที่สถานปฏิบัติการเภสัชชุมชน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ เปิดทำการทุกวันจันทร์ พุธและศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 15.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-2644-4609

และในวันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม 2564 ที่จะถึงนี้  ระหว่างเวลา12.45 - 15.00 น. ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ขอเชิญร่วมฟังการเสวนาวิชาการออนไลน์ MUPY Webinar LIVE เรื่อง "การตรวจและแปลผลการตรวจคัดกรองโรค COVID-19 ด้วยชุด Antigen Test Self - Test Kit ในร้านยา และการแนะนำการดูแลตนเอง" ผ่าน YouTube Channel: MUPharmacy Mahidol University ลงทะเบียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่www.pharmacy.mahidol.ac.th

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th


ข่าวกระทรวงสาธารณสุข+คณะเภสัชศาสตร์วันนี้

"ใครกรนต้องรู้! มจธ. พัฒนา 'หมอนรองคออัจฉริยะ' สั่นเตือนก่อนคุณหยุดหายใจ"

"การกรน" เป็นสัญญาณของภัยเงียบที่ร้ายแรงกว่าที่หลายคนคิด เพราะคือเสียงเตือนของ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea OSA) ที่กำลังเป็นปัญหาด้านสุขภาพของคนทั่วโลก โดยเฉพาะเพศชาย อายุ 30 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือผู้ที่มีโครงสร้างทางเดินหายใจแคบ ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลเฉพาะด้านการนอนเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงของ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง และอุบัติเหตุจากการหลับใน ในประเทศไทยเอง งานวิจัยของ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประชากรไทยมากถึง 10-30%

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธ... สบส. เผยผลสำรวจพฤติกรรมการถูกกลั่นแกล้ง พบเด็กไทยเสี่ยงทำร้ายตัวเองมากกว่า 1 ใน 4 — กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมเครือข่ายเฝ้าระวัง...

กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ สภาอุตสาหก... ส.อ.ท. ผนึกภาครัฐ-เอกชน-นักวิจัย จัด BIOTEC FTI Forum ดันเทคโนโลยีชีวภาพสร้างอนาคตเศรษฐกิจไทย — กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ...

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข "ชัยชน... สธ. เปิดตัว "Smart Healthcare TTM" ยกระดับการให้บริการแพทย์แผนไทย ด้วยเทคโนโลยี AI — รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข "ชัยชนะ เดชเดโช" เปิดตัว "Smart He...