(ต่อ 2) วอร์เนอร์ บราเดอร์สร่วมกับดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส เสนอข้อมูลการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "THE TIME MACHINE"

กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส เครื่องเดินทางข้ามเวลา (ไทม์แมชชีน) แทบไม่ต้องมีคำถามเลยสำหรับสิ่งสำคัญที่สุดในหนังเรื่องนี้ซึ่งก็คือเครื่องเดินทางข้ามเวลานั่นเอง พาร์กเกอร์กล่าวว่า "เป็นการสืบทอดโดยตรงจากไทม์แมชชีนในหนังเรื่องแรก ซึ่งเป็นเก้าอี้ตัดผมเบาะหนังประดิษฐ์ด้วยมือ สิ่งสำคัญมากคือการให้เกียรติกับหนังของจอร์จพาล แต่นั่นยังไม่เท่ากับต่อตัวไทม์แมชชีนเอง ไซมอน เวลส์เห็นด้วย "เราทุกคนต่างประทับใจในหนังเรื่องแรก ในการประชุมครั้งแรกเราจึงเห็นพ้องว่าต้องมีจานหมุน ไทม์แมชชีนทุกเครื่องจะต้องมีจานหมุน" เขายิ้ม "เราใช้เวลาทดสอบวัสดุอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน และผมก็นึกได้ว่าในหนังสือนั้นผู้เดินทางได้รับการเรียกขานว่าเป็นศาสตราจารย์ด้านทัศนศาสตร์ทางกายภาพ ซึ่งจุดประกายความคิดถึงเลนส์หักเห - เหมือนอย่างที่ใช้กับประภาคาร - เพื่อสร้างส่วนประกอบที่เป็นกลีบประกอบให้หักเหได้ เวลส์ส่งร่างที่ได้รับการอนุมัติให้ทอม วิลคอกซ์ เจ้าหน้าที่ออกแบบคอมพิวเตอร์ ผู้ซึ่งจัดสร้างแบบจำลองดิจิตอลสามมิติจากคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนจากทุกมุมและแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวที่จะทำได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำแบบ ดาน่า จูริซิคและแอนดรู โจนส์ ประดิษฐ์แบบจำลองโครงสร้างของไทม์แมชชีนซึ่งใช้เพื่อขัดเกลารายละเอียดและองค์ประกอบภายนอก การประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน และความเหมาะสมที่นักแสดงจะต้องเข้าไปอยู่ในเครื่อง การปรับเปลี่ยนทุกอย่างจะถูกส่งกลับให้วิลคอกซ์ทำการปรับปรุงแบบดิจิตอลของเขา จากนั้นดาริล ไรท์ ผู้ออกแบบจะจัดทำพิมพ์เขียวเป็นขั้นตอนสุดท้ายซึ่งรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดของแบบ และเจ้าหน้าที่เทคนิคพิเศษ แมท สวีนนี่และทีมงานเป็นผู้ประกอบงานขั้นสุดท้าย "เป็นงานที่จุกจิกมากเนื่องมาจากส่วนประกอบมากมายของเนื้องาน" สวีนนี่บรรยาย "มีทั้งส่วนควบคุมเป็นโหลสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า เฉพาะส่วนเครื่องอย่างเดียวใช้มอเตอร์ถึงสามตัว เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าที่ทำให้กลีบประกอบเปิดเข้าออก แล้วยังมอเตอร์ใหญ่ที่ทำให้จานหมุนทั้งสองหมุนสวนทางกันด้านบนและล่าง" เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ ไทม์แมชชีนมีความสูง 10 ฟุต 6 นิ้ว น้ำหนักกว่า 6,000 ปอนด์ แต่ความประทับใจของนักแสดงและทีมงานนั้นเทียบกันไม่ได้เลยทีเดียว "ผมว่าพวกเราไม่ได้เตรียมตัวที่จะได้เห็นไทม์แมชชีนจริงๆ" เวลส์เสริม "เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ทำให้คุณน้ำตาคลอได้ มันประกอบด้วยอลูมิเนียม 3 ตันและโพลีคาร์บอเนต แต่ดูแล้วเหมือนทองเหลืองกับแก้ว มันช่างงดงามและกระตุ้นความรู้สึกเร้าใจ" ผู้สัมผัสแรงกระตุ้นนี้เป็นอย่างมากก็คือ กาย เพียซ ซึ่งเป็นผู้ที่จะได้เข้าไปอยู่ในเครื่องจริงๆ "ในฐานะนักแสดงคุณต้องวางใจในเครื่องแต่งกาย การแต่งหน้าและอุปกรณ์ เพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ตัวละคร ครั้งแรกที่ผมได้เห็นไทม์แมชชีนนั้น มันช่างทำให้ผมมีความรู้สึกถึงจุดมุ่งหมายของอเล็กซานเดอร์…ความฉลาดปราดเปรื่องของเขา" ในความเป็นจริงนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น พวกเขาได้สื่อให้เห็นถึงเครื่องมือสมัยวิคตอเรียนซึ่งนำพาอเล็กซานเดอร์เดินทางข้ามเวลา เวลส์ให้ความเห็นว่า "เราตั้งใจให้ไทม์แมชชีนเป็นวัตถุทรงกลมที่ควบคุมเวลาด้วยตนเอง แก่นแท้ของไทม์แมชชีนก็คือการที่มันตั้งอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งในขณะที่โลกภายนอกเปลี่ยนไป มันสามารถข้ามเฉพาะเวลาเท่านั้น เครื่องที่ถูกออกแบบโดยคอมพิวเตอร์นี้เกิดจากการทำงานของทีมงานวิช่วลเอฟเฟคต์ ภายใต้การควบคุมของ เจมส์ อี ไพรซ์ "จานหมุนจะต้องเคลื่อนที่ได้ในอัตราความเร็วที่ปกติไม่สามารถทำได้ เราจึงสร้างใบพัดซึ่งหมุนได้เร็วกว่ามาก และที่ความเร็วสูงสุดเราทำให้เกิดแสงห่อหุ้มอเล็กซานเดอร์ในขณะที่กำลังเดินทางข้ามเวลา" ไพรซ์กล่าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคที่ดิจิตัล โดเมนรับหน้าที่ดูแลภาพซึ่งแสดงถึงการเดินทางผ่านเวลาของอเล็กซานเดอร์ สิ่งนี้มีความสำคัญมากต่อผู้เขียนบทอย่างจอห์น โลแกน "เวลาที่ผมบอกใครต่อใครว่ากำลังเขียนบท The Time Machine อยู่ ความคิดเห็นสำคัญที่ได้คือเราต้องคงไว้ซึ่งร้านเสื้อผ้า ดังนั้นร้านเสื้อผ้าแห่งความทรงจำก็เป็นการแสดงความระลึกถึงจอร์จ พาลผู้ยิ่งยงอีกครั้งหนึ่ง"สิ่งที่ท้าทายสำหรับทีมงานเทคนิคก็คือการเดินทางไปอีกกว่าแปดพันศตวรรษ ซึ่งเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งทางธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อมของโลกกับคำถามที่มีต่อทีมงาน The Time Machine ว่าหากมีไทม์แมชชีนอยู่จริง คุณจะไปไหม? :"ไม่ใช่ผมแน่" โลแกนกล่าว "ในฐานะนักเขียนผมคงจะใช้จินตนาการมากกว่าทำจริง ความฝันถึงอนาคตเป็นสิ่งจำเป็นของมนุษย์ แต่ผมคงไม่อยากสูญเสียมันไปด้วยการเจอกับความจริง การเดินทางข้ามเวลาอาจเป็นไปได้ในวันหนึ่งข้างหน้า แต่ผมคงไม่ใช้บริการแน่"กาย เพียซ เป็นอีกคนที่รู้สึกกังวลใจ "ผมไม่รู้หรอกว่าจะทำยังไง คิดว่าคนเราคงไม่รู้อะไรจนกว่าจะได้เผชิญกับมัน แต่เราควรจะเผชิญกับเบื้องลึกของปัจจุบันอย่างธรรมดาธรรมชาติมากกว่า และปล่อยให้อดีตกับอนาคตเป็นอย่างที่ควรเป็น - ภาพมายา?""