ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ 14

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--3 มิ.ย.--124 คอมมิวนิเคชั่นส

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2551 ณ เมืองอริควิปา ประเทศเปรู เปิดเผยว่า หัวข้อสำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือ บทบาทของเอเปคในการสนับสนุนการเจรจาการค้าพหุภาคี วิกฤตการ์ด้านอาหาร การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดมากขึ้นในภูมิภาค (Regional Economic Integration) และการอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน ในเรื่องการเจรจารอบโดฮา ที่ประชุมได้ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงหารือในการแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยนาย Pascal Lamy ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลกซึ่งได้เข้าร่วมประชุมด้วยได้สรุปให้ที่ประชุมทราบถึงสถานะของการเจรจาว่า ขณะนี้การเจรจาได้มาถึงจุดที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากได้มีการเสนอร่างเอกสารใหม่ 4 เรื่อง คือ สินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรม กฎเกณฑ์ และการค้าบริการ นาย Lamy ตั้งเป้าหมายว่า จะจัดให้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีในวันที่ 26 มิถุนายน 2551 เพื่อพิจารณาประเด็นใหญ่ที่ยังค้างอยู่ พร้อมทั้งขอให้ประเทศต่างๆ พิจารณาความสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นกับระดับการเปิดตลาดอย่างแท้จริง เพื่อให้การเจรจาสามารถสรุปผลได้ในปลายปีนี้ ในการนี้ รัฐมนตรีการค้าเอเปคได้ออกแถลงการณ์แยก (stand-alone statement) เรื่องการเจรจารอบโดฮา เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองผลักดันให้การเจรจาสรุปผลในปลายปีนี้โดยมผลการเจรจาที่สมดุลและเปิดตลาดอย่างแท้จริง และครอบคลุมทุกเรื่อง ความสำเร็จของการเจรจารอบโดฮายังเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ราคาอาหารในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น วิกฤตการณ์ด้านอาหาร รัฐมนตรีการค้าเอเปคส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ผลจากการถีบตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าอาหารในตลาดโลกได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาค เอเปคควรร่วมมือกันเพื่อเพิ่มอุปทานอาหารและไม่ควรออกมาตรการจำกัดการส่งออก เพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่าเดิม การรวมตัวทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดกันมากขึ้นในภูมิภาค (Regional Economic Integration : REI) รวมถึงความเป็นไปได้ในการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิค (Free Trade Area of the Asia-Pacific: FTAAP) เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากปีก่อน ในปีนี้รัฐมนตรีการค้าเอเปคให้ความเห็นชอบต่อ ผลงานสำคัญ 12 เรื่องที่จะสร้างความคืบหน้าในเรื่องนี้ เช่น ในปีนี้ เอเปคได้ศึกษาความเหมือนและ แตกตต่างของความตกลง FTA ที่สมาชิกเอเปคทำ และศึกษาแนวทางต่าง ๆ สำหรับการเจรจา FTAAP ในอนาคต และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่รายงานความคืบหน้า รวมทั้งเสนอขั้นตอนต่อไปในการดำเนินงานสำหรับปี 2552 และช่วงต่อไปภายในการประชุมรัฐมนตรีเอเปคในปลายปีนี้ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า รัฐมนตรีการค้าเอเปคได้รับทราบความคืบหน้าในการจัดทำตัวชี้วัด (KPI) และวิธีการวัดความคืบหน้าในการปฏิบัติงานด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า ช่วงที่ 2 (Trade Facilitation Action Plan: TFAP 2) เพื่อลดต้นทุนการทำธุรกรรมทางการค้าภายในภูมิภาคลงอีก 5% ในปี 2010 โดยฮ่องกงได้ประกาศจ่ายเงินสมทบจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐฯ เข้า APEC Support Fund เพื่อสนับสนุนการจัดให้ความช่วยเหลือ (capacity building) แก่สมาชิกเอเปคให้สามารถปฏิบัติงานตามแผนงานดังกล่าว ตัวอย่าง KPI เช่น จำนวนสมาชิกเอเปคที่สามารถออกวีซ่าได้ภายในเวลา 30 วันสำหรับการเข้ามาพำนักชั่วคราวของบุคลากรที่มีโอนย้ายภายในบริษัท จำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการบัตร ABTC จำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมจัดทำ APEC Food MRA จำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมจัดทำ MRA ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีการค้าเอเปคยังได้รับรองแผนการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน (Investment Facilitation Action Plan: IFAP) ช่วงปี 2008-2010 รวมทั้ง model measures ภายใต้ RTAs/FTAs เพิ่มขึ้นอีก 3 เรื่องเพื่อใช้เป็นแนวทางการเจรจาจัดทำ RTAs/FTAs ของสมาชิกเอเปค ประกอบด้วย นโยบายการแข่งขัน สิ่งแวดล้อม และการเคลื่อนย้ายของนักธุรกิจ อนึ่ง สมาชิกเอเปคมีจำนวนประชากรรวมทั้งสิ้น ประมาณ 2,500 ล้านคน (45% ของประชากรโลก) มี GDP มากกว่า 19 ล้านล้าน US$ (57% ของ GDP โลก) และมูลค่าการค้าระหว่างสมาชิกเอเปค กว่า 70% และการค้ากับประเทศนอกกลุ่มประมาณ 30% ดังนั้น เอเปคเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับไทย การเข้าร่วมของไทยในเอเปคจึงเป็นประโยชน์ในการขยายความร่วมมือทางด้านการค้าการลงทุนกับสมาชิกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพในการขยายตัวทางการค้าการลงทุนสูง รวมถึงการได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการ