กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย ประเทศไทยเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว พร้อมแนะนำหลักการปฏิบัติตนในหน้าร้อน ให้ประชาชนนำไปปฏิบัติตามเพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อน
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความร้อนในเดือนมีนาคม พบว่าบางวันมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และจากการเฝ้าระวังค่าดัชนีความร้อน หรือ Heat Indexของประเทศไทย ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เรารู้สึกร้อนมากกว่าอุณหภูมิจริง โดยการวิเคราะห์จากค่าอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ โดยแบ่งระดับความรุนแรงต่อสุขภาพเป็น 4 ระดับ คือ ระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว) ระดับเตือนภัย (สีเหลือง) ระดับอันตราย (สีส้ม) และระดับอันตรายมาก (สีแดง) ซึ่งจากการคาดการณ์ค่าดัชนีความร้อน ตั้งแต่วันที่ 5 - 14 มีนาคม 2568 พบว่ามีค่าดัชนีความร้อนอยู่ที่ 42.0 - 51.9 องศาเซลเซียส ซึ่งอยู่ในระดับอันตราย (สีส้ม) โดยเฉพาะในภาคใต้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งจะผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยจากความร้อน เช่น ผื่น ตะคริว ลมแดด เพลียแดด และฮีทสโตรก ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงที่สุดของโรคที่เกิดจากความร้อน เนื่องจากอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยผู้ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ผู้ที่ติดสุรา ผู้ที่มีภาวะทางจิตเวช ผู้โรคที่มีภาวะอ้วนและผู้ที่มีโรคประจำตัว
นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยจึงแนะนำวิธีปฏิบัติตน เพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อน 7 ข้อ ดังนี้ 1) ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ ค่าดัชนีความร้อน และพิจารณาเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ในช่วงที่อากาศร้อนจัด หรือดัชนีความร้อนอยู่ในระดับอันตราย 2) ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ และสังเกตสีปัสสาวะ หากมีสีเข้ม แสดงว่าร่างกายขาดน้ำ ให้ดื่มน้ำทันที 3) งดดื่มแอลกอฮอล์ ของมึนเมา เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม เป็นต้น 4) สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี5) ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาแก้คัดจมูก ยาขับปัสสาวะ ยารักษาจิตเวช อาจส่งผลต่อการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ผู้ที่รับประทานยาดังกล่าวจึงควรหมั่นสังเกตอาการตนเองหากมีอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์ทันที 6) ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เพื่อคอยสังเกตอาการซึ่งกันและกัน 7) ผู้สูงอายุ ควรดื่มน้ำบ่อย ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงที่อากาศร้อนจัด และสังเกตอาการผิดปกติเป็นพิเศษ
"หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีผิวหนังร้อนแดง ชีพจรเต้นเร็วและแรง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน รวมทั้งความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป ตอบสนองช้า พูดจาสับสน กระวนกระวาย มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ก้าวร้าวประสาทหลอน ซึมลง เป็นลม หมดสติ ให้รีบปฐมพยาบาล โดยผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลังคอ รักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายลดลงโดยเร็ว และนำรีบส่งโรงพยาบาลหรือโทร 1669" รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
กรมอนามัย เตือนฝุ่นและก๊าซรอบกองขยะหลังน้ำลดในพื้นที่หาดใหญ่ แนะผู้ปฏิบัติงาน-ประชาชน ป้องกันตนเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
สธ.-มหาเถรสมาคม เดินหน้าพัฒนาศักยภาพพระธรรมนิเทศด้านสุขภาวะ ยกระดับ "พระแข็งแรง วัดมั่นคง ชุมชนเป็นสุข"
กรมอนามัย ปั้นนักจัดการสุขภาพครอบครัว ทั่วไทยรอบรู้ ลดเสี่ยง NCDs
กรมอนามัย ร่วมส่งน้ำใจช่วยภัยน้ำท่วม พร้อมเป็นหนึ่งช่องทางรับสิ่งของช่วยเหลือ
กรมอนามัย ระดมทีม SEhRT ลงพื้นที่ฟื้นฟูการจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้
กรมอนามัย เตรียมพร้อมสนับสนุนชุดจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่ภาคใต้
กระทรวงสาธารณสุขประกาศ ไทยก้าวสู่สุขอนามัยยั่งยืน "วันส้วมโลก 2568" ชูมาตรฐาน HAS ทั่วประเทศ พร้อมก้าวสู่สากล
กรมอนามัย เตรียมทีมปฏิบัติการตรวจเฝ้าระวังสุขอนามัย รับเจ้าภาพซีเกมส์ อาเซียนพาราเกมส์ 2025
สธ. ชูนโยบาย 3 ด้าน ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จับมือ มูลนิธินมแม่ฯ - สสส. ร่วมผลักดันสังคมนมแม่ยั่งยืน หนุนไทยก้าวข้ามวิกฤติเด็กเกิดน้อย