สำหรับผมแล้วคำถามเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาดูเหมือนจะขัดกันอยู่ ถ้าเรากลับไปบีบคอคุณยายของเรา เราก็คงไม่ได้เกิดมา เราจึงทำอย่างนั้นไม่ได้.." ไซมอน เวลส์รำพึง "แม้ว่าคุณจะสามารถย้อนเวลาได้คุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับตัวคุณได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้คุณเป็นคุณทุกวันนี้ และนั่นก็คือสิ่งที่จะบอกถึงการตัดสินใจของคุณต่ออนาคต""ผมว่าการเดินทางข้ามเวลาเป็นหนึ่งในทฤษฎีพื้นฐานในการมีชีวิตของเรา" วอลเตอร์ พาร์กส ขยายความ "ชีวิตปัจจุบันของเรา ผมว่าความกลัวคงทำให้ผมหลีกห่างจากไทม์แมชชีน แต่เหมือนที่อูเบอร์-มอร์ลอคบอกกับอเล็กซานเดอร์ เราทุกคนต่างมีไทม์แมชชีนของตัวเอง ส่วนที่นำเรากลับไปอดีตคือความทรงจำ ส่วนที่นำเราสู่อนาคตก็คือความฝัน บางทีสิ่งที่ยากอธิบายเหล่านี้อาจมีส่วนทำให้เราประทับใจเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา" นักแสดง กาย เพียซ (อเล็กซานเดอร์ ฮาร์เดอเจน) ผู้ได้รับคำวิจารณ์มากมายจากผลงานชิ้นล่า "Memento" ภาพยนต์ระทึกขวัญจากเนื้อเรื่องที่บีบคั้นให้เขาตามล่าฆาตกรผู้สังหารภรรยาของเขา เขายังได้รับคำชื่นชมจากบทเจ้าหน้าที่เอ็ด เอ็กซลีย์ ในภาพยนต์ที่ได้รับรางวัลของเคอร์ติน แฮนสัน "L.A. Confidential" ผลงานดังกล่าวส่งผลให้เพียซได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล SAG Award ร่วมกับเพื่อนนักแสดงร่วมกับเขา คิม บาสซิงเจอร์ เควิน สเปซี และรัสเซล โครว์เพียซเกิดที่อังกฤษแต่มาเติบโตในออสเตรเลียตั้งแต่อายุได้สามขวบ มีผลงานแสดงครั้งแรกตอนอายุแปดขวบ ผลงานสร้างชื่อเสียงให้เขาได้แก่ทีวีซีรี่ส์ของออสเตรเลีย "Neighbours" ซึ่งเขาแสดงระหว่างปี1985 ถึง 1989. ผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในต่างประเทศคือบทเด็กหนุ่มในเรื่อง "Priscilla, Queen of the Desert."เพียซกำลังอยุ่ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง "The Count of Monte Cristo" ของเควิน เรย์โนลด์ ผลงานที่ได้รับการพูดถึงยังมีจากเรื่อง "Rules of Engagement" ของ วิลเลี่ยม เฟรดคิน แสดงร่วมกับ ทอมมี่ ลี โจนส์ และแซมมวล แอล แจ็คสัน รวมทั้ง "A Slipping Down Life" คู่กับลิลี่ เทย์เลอร์ และ "Ravenous" ผลงานภาพยนต์ออสเตรเลียที่กำลังสร้าง "Till Human Voices Wake Us" กับเฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ และ "The Hard Word" กับราเชล กริฟฟิธ. ซาแมนธา