(ต่อ 3) วอร์เนอร์ บราเดอร์สร่วมกับดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส เสนอข้อมูลการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "THE TIME MACHINE"

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส ทีมงาน ไซมอน เวลส์ (ผู้กำกับการแสดง) มีประสพการณ์ทำงานทั้งภาพยนต์แอนนิเมชั่นและภาพยนต์ทั่วไป และ "The Time Machine" เป็นผลงานกำกับภาพยนต์แอ็คชั่นเรื่องแรกของเขา ล่าสุดมีผลงานร่วมกำกับการแสดงให้กับภาพยนต์แอนนิเมชั่นที่ได้รับรางวัลของดรีมเวิร์คเรื่อง "The Prince of Egypt." นอกจากนี้ยังเคยมีผลงานกำกับภาพยนต์แอนนิเมชั่น "Balto" และ "An American Tail II: Fievel Goes West" กับ "We're Back: A Dinosaur's Story." เขาเป็นที่รู้จักดีในอังกฤษ โดยเริ่มจากการร่วมงานกับ ริชาร์ด วิลเลียมสผู้เลื่องชื่อในวงการแอนนิเมชั่นด้วยการกำกับหนังโฆษณา หลังจากนั้นเป็นผู้ควบคุมการผลิตภาพยนต์แอนนิเมชั่นสร้างสรรค์เบาสมอง "Who Framed Roger Rabbit," ซึ่งเป็นการผสมผสานของหนังแอ็คชั่นกับแอนนิเมชั่นเข้าด้วยกัน ในภาพยนต์แอ็คชั่นเวลส์เคยเป็นผู้เตรียมงานสตอรี่บอร์ดและออกแบบผลงานให้กับ "Back to the Future ภาค II และภาค III." จอห์น โลแกน (บทภาพยนต์/ร่วมอำนวยการสร้าง) เป็นผู้ร่วมเขียนบทให้กับภาพยนต์ได้รับรางวัลอเคเดมีเรื่อง "Gladiator" ซึ่งได้ถูกส่งเข้าชิงรางวัลออสการ์ และ BAFTA Award โลแกนยังได้รับรางวัล Writers Guild of America นอกจากนี้ยังได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง Emmy Award ในบทภาพยนต์เรื่อง "RKO 281" ของ HBO ซึ่งได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ Best Television Miniseries or Movie. ผลงานล่าสุดของเขาได้แก่บทภาพยนต์ "Star Trek: Nemesis" และภาพยนต์ของโอลิเวอร์ สโตน "Any Given Sunday" นำแสดงโดยอัล ปาชิโน และคาเมรอน ดิอาซ เขากำลังดำเนินการเขียนบทให้กับภาพยนต์แอนนิเมชั่นเรื่องใหม่ของดรีมเวิร์ค "Sinbad." และยังเขียนให้กับ "The Last Samurai" ของเอ็ด ชวิค รวมทั้งบทภาพยนต์ชีวประวัติของอับราฮัม ลินคอน ให้กับสตีเวน สปิลเบิร์กสในฐานะนักเขียนละครผู้ประสพความสำเร็จ โลแกนเคยสร้างสรรค์ผลงานเรื่อง "Never the Sinner"ซึ่งลงโรงครั้งแรกที่ชิคาโกในปี 1985 และแสดงที่ลอนดอนเวสท์เอนด์ในปี 1990 ก่อนที่จะได้รับรางวัลจาก New York Outer Critics Circle ในฐานะละครยอดเยี่ยม. เรื่องนั้ยังได้เปิดแสดงในออสเตรเลีย อัฟริกาใต้และแถบลอนดอนรอบนอก โลแกนยังเป็นสมาชิกของ Victory Gardens Playwright Ensemble ซึ่งมีผลงานเขียนบทเรื่อง "Hauptmann" "Riverview" "The View From Golgotha" และ"Speaking in Tongues." วอลเตอร์ เอฟ พาร์กส (ผู้อำนวยการสร้าง) เคยบริหารและดำเนินงานสร้างให้กับ"Gladiator" ของริดลีย์ สก็อต นำแสดงโดยรัสเซล โครว์ และได้รับ 5 รางวัลอเคเดมี ซึ่งรวมทั้งรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยม และรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยมจากลูกโลกทองคำ และ BAFTAs, และ Broadcast Film Critics อีกด้วย ผลงานของพาร์กสยังมี "Men in Black 2" ภาคต่อจาก"Men in Black," ซึ่งเป็นการรวมตัวของทอมมี ลี โจนส์และ วิลสมิธ โดยการกำกับของแบรี่ ซอนเนอร์ฟิลด์ ผลงานร่วมอำนวยการสร้างเรื่อง "Men in Black" ของพาร์กสกับลอรี่ แมคโด นัล ทำให้ทั้งคู่ได้รับรางวัล ShoWest Producers of the Year. ผลงานสร้างเรื่องล่าสุดของพาร์กสได้แก่ "Minority Report" โดยการกำกับของสตีเวน สปิลเบิร์กส นำแสดงโดยทอม ครุยส์ และกำลังดำเนินงานสร้าง "Catch Me If You Can" ที่จะเป็นการกำกับของสปิลเบิร์กสอีกเรื่อง นำแสดงโดย ลีโอนาโด ดิ คาปริโอ และทอม แฮงค์ส และ "Ring" ซึ่งกำกับโดยกอร์ เวอร์บินสกี้ นำแสดงโดยนาโอมิ วัตส์ พาร์กสและลอรี่แมคโดนัลเป็นผู้ดำเนินงานร่วมกันของดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส ซึ่งเป็นผู้ผลิตสำคัญให้กับ DreamWorks SKG. ผลงานในอดีตที่ประสพความสำเร็จ ได้แก่ "American Beauty" ซึ่งได้รับ 5 รางวัลออสการ์ และ 3 รางวัลลูกโลกทองคำ ในฐานะภาพยนต์ยอดเยี่ยม และ "Saving Private Ryan" ภาพยนตร์ชนะรางวัลอเคเดมี และยังได้รับรางวัลลูกโลกทองคำชนะเลิศด้านการแสดง ซึ่งเป็นการผลิตร่วมกับพาราเมาท์ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 1998 พาร์กสได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอเคเดมีถึงสามครั้ง ครั้งแรกในฐานะผู้กำกับการแสดงและอำนวยการสร้างสารคดี "California Reich" ในปี 1978 ซึ่งเปิดเผยภารกิจนาซีรุ่นใหม่ในแคลิฟอร์เนีย ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งทีสองจากการประพันธ์บทร่วมกับลอเรนซ์ ลาสเกอร์ให้เรื่อง "WarGames" และครั้งที่สามในการเข้าชิงรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยม "Awakenings."ผลงานเด่นของเขาในฐานะผู้บริหารและดำเนินงานสร้าง ได้แก่ "The Mask of Zorro," "Deep Impact," "Amistad," (โดยสตีเวน สปิลเบิร์กส) "Small Soldiers," "The Peacemaker," "How to Make An American Quilt," "The Trigger Effect," "Sneakers" (ร่วมเขียนบท) "Volunteers," "Project X" และ "True Believer." เดวิด วอลด์ส (ผู้อำนวยการสร้าง) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยมเรื่อง "The Green Mile" ของแฟรงค์ ดาราบองท์ ซึ่งยังถูกเสนอชิงอีก 4 รางวัลออสการ์ วอลด์ส ยังเคยเป็นผู้บริหารงานสร้างให้กับผลงานเด่นของคลินท์ อีสต์วู้ด Valdes had "Unforgiven" ซึ่งกวาด 4 รางวัลอเคเดมีรวมทั้งภาพยนต์ยอดเยี่ยมไปครองวอลด์สทำงานร่วมกับคลินท์ อีสท์วู้ดมาเป็นเวลานานมาก เริ่มตั้งแต่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับเรื่อง "Any Which Way You Can" จากนั้นเป็นผู้บริหารงานสร้างให้กับผลงานชีวประวัติได้รางวัล "Bird" นำแสดงโดยฟอร์เรสท์ วิทเทคเกอร์ และ "White Hunter, Black Heart," นำแสดงและกำกับโดยอีสท์วู้ด และงานเรื่องต่อไป "A Perfect World," ซึ่งจะกำกับและนำแสดงโดยเควิน คอสต์เนอร์ เขายังเป็นผู้สร้าง "The Dead Pool" ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของ Dirty Harry เรื่อง "Pink Cadillac" และ "The Rookie" งานแสดงคู่ของอีสท์วู้ดและชาร์ลี ชีน ล่าสุดเขาบริหารงานสร้างให้วูล์ฟกัง ปีเตอร์สัน "In the Line of Fire" ซึ่งถูกเสนอเข้าชิงรางวัลออส-การ์นำแสดงโดยอีสท์วู้ดและเรเน รัสโซ รวมทั้งสิ้น อีสท์วู้ดและวอลด์สมีผลงานสร้างร่วมกันทั้งสิ้นกว่า 17 เรื่อง ผลงานอื่นๆ อาทิเช่น "Turbulence" นำแสดงโดย เรย์ ลิออตต้า และลอเรน ฮอลลี่ "The Stars Fell on Henrietta," โดย โรเบิร์ต ดูวัล และเอแดน ควินน์ "Like Father, Like Son," กับดัดลีย์ มัวร์ และเคิร์ก คาเมรอน และ ภาพยนต์สงครามเวียดนามของฟรานซิส คอพโพล่า เรื่อง "Gardens of Stone" สำหรับงานทีวี วอลด์สยังมีงานซีรีส์ "Moonlighting" นำแสดงโดยไซบิล เชพเฟิร์ดและบรูซ วิลลิซ เขาเกิดและเติบโตในแคลิฟอร์เนียใต้ จบการศึกษาปริญญาตรีด้านการแสดงจาก UCLA และ magna cum laude. เริ่มงานภาพยนต์ครั้งแรกโดยการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับการแสดง ร่วมงานกับผู้สร้างมีชื่อ มาร์ติน สกอร์ซเซส, วิม เวนเดอร์ส, อีสท์วู้ด และคอพโพล่า ก่อน ผลงานสร้าง "Pale Rider." ลอรี่ แมคโดนัล (ผู้อำนวยการสร้าง) เคยเป็นผู้บริหารและดำเนินงานสร้างให้กับภาพยนต์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ เรื่อง "Gladiator" รวมทั้งรางวัลลูกโลกทองคำ และ BAFTA รวมทั้งรางวัล Critics Choice ในฐานะภาพยนต์ยอดเยี่ยม เมื่อเร็วๆ นี้เธอยังเป็นผู้บริหารงานสร้างให้ "Men in Black 2" ซึ่งเป็นการกลับมาพบกันของทอมมี ลี โจนส์และ วิลสมิธ โดยการกำกับของแบรี่ ซอนเนอร์ฟิลด์ ผลงานร่วมอำนวยการสร้างในอดีตของแมคโดนัล กับวอลเตอร์ พาร์กส์ คือหนังยอดฮิต "Men in Black"ผลงานที่กำลังดำเนินงานสร้างเรื่อง "Catch Me If You Can" นำแสดงโดย ลีโอนาโด ดิ คาปริโอ และทอม แฮงค์ส " โดยการกำกับของสตีเวน สปิลเบิร์กสและ "Ring" เรื่องเขย่าขวัญซึ่งกำกับโดยกอร์ เวอร์บินสกี้ ผลงานในอดีตในฐานะผู้บริหารและดำเนินงานสร้าง มี "The Mask of Zorro," "The Peacemaker," "Amistad," "How to Make An American Quilt," "The Trigger Effect," และ "Twister"ลอรี่ แมคโดนัลทำงานร่วมกับวอลเตอร์ พาร์กส์เป็นผู้ดำเนินงานร่วมกันของดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส ซึ่งเป็นผู้ผลิตงานภาพยนต์ ผลงานที่ประสพความสำเร็จร่วมกัน ได้แก่ "American Beauty" ซึ่งได้รับรางวัลมากมายรวมทั้งรางวัลอเคเดมี และรางวัลลูกโลกทองคำ ในฐานะภาพยนต์ยอดเยี่ยม และ "Saving Private Ryan" ภาพยนตร์ชนะรางวัลอเคเดมีของสตีเวน สปิล เบิร์ก และซึ่งเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดในปี 1998 รวมทั้ง "Deep Impact" และอื่นๆ อีกมากแมคโดนัลเริ่มชีวิตงานสร้างภาพยนต์จากหนังสารคดีและผู้ผลิตข่าวที่ KRON, ซึ่งเป็นส่วนย่อยของ NBC ในซานฟรานซิสโก หลังจากนั้นเธอร่วมงานกับโคลัมเบียพิคเจอร์สในตำแหน่ง Vice President of Production สี่ปีหลังจากนั้นเธอเปิดบริษัทสร้างภาพยนต์ร่วมกับสามีของเธอ วอลเตอร์ พาร์กส ก่อนร่วมงานกับดรีมเวิร์กส แมคโดนัลดูแลด้านพัฒนาการผลิตให้กับแอมลิน เอนเตอร์เทนเม้นท์ อาร์โนลด์ เลโบวิท (ผู้อำนวยการสร้าง) เป็นนักประพันธ์บทและผู้กำกับที่ได้รับรางวัลอีกทั้งยังเป็นผู้อำนวยการสร้าง เขาเป็นผู้เขียนบท กำกับ และอำนวยการสร้างสารคดีชื่อดัง "The Fantasy Film Worlds of George Pal," เรื่องราวชีวประวัติของผู้สร้างภาพยนต์เจ้าของรางวัลหนังแนววิทยาศาสตร์และจินตคดีรุ่นบุกเบิก ผู้กำกับ The Time Machine ของเอช จี เวลส์ เมื่อถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากการทำสารคดี เลโบวิทได้ซื้อลิขสิทธิ์หนังสือและภาพยนต์ ซึ่งเขาเตรียมงานสร้างมาตั้งแต่ปี 1980 ขณะนี้กำลังเตรียมการสร้างภาพยนต์ของ จอร์จ พาล เรื่อง "The Seven Faces of Dr. Lao," และยังมีงานสร้างภาพยนต์วิทยาศาสตร์แนวโรแมนติคคอมเมดี้อยู่อีกเรื่องหนึ่ง เลโบวิทยังได้สร้างและกำกับ "The Puppetoon Movie" ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแสดงแอนนิเมชั่นอย่าง Gumby, Pokey และ Tubby the Tuba งานนี้เปิดแสดงครั้งแรกใน American Film Institute Film Festival ซึ่งถูกจัดเป็นครั้งแรก และตั้งแต่นั้นมาได้เป็นผู้คัดเลือก ในงานประกวดภาพยนต์ต่างประเทศทั้งในลอนดอน อังกฤษ; แอนเนคซี ฝรั่งเศส ; ซิดจ์ สเปนโตเกียว ญี่ปุ่น ; และเมลเบิร์น ออสเตรเลีย, รวมทั้ง Showtime เลโบวิทยังมีตำแหน่งเป็น ผู้กำกับร่วมและลำดับภาพให้เรื่อง "Rascal Dazzle" หนังเบาสมอง "Our Gang" ของฮาล ร็อค ซึ่งบรรยายโดย เจอร์รี่ ลูอิส และเนลสัน ริดเดิ้ล เขาเขียนบท กำกับ และอำนวยการสร้าง "Penny Lane" ภาพยนต์เรื่องสั้นเกี่ยวกับธนาคารของเล่นสมองกลซึ่งได้รับรางวัลมากมายจากนานาชาติ นอกเหนือจากงานภาพยนต์เขายังอำนวยการผลิต CD เพลงประกอบเรื่อง The Time Machine" แห่งปี 1960 ร่วมกับผู้แต่งดั้งเดิม รัสเซลการ์เซีย ยอร์ก ซาราเลอกุย (ผู้บริหารและดำเนินงานสร้าง) เคยอำนวยการสร้างภาพพยนต์แนววิทยาศาสตร์เขย่าขวัญ "Red Planet" นำแสดงโดย วาล คิมเมอร์, คาร์รี่ แอน มอส และเบนจามิน แบร็ต ล่าสุดเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังแอ็คชั่นเบาสมอง "Showtime" นอกเหนือจากการได้รับหน้าที่เรื่องบท เป็นการรวมตัวของโรเบิต เดอ นิโร และเอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ ร่วมกับ เรเน รัสเซล และเขายังอำนวยการสร้างเรื่อง "Queen of the Damned" ภาพยนต์เขย่าขวัญนำแสดงโดย นักร้องสาวค่าย R&B อลิยา ผู้จากไป ซึ่งมีกำหนดออกฉายไม่นานก่อน "The Time Machine." โดนัล เอ็ม แม็คอัลไพน์ (ผู้กำกับภาพ) ล่าสุดเพิ่งเป็นผู้ถ่ายทำภาพยนต์เพลงโรแมนติคที่ได้รับรางวัล "Moulin Rouge" นำแสดงโดยนิโคล คิดแมน และผลงานกำกับของเพื่อนชาวออสเตรเลีย บาซ เลอแมน ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกับเลอแมนในภาพยนต์ "William Shakespeare's Romeo + Juliet," นำแสดงโดยลีโอนาโด ดิคาปริโอ และแคลร์ เดนส์แม็คอัลไพน์เคยร่วมงานซ้ำๆ กับผู้กำกับมากหน้าหลายตา อาทิ เช่น ใน "Stepmom" "Nine Months" and "Mrs. Doubtfire"กับคริส โคลัมบัส ; เรื่อง "Clear and Present Danger" and "Patriot Games" กับฟิลลิป นอยซ์ ; เรื่อง "See You in the Morning" and "Orphans" กับ อลัน เจ พาคูล่า ; เรื่อง "Medicine Man" and "Predator" กับ จอหน์ แมคเทียแมน ; เรื่อง "Moon Over Parador," "Down and Out in Beverly Hills," "Moscow on the Hudson" และ "Tempest" กับ พอล แมคเซอสกี้ เขาเคยเป็นช่างกล้องให้กับภาพยนต์ถึงสิบเรื่องให้กับบรูซ เบเรสฟอร์ด เริ่มจาก "The Adventures of Barry McKenzie," ซึ่งเป็นงานภาพยนต์เรื่องแรกของทั้งคู่ ภายหลังแมคอัลไพน์ได้รับรางวัลถ่ายทำยอดเยี่ยมจาก Australian Film Institute Award จากเรื่อง "Breaker Morant" ของเบเรสฟอร์ดผลงานภาพยนต์เด่นอื่นๆของเขา เช่น "The Edge" โดยลี ทอมสัน และ "The Man Without a Face" โดยเมล กิบสัน เรื่อง "The Hard Way" ของจอห์น แบดแฮม เรื่อง "Stanley & Iris" โดยมาร์ติน ริท และ "Parenthood" โดยจอห์น โฮเวิร์ด เรื่อง "Harry and Son" โดยพอล นิวแมน เรื่อง"My Brilliant Career" โดยกิลเลียน อาร์มสตรอง ซึ่งก็ได้รับ รางวัลถ่ายทำยอดเยี่ยมจาก Australian Film Institute. โอลิเวอร์ สโกล (ผุ้ออกแบบศิลป์) ร่วมงานมากมายจากผลงานกำกับของโรแลนด์ เอมเมอริช เขาเป็นผู้ออกแบบศิลป์ใน "Independence Day," และ "Godzilla" กับ "Moon 44." ยังรวม ทั้งผลงานในเรื่อง "StarGate" และ "Universal Soldier."ล่าสุด เขาเป็นผู้วาดภาพประกอบให้กับ สตีเวน สปิลเบิร์กในเรื่อง "A.I." และ "Panic Room" ที่กำลังจะออกฉายของเดวิด ฟินเชอร์ ผลงานจากเรื่องอื่นๆ "Titan A.E.," "Mission to Mars," "The Haunting," "Bicentennial Man," "Batman Forever," "Virtuosity" และ "Ghost In The Machine." เขายังเป็นผู้ออกแบบศิลป์ให้กับงานอินเตอร์เนทชุด "The Quantum Project." เขาเป็นชาวเยอรมันโดยกำเนิด ร่ำเรียนวิชาออกแบบจาก Pforzheim และเริ่มงานออกแบบภาพประกอบในลงการโฆษณาและสำนักพิมพ์ก่อนย้ายถิ่นฐานมายังอเมริกา เวนย์ วาร์แมน (ผู้ลำดับภาพ) ล่าสุดเป็นผู้ตัดต่อภาพยนต์สองเรื่องที่ต่างกัน "Charlie's Angels" และ เรื่องราวของเรือดำน้ำสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง "U-571." เคยร่วมงานกับผู้กำกับอย่างสตีเวน ซาอิลเลียนในเรื่อง "A Civil Action" และ "Searching for Bobby Fischer." ผลงานเด่นของเขา ได้แก่ "The Education of Little Tree," "2 Days in the Valley," "The Last of the Mohicans," "Mighty Morphin Power Rangers: The Movie," และ"Kickboxer." เติบโตในริชมอนด์ เวอร์จิเนีย ได้รับปริญญาสาขาผลิตภาพยนต์จาก UCLA ซึ่งเพื่อนร่วมรุ่นของเขาได้รับรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยมจาก Jim Morrison ดีน่า แอพเพล (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย) เคยออกแบบเครื่องแต่งกายหลากยุคให้กับหนังยอดฮิต "Austin Powers: International Man of Mystery" และ "Austin Powers: The Spy Who Shagged Me." ผลงานอื่นๆ เช่น "Bedazzled," "Mystery, Alaska," "Now and Then," "8 Seconds," "Holy Matrimony" และ "He Said, She Said." เธอยังได้ทำงานให้กับงานผลิตทางโทรทัศน์มากมายเช่น "Weapons of Mass Distraction," "Full Body Massage," "A Mother's Instinct," "A Kiss to Die For," "Indecency" และ"Wildflower." บ็อบ ริงวูด ((ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย) เป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้ภาพยนต์ที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดในรอบปีของสปิลเบิร์ก "A.I." ร่วมงานเป็นครั้งแรกกับสปิลเบิร์กใน "Empire of the Sun" ซึ่งทำให้ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอเคเดมีและ BAFTA และยังเคยถูกเสนอเข้าชิงรางวัลกับเรื่อง "Batman" ของทิม เบอร์ตัน และ "Excalibur" โดยจอห์น บัวแมน ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นครั้งแรกผลงานเด่นต่อๆมาของเขาได้แก่ "Supernova," "Alien Resurrection," "Batman Forever," "The Shadow," "Demolition Man," "Batman Returns," "American Friends," "Alien3," "Chicago Joe and the Showgirl," "Prick Up Your Ears," "Santa Claus: The Movie" และ "Dune." นอกจากนี้ยังได้เป็นผู้ออกแบบให้กับตัวแสดงนำถึงสี่ชุดในภาพยนต์ยอดนิยม "X-Men" และชุดของมนุษย์ต่างดาวใน "My Favorite Martian." คลาวส์ เบเดลท์ (ผู้ประพันธ์เพลง) มีผลงานเพลงประกอบภาพยนต์มากมาย เริ่มจากบ้านเกิดของเขาในเยอรมันี เรื่อง "The Time Machine" ถือว่าเป็นหนังอเมริกันเรื่องแรกที่เป็นการโชว์เดี่ยวของเขา ผลงานล่าสุดจากเรื่อง "The Pledge" โดยชอว์น เพนน์ และ "Invincible" ของเวเมอร์ เฮอร์ซอกซ์ และ "Equilibrium," "Teknolust" กับ "Extreme Days." เขากำลังทำงานให้กับ "K-19: The Widowmaker" นำแสดงโดยแฮริสัน ฟอร์ด และเลียม นีสัน กำหนดออกฉายปลายปีนี้ นอกจากนี้ยังเคยร่วมอำนวยการผลิตและแต่งเพลงประกอบให้กับภาพยนต์ได้รางวัล เช่น "Gladiator," ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์และเสนอชื่อชิงรางวัลแกรมมี่ เขายังได้แต่งเพลงในเรื่อง "Pearl Harbor," "Hannibal," "Mission: Impossible II," "The Thin Red Line," "The Road to El Dorado," "The Tigger Movie" และ "Chill Factor." เจมส์ อี ไพรซ์ (ผู้ควบคุมวิชวลเอฟเฟคท์) เคยมีผลงานมาแล้วจาก "The Kid," "Bicentennial Man," "Enemy of the State" และ "Air Force One."