สิงคโปร์--11 พ.ย.--ซีเอ็นดับบลิว-เอเชียเน็ท
นายโรเบิร์ต เอ็ม.ไฟรด์แลนด์ ประธานและผู้บริหารของบริษัทไอแวนโฮ แคปิตอล คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศเมื่อวานนี้ว่าทางบริษัทมีความมุ่งหมายที่จะเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทแซมเบีย คอนโซลิเดเต็ด คอปเปอร์ ไมนส์ (แซดซีซีเอ็ม) เพื่อที่จะพัฒนาและเปิดดำเนินการเหมืองทองแดงแชมบิชิครั้งใหม่
ทางด้านทีม ZCCM Privatization Negotiating Team ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลสาธารณรัฐแซมเบีย ได้แนะนำบริษัทไอแวนโฮ แคปิตอล คอร์ปอเรชั่นเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า บริษัทไอแวนโฮได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะในกระบวนการประมูลแข่งขันระดับนานาชาติสำหรับเหมืองแชมบิชิ โดยการทำธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นการเจรจาเกี่ยวกับสัญญาที่ชัดเจนแน่นอน
ข้อเสนออย่างเป็นทางการของบริษัทไอแวนโฮ แคปิตอล คอร์ปอเรชั่นเพื่อที่จะซื้อเหมืองดังกล่าวนั้น ประกอบไปด้วยการดำเนินการ ซึ่งบริษัทไอแวนโฮจะตั้งบริษัทของแซมเบียเพื่อที่จะเป็นผู้รับเหมาเหมืองดังกล่าว,ได้รับใบอนุญาตในการทำเหมืองและสิทธิเหนือที่ดิน โดยทางบริษัทไอแวนโฮจะถือหุ้น 85 % ของบริษัทดังกล่าว และแซดซีซีเอ็มจะถือหุ้น 15 % และบริษัทไอแวนโฮจะจัดสรรเงินสำหรับการศึกษาความเป็นไปได้ในการทำเหมืองและการดำเนินการผลิตอีกครั้งตามที่ได้วางแผนไว้
นายไฟรด์แมนกล่าวว่า "แผนการแปรรูปเป็นเอกชนของแซมเบียเป็นที่ดึงดูดความสนใจของกลุ่มบริษัทเหมืองแร่ขนาดใหญ่ทั่วทุกแห่ง ในขณะนี้บริษัทไอแวนโฮได้มีโอกาสเพียงหนึ่งเดียวในการที่จะมีส่วนร่วมในการแปรรูปพื้นที่ผลิตทองแดงของแซมเบียที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยเรากำลังพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการฟื้นฟูและเปิดดำเนินการเหมืองดังกล่าวอีกครั้ง, การทำให้เหมืองแชมบิชิกลายเป็นผู้ผลิตทองแดงระดับโลกที่มีต้นทุนต่ำ โดยมีทองคำเป็นผลพลอยได้"
นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า "เหมืองแชมบิชิเป็นหนึ่งในเหมืองทองแดงที่สำคัญของโลก ผมมั่นใจว่าด้วยเงินลงทุนและเทคโนโลยีใหม่ๆ จะทำให้เราสามารถที่จะลดค่าใช้จ่ายในการผลิตลงมาอยู่ระดับต่ำของช่วงต้นทุนของนานาประเทศ และจะสามารถที่จะกลับมาดำเนินการผลิตทองแดงตามเป้าหมายต่อปีในเบื้องต้นที่ระดับประมาณ 40,000 ตัน โดยเหมืองดังกล่าวนี้มีศักยภาพที่สำคัญในการขยายการผลิต"
เหมืองแชมบิชิ ซึ่งอยู่ห่างไปทางเหนือของเมืองคิทเวไปประมาณ 20 กิโลเมตรนั้น ได้ผลิตสินแร่ได้ 2.5 ล้านตันต่อปีก่อนที่จะปิดดำเนินการในปี 1987 ท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจ และในปี 1994 การศึกษาความเป็นไปได้ของทีม ZCCM ได้บ่งชี้ว่า เหมืองดังกล่าว จะสามารถเปิดดำเนินการโดยมีกำไรได้อีกครั้ง และจะสามารถดำเนินการผลิตในอัตราประมาณ 2 ล้านตัน/ปี โดยแบ่งเป็นทองแดง 2.25 % ซึ่งแหล่งแร่หลักของเหมืองนี้มีแร่อยู่ 33.5 ล้านตันในเกรดทองแดง 2.55 % และแหล่งแร่เพิ่มเติมที่จะให้ผลผลิต 47 ล้านตันโดยเป็นทองแดง 2.27 % นั้นอยู่ทางตะวันตกของแหล่งแร่หลักในขณะที่มีแร่อีก 69.7 ล้านตันเกรดทองแดง 2.59 % และโคบอลท์ 0.13 % อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ภายในพื้นที่ที่ได้รับใบอนุญาตสำหรับเหมืองแชมบิชิ
ทั้งนี้ บริษัทไอแวนโฮ แคปิตอล คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้จัดการในเรื่องการให้เงินสนับสนุนการลงทุนและดำเนินโครงการ โดยทางบริษัทมีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะในเรื่องการริเริ่มและพัฒนาโครงการที่เกี่ยวกับทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงาน, การเคหะ และการสื่อสารในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศเกิดใหม่ --จบ--
--บิสนิวส์แปลและเรียบเรียง-พค,สจ/กช--
ด้วยศูนย์นวัตกรรมสังคม คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ริเริ่มโครงการ Financial Communication Center ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์นวัตกรรมสังคมและโครงการ Townsend’s Thai โดยได้รับการสนับสนุนจาก JPMorgan Chase Foundation โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการเงินให้แก่ครัวเรือนในพื้นที่ที่ห่างไกล ภายในงานจะมีการบรรยายสรุปรวมทั้งท่านสื่อมวลชนจะมีโอกาสได้สัมภาษณ์ รองศาสตราจารย์ ดร.สันติ ถิรพัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมสังคม ศาสตราจารย์ โรเบิร์ต เอ็ม. ทาวน์เซ็นด์ จาก