มุมบา (มาร่า) ผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ รับบทสาวชาวอีลอยผู้ยอมเป็นมิตรกับอเล็กซานเดอร์ ฮาร์ทเดอเจน มุมบาเป็นที่รู้จักดีในนามของนักร้องและประพันธ์เพลงป็อพ ผลงาน "Gotta Tell You" ซิงเกิ้ลชิ้นแรกของเธอติดอันดับในไอร์แลนด์ และยังไต่ขึ้นเป็นอันดับสองในอังกฤษ และอันดับ 4 ในอเมริกาผลงานซิงเกิ้ลดังกล่าวยังรวมอยุ่ในซีดีอัลบั้ม Gotta Tell You ซึ่งประกอบด้วยผลงาน ท็อปฮิตซิงเกิ้ลของเธอ "Baby Come Over" และ "Don't Need You To (Tell Me I'm Pretty)." มุมบาเป็นชาวดับลินโดยกำเนิด เธอเป็นบุตรสาวของมารดาชาวไอริชและบิดาชาวแซมเบียน เริ่มเต้นแท็ปตั้งแต่อายุเพียงสามขวบและเข้าศึกษาวิชาการแสดงที่โรงเรียน Billie Barry Stage อันมีชื่อเสียงจนกระทั่งอายุ 15 ปี ในปี 1998 เธอมีผลงานแสดงนำใน "The Hot Mikado" ผลงานโอเปร่าร่วมสมัยของกิลเบิร์ตและซัลลิแวน ผลงานอันโดดเด่นของเธอได้ปูทางสู่งานร้องเพลงกับรายการโทรทัศน์หลายแห่งในไอร์แลนด์ คืนหนึ่ง เธอออกอุบายเพื่อเข้าไปในคลับแห่งหนึ่งในดับลินโดยอ้างว่าเป็นนักร้อง R&B จากนิวยอร์กที่มาบันทึกเสียงเพื่อออกอัลบั้ม เธอได้รับการแนะนำจากเพื่อนให้รู้จักกับหลุยส์ วอลช์ ซึ่งเป็นผู้จัดการช่วยเหลือเธอด้านงานประพันธ์เพลงและบันทึกเสียงในเวลาต่อมา เมื่อเร็วๆนี้ มุมบาได้ปรากฎตัวในงาน Radio Music Awards และ Billboard Music Awards รวมทั้งคอนเสริตของตนเองที่ช่องดิสนีย์ ชาแนล ฤดูร้อนที่แล้วเธอได้ร่วมเดินทางกับกลุ่มประสานเสียงเพลงป็อพ 'N Sync เจเรมี ไอออนส์ (อูเบอร์-มอร์ลอค) เจ้าของรางวัลอเคเดมี และรางวัลลูกโลกทองคำ อีกทั้งยังได้รับขนานนามดาราชายยอดเยี่ยมโดยสำนักวิจารณ์หลายแห่งในผลงานแสดงเป็น Claus von B?low ผู้เย็นชาใน "Reversal of Fortune." ของ บาร์เบท ชโรเดอร์ จากผลงานแสดงมากมายทำให้เขาเป็นหนึ่งในจำนวนนักแสดงที่ได้รับการยก อาทิเช่น "Die Hard With a Vengeance"; "Dead Ringers," หนังสยองขวัญของ David Cronenberg ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล Genie Award และ รางวัลดารานำฝ่ายชายยอดเยี่ยมจาก New York Film Critics Award เขาเป็นผู้ให้เสียงแก่สการ์เจ้าเล่ห์ในเรื่อง "The Lion King" ภาพยนต์แอนนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงสุด และในเรื่อง "Lolita" ผลงานของเอเดรียน ลิน ยังมีผลงานอีกสองเรื่องซึ่งมีกำหนดออกฉายในปีนี้ "And Now …Ladies and Gentlemen" ของผู้กำกับ คล็อด เลอลุค และ "Callas Forever" ผลงานกำกับโดยฟรังโก เซฟเฟเรลลี่ และไอออนส์เพิ่งจะเสร็จจากการถ่ายทำเรื่อง "Last Call"ผลงานในอดีตของไอออนส์ยังมี "The French Lieutenant's Woman" ของคาเรล ไรซ์ ซึ่งเขาได้รับเสนอชื่อเข้าชิง BAFTA เรื่อง "Moonlighting" ของเจอซี่ สโกลิโมสกี้,"Betrayal" โดยเดวิด ฮิว โจนส์, "Swann in Love" โดยโวล์กเกอร์ ชลอนดอล์ฟ, The Mission" โดยโรแลนด์ โจฟี่ ซึ่งได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ รวมถึงผลงานหลากหลายอาทิเช่น "Kafka" ของสตีเวน ซอเดอร์เบิร์ก "Damage" ของหลุยส์ มาลล์ "M. Butterfly" ของ เดวิด โครเนนเบิร์ก "The House of the Spirits" ของบิลลี่ ออกัสต์ "Stealing Beauty" ของเบอร์นาโด เบอร์โตลุค ซี่ "The Chinese Box" โดยเวน หวัง และ "The Man in the Iron Mask." และที่น่าสนใจก็คือเขาเคยรับบทใน "From Time to Time" ซึ่งเป็นหนังวิทยาศาสตร์สั้นๆ จากผลงานเขียนของเอช จี เวลส์ ผู้ประพันธ์ The Time Machine เขายังเคยมีผลงานมากมายทางโทรทัศน์ ที่โด่งดังที่สุดคือรับบทในมินิซีรี่ส์ชื่อ "Brideshead Revisited" ซึ่งเขาได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy, BAFTA และ ลูกโลกทองคำ เมื่อเร็วๆนี้ยังร่วมแสดงใน "Longitude" งานสร้างของ A&E Granada film ซึ่งได้ออกฉายเป็นครั้งแรกในสถานีบีบีซี ผลงานการละครสมัยแรกของไอออนส์คือที่ บริสโตล โอลด์ วิค และจากบทจอห์นเดอะแบ๊บทิสต์ ใน "Godspell" เขาได้รับรางวัล Tony and Drama League Awards ในฐานะนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากการแสดงที่บรอดเวย์เรื่อง "The Real Thing" โดยทอม สต็อพพาร์ดร่วมกับเกลน โคลส ออร์ลานโด โจนส์ (วอกซ์) หนึ่งในดาราที่มีงานแสดงมากที่สุด มีผลงานมากกว่า 12 เรื่องภายในเวลาสามปีที่ผ่านมา เกิดที่เซาธ์ คาโรไลน่า และผลงานเรื่องแรก "Liberty Heights" อันลือชื่อของแบรี่ เลวินสัน ล่าสุดแสดงใน "Evolution" ของอิวาน ไรท์แมน ร่วมกับเดวิด ดูโคนี่ และจูเลียน มัวร์ นอกจากนี้ผลงานของโจนส์ ได้แก่ ภาพยนต์เบาสมอง "The Replacements" ร่วมกับ คีนู รีฟ และยีน แฮกแมน และผลงานกำกับของฮาโรลด์ รามีส "Bedazzled" รวมถึง "Say It Isn't So" กับฮีทเธอ เกรแฮม หนังอาชญากรรมเบาสมอง "Double Take" กับเอ็ดดี้ กริฟฟิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการถ่ายทำ "Drumline" เกี่ยวกับวงดุริยางค์วิทยาลัยผิวดำโจนส์เริ่มเข้าวงการด้วยการเป็นสมาชิกในซีรี่ส์เบาสมอง "Mad TV" ของฟอกซ์ ซึ่งเขาร่วมแสดงอยู่ 2 ปี มาร์ค แอ็ดดี้ (ศาสตราจารย์เดวิด ฟิลบี้) ผู้โด่งดังข้ามประเทศจากผลงานเบาสมองยอดฮิต "The Full Monty" ซึ่งเขารับบทหนึ่งในบรรดาหกหนุ่มตกงานที่รวมตัวกันก่อตั้งคณะนักเต้นระบำเปลื้องผ้า ล่าสุดรับบทฮีธ เทเลอร์ ในเรื่อง "A Knight's Tale" โดยไบรอัน เฮลเกแลนด์ รวมถึงหนังเบาสมอง "Down to Earth" ของไวทว์ บราเดอร์ส และรับบทคริส ร็อค ในภาพยนต์แอ็คชั่นเบาสมอง "The Flintstones in Viva Rock Vegas" ซึ่งเขารับบทเฟรด ฟลินท์สโตน และใน "Jack Frost" กับไมเคิล คีตัน แอ็ดดี้เป็นชาวเมืองยอร์ค ตอนเหนือของอังกฤษ สำเร็จการศึกษาด้านการแสดงจาก Royal Academy of Dramatic Art ที่ลอนดอน ได้แสดงละครเวทีมากมายทั่วอังกฤษ เคยทำงานร่วมกับผู้กำกับ เช่น ริชาร์ด ไอร์, โฮเวิร์ด เดวีส์, นิก ไฮทเนอร์, อลัน ไอค์บอร์น, จอห์น กอดเบอร์ และจู๊ด เคลลี่ ผลงานทางโทรทัศน์ได้แก่ มินิซีรี่ส์ "Band of Gold" และ "The Heart Surgeon" อีกทั้งยังรับบทบาทต่างๆอย่างสม่ำเสมอให้กับหนังชุดของอังกฤษรวมถึง "A Very Peculiar Practice" "The Thin Blue Line" "Sunnyside Farm" และ "Too Much Sun." เซียนนา กิลลอรี่ (เอ็มมา) "The Time Machine."เป็นผลงานภาพยนต์อเมริกันเรื่องแรกของเธอกิลลอรี่เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอังกฤษ จากผลงานการแสดงใน "Take a Girl Like You" โดยคิงสลี่ย์ อามีส์ ผลงานอื่นๆ อาทิเช่น "Superstition" "Late Night Shopping" "Kiss Kiss Bang Bang" "Sorted" "Two Days, Nine Lives" และ"The Last Minute" ฟิลลิดา ลอว์ (มิสซิสวัตชิต) ผลงานเรื่องล่าสุดใน "Saving Grace" นำแสดงโดย เบรนดา เบลธีน เธอเคยแสดงร่วมกับลูกสาวของเธอ เอ็มมา ทอมป์สันในเรื่อง "The Winter Guest" ซึ่งเป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของ อลัน ริกแมน และเรื่อง "Peter's Friends" และ "Much Ado About Nothing" โดย เคนเนธ แบรนนัค ลูกสาวคนเล็กของเธอได้ร่วมงานแสดงใน "Emma" นำแสดงโดยกวินเนธ แพทโทรล ผลงานอันโดดเด่นเรื่อง "Anna Karenina" โดย เบอร์นาร์ด โรส และผลงานเสนอเข้าชิงรางวัล "Before the Rain." ของไมโลส เมนเชฟสกาเธอเป็นดาราที่คุ้นหน้าของผู้ชมโทรทัศน์ของอังกฤษ อาทิเช่นรายการดราม่ายอดนิยม "Taggart" และ"The House of Elliott," รวมทั้งซีรี่ส์เบาสมองของเอ็มมา ทอมป์สัน "Thompson" ซึ่งที่กล่าวมานับว่าเป็นส่วนน้อย ลอว์เป็นนักแสดงละคนเวทีที่ประสพความสำเร็จจากผลงานอย่าง "The Merry Wives of Windsor" "La Cage Aux Folles" "Noises Off" และ "The Importance of Being Earnest" และอื่นๆอีกมาก นอกจากนี้เธอยังเคยแสดงคู่กับเซอร์อเล็ก กินเนสถึงสองครั้งใน "Habeas Corpus" และ "A Voyage Round My Father." โอเมโร มุมบา (คาเลน) น้องชายแท้ๆ ของซาแมนธา มุมบา แสดงภาพยนต์เป็นครั้งแรกในบทน้องชายในเรื่องของเธอ เขาเป็นชาวดับลิน ไอร์แลนด์โดยกำเนิด และมีความสนใจทางดนตรีเช่นเดียวกับพี่สาว เพิ่งออกอัลบั้มของตัวเองเป็นครั้งแรกกับค่ายโพลีดอร์ รักการเต้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งแท็ป (ยังมีต่อ) -สส-

• ข่าวดรีมเวิร์ค พิคเจอร์ส
• ข่าวการสร้างภาพยนตร์
• ข่าวภาพยนตร์เรื่อง
• ข่าวเรื่องนี้
• ข่าวการประชุม