เขายังเคยทำงานด้านดิจิตอลเอฟเฟคท์ให้ภาพยนต์หลายเรื่องอย่าง "Down Periscope," "Waterworld" และ "Hook." แมท สวีนนี่ (ผู้ควบคุมเทคนิคพิเศษ) เคยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์และได้รับรางวัล BAFTA จาก "Apollo 13." โดยรอน โฮเวิร์ด และยังได้รับรางวัลอเคเดมีอันทรงเกียรติถึงสามรางวัลด้านเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม รางวัลแรก (ร่วมกับลูซินดา สตรับ) ในปี 1987 สำหรับปืนสวีนนี่ ; รางวัลที่สอง (ร่วมกับบ็อบ สตอร์กเกอร์, จิม โฟลี่, เอ็ด การ์ดเนอร์ และชารลส์ คอนเวิร์ส) ในปี 1998 สำหรับการคิดค้นอากาศเหลวสังเคราะห์ ในปีนี้สวีนนี่จะได้รับรางวัลเป็นครั้งที่สาม (ร่วมกับ มิค รอดเจอร์ส) สำหรับการคิดค้น ออกแบบ และการทำให้เป็นจริงของ "Mic Rig."ล่าสุดเป็นผู้ควบคุมเทคนิคพิเศษให้กับภาพยนต์ประลองความเร็วเรื่อง "The Fast and The Furious." ผลงานของเขายังปรากฎในเรื่อง "Galaxy Quest," "Lethal Weapon 2, 3 และ 4," "Batman and Robin," "The Cable Guy," "Maverick," "Natural Born Killers," "Falling Down," "Arachnophobia," "The Lost Boys," "The Color Purple," "On Golden Pond" และ "Nine to Five." สแตน วินสตัน สตูดิโด (แต่งหน้าด้วยเทคนิคพิเศษให้มอร์ลอค) โดยการดูแลของ สแตนวินสตัน เจ้าของรางวัลอเคเดมีหลายรางวัล มีผลงานประดิษฐ์แอนนิเมโทรนิค หุ่นยนต์ และเทคนิคแต่งหน้าพิเศษให้กับตัวแสดง "mechas" ในหนังของสปิลเบิร์ก "A.I." ผลงานอื่นๆ ที่ผ่านมาอาทิ เช่น "Jurassic Park III" และ "Pearl Harbor."วินสตันเป็นผู้ประดิษฐ์เลื่องชื่อในวงการ อันจะเห็นได้จาก 4 รางวัลอเคเดมีที่ได้รับ รวมทั้งผลงานประดิษฐ์ไดโนเสาร์เคลื่อนไหวได้ทั้งตัวให้กับสปิลเบิร์กในเรื่อง "Jurassic Park." อีกทั้งยังได้รับสองรางวัลซ้อนในด้านแต่งหน้าและเทคนิคพิเศษจากเรื่อง "Terminator 2: Judgment Day," และอีกหนึ่งรางวัลออสการ์จากหนังเขย่าขวัญ "Aliens." นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใน "The Lost World: Jurassic Park," "Batman Returns," "Heartbeeps," "Predator" แลพ "Edward Scissorhands," ซึ่งในเรื่องนี้เขาเป็นผู้ออกแบบตัวละครเขาเริ่มชีวิตทำงานด้วยการเป็นช่างแต่งหน้า และได้รับรางวัลเอ็มมี่จากผลงานโทรทัศน์ชิ้นแรก "Gargoyles" ปัถัดมาเขาได้รับรางวัลเดียวกันเป็นครั้งที่สองจาก "The Autobiography of Miss Jane Pittman" จากการที่เขาแต่งหน้าให้ซิซิลี ไทสันจากวัยเด็กจนกลายเป็นหญิงชราอายุ 110 ปี ระหว่างปี 1973 ถึง 1979 ได้ถูกเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี่อีกถึงหกครั้ง ผลงานภาพยนต์เรื่องแรกของเขาคือการแต่งหน้าพิเศษให้ "The Wiz" ทั้งวินสตันและช่างแต่งหน้าอีกหลายคนจากสตูดิโอของเขาฝากฝีมือไว้มากมายบนแผ่นฟิล์ม ตัวอย่างเช่น "What Lies Beneath," "Galaxy Quest," "End of Days," "Inspector Gadget," "Instinct," "Paulie," "Small Soldiers," "The Ghost and the Darkness," "Congo," "The Island of Dr. Moreau," "The Relic," "Interview With the Vampire," "Starman" และ"The Terminator."--จบ-- -สส-

