กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผย กินกุ้งไทย...ปลอดภัย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพ--กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศึกษาการปฏิชีวนะตกค้างในกุ้งกุลาดำส่งออกตั้งแต่ปี 2534-2540 ตรวจพบ สารปฏิชีวนะในกุ้งลดลงอย่างมาก และอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และแนะนำเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงบริหารจัดการฟาร์มให้ดี อาจไม่จำเป็นต้องใช้สารปฏิชีวนะในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคในกุ้ง ดร.เรณู โกยสุโข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำของไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก เพื่อการบริโภคภายในประเทศมาเป็นอุตสาหกรรมส่งออกขนาดใหญ่ ซึ่งทำรายได้เข้าประเทศปีละประมาณ 60,000 ล้านบาท จากกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับสารปฏิชีวนะตกค้างในกุ้งกุลาดำส่งออกของไทยนั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้บริการตรวจรับรองคุณภาพความปลอดภัยของอาหารก่อนการส่งออก ได้ศึกษาเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว โดยตรวจวิเคราะห์สารปฏิชีวนะ ออกซีเตตราไซคลิน (Oxytetracycline) และกรดออกโซลินิก (Oxolinic acid) ในกุ้งกุลาดำเพาะเลี้ยงแช่แข็งของไทย ตั้งแต่ปี 2534-2540 จำนวน 6,959 ตัวอย่าง พบกุ้งที่มีสารทั้งสองเกินค่าปลอดภัย คือ ออกซีเตตราไซคลินเกินกว่า 0.1 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ร้อยละ 4.7 ของตัวอย่างทั้งหมด และกุ้งที่มีกรดออกโซลินิกเกินกว่า 0.05 มิลลิกรัม/กิโลกรัม คิดเป็นร้อยละ 1.1 ของตัวอย่างทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจพบสารปฏิชีวนะตกค้าง ในปี 2534 จำนวนตัวอย่างที่มีการตกค้างของออกซีเตตราไซคลินและกรดออกโซลินิก ลดลง 9 และ 4 เท่าตามลำดับ แสดงว่า สารปฏิชีวนะตกค้างในกุ้งกุลาดำลดลงอย่างชัดเจน ดร.เรณู โกยสุโข กล่าวต่อไปว่า การเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำจะต้องมีการบริหารจัดการฟาร์มที่ดี เพื่อป้องกันการเกิดโรคในกุ้ง หากบริหารจัดการไม่ดีพอเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจำเป็นต้องใช้สารปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคในกุ้งหากใช้ยาในระยะที่กุ้งกำลังเจริญเติบโตขนาดที่จับขายได้ โดยไม่มีระยะเวลาของการหยุดใข้ยาตามกำหนดประมาณ 15 วัน ก่อนการจับ ก็จะทำให้มีการตกค้างของสารปฏิชีวนะในกุ้ง ฉะนั้น เกษตรกรจึงควระมัดระวังในข้อนี้ เพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าที่ส่งไปขายในตลาดที่สำคัญ เช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เป็นต้น จากการศึกษาของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ดังกล่าว แสดงว่าปัญหาการตกค้างขอสารปฏิชีวนะในกุ้งกุลดำ ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ดำเนินโครงการเฝ้าระวังเพื่อติดตามความปลอดภัยของอาหาร ทั้งที่ดำเนินการเองและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคอยู่อย่างสม่ำเสมอจึงขอให้ผู้บริโภคอย่าตื่นตระหนกและวิตกกังวลจนเกินไป รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 5910203-14 ต่อ 9016-17 โทรสาร 5911707--จบ--

ข่าวกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์+กรมวิทยาศาสตร์วันนี้

สวทช. ชูศักยภาพด้านการทดสอบความปลอดภัยระดับโลก "TBES-NSTDA" ผ่านการรับรอง OECD GLP ยกระดับระบบโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์ของไทย

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในการยกระดับมาตรฐานห้องปฏิบัติการของไทย สู่ระดับสากล เนื่องจากศูนย์ทดสอบทางพิษวิทยาและชีววิทยา (Toxicology and Bio Evaluation Service Center หรือ TBES) ภายใต้ สวทช. ได้รับมอบ ประกาศนียบัตร Certificate of Compliance to OECD Principles of GLP (Good Laboratory Practice) ในขอบข่ายการศึกษาทางพิษวิทยา จากสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

นายกิตติคุณ รอดรังนก ประธานเจ้าหน้าที่สาย... BKGI ร่วมเปิด "อาคารศูนย์ผลิตและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง" — นายกิตติคุณ รอดรังนก ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวช...

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เดินหน้ายกระดับระบ... กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิด "ศูนย์สุขภาวะจีโนมิกส์" ก้าวใหม่ของการแพทย์แม่นยำไทย — กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เดินหน้ายกระดับระบบสุขภาพ เปิด "ศูนย์สุขภาวะจีโน...

นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร (ที่3 จากซ้าย) ประ... BKGI ผนึกกรมวิทย์ฯ รับถ่ายทอดเทคโนโลยีเซลล์บำบัด ดันไทยสู่ศูนย์กลางการแพทย์ภูมิภาค — นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร (ที่3 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แบงค...

ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ... พิธีเปิดงานการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 33 — ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางคว...

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมเครือข่ายเฝ้าร... กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมเครือข่ายเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัส hMPV — กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมเครือข่ายเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัส hMPV ทางห้องปฏิบัติการ ...