ข่าวดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส+การสร้างภาพยนตร์วันนี้

(ต่อ 2) วอร์เนอร์ บราเดอร์สร่วมกับดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส เสนอข้อมูลการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "THE TIME MACHINE"

กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส เครื่องเดินทางข้ามเวลา (ไทม์แมชชีน) แทบไม่ต้องมีคำถามเลยสำหรับสิ่งสำคัญที่สุดในหนังเรื่องนี้ซึ่งก็คือเครื่องเดินทางข้ามเวลานั่นเอง พาร์กเกอร์กล่าวว่า "เป็นการสืบทอดโดยตรงจากไทม์แมชชีนในหนังเรื่องแรก ซึ่งเป็นเก้าอี้ตัดผมเบาะหนังประดิษฐ์ด้วยมือ สิ่งสำคัญมากคือการให้เกียรติกับหนังของจอร์จพาล แต่นั่นยังไม่เท่ากับต่อตัวไทม์แมชชีนเอง ไซมอน เวลส์เห็นด้วย "เราทุกคนต่างประทับใจในหนังเรื่องแรก ในการประชุมครั้งแรกเราจึงเห็นพ้องว่าต้องมีจานหมุน ไทม์แมชชีนทุก

(ต่อ 1) วอร์เนอร์ บราเดอร์สร่วมกับดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส เสนอข้อมูลการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "THE TIME MACHINE"

กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส ขณะเดียวกันนั้นเป็นเวลาที่มินดี้ มาริน ผู้คัดเลือกนักแสดง กำลังทดสอบการแสดงของ ซาแมนธา มุมบา ศิลปินเพลงชาวไอริชผลงานติดอันดับในอังกฤษ และมีแนวโน้ม...

วอร์เนอร์ บราเดอร์สร่วมกับดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส เสนอข้อมูลการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "THE TIME MACHINE"

กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส นักวิทยาศาสตร์จอมประดิษฐ์ อเล็กซานเดอร์ ฮาร์ทเดอเจน มีความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะพิสูจน์ความเป็นไปได้ในการเดินทางข้ามเวลา และกลับกลายเป็นความมุ่งมั่นจากการสูญ...

ทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดัง Kickboxer น... Kickboxer III: Armageddon การกลับมาของตำนานบนแผ่นดินไทยที่งาน Super Fight Night — ทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดัง Kickboxer นำโดย Dimitri Logothetis ผู้กำกั...

ดรีมเวิร์ควางใจเน็กซ์ซัส โปรดักชั่นส์ ในการสร้างอนิเมชั่นประกอบภาพยนตร์ "แคช มี อีฟ ยู แคน"

ซานตาโมนิกา, แคลิฟอร์เนีย, 6 ม.ค. พีอาร์นิวส์ไวร์ / เอเชียเน็ท ดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส (DreamWorks Pictures) ได้มอบหมายให้ เน็กซ์ซัส โปรดักชั่นส์ เป็นผู้สร้างตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องใหม่ของดรีมเวิร์ค "จับให้...

สปายกลาส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ตกลงร่วมงานกับ ดรีมเวิร์ค

เกลนเดล, แคลิฟอร์เนีย. 11 ธ.ค. พีอาร์นิวส์ไวร์ / เอเชียเน็ท นายแกรี่ บาร์เบอร์ (Gary Barber) และ นายโรเจอร์ เบิร์นบอม (Roger Birnbaum) รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สปายกลาส (Spyglass) ร่วมกับนายวอลเตอร์ เอฟ. ปาร์คเกส (Walter F. Parkes...

ASIANET: "ดรีมเวิร์ค"เปิดเผยข้อความประกอบภาพใน "Road Trip"

บริษัทดรีมเวิร์คได้เปิดเผยข้อความบรรยายภาพ ที่ปรากฎใน http://www.newscom.com/cgi-bin/prnh/20000512/LAF015 ดังนี้:- "ท้องถนนของเมืองเวสต์วู้ดได้มีความคึกคัก เมื่อบรรดานักแสดงในภาพยนตร์ชวนหัวเรื่อง "Road Trip" ของบริษัทดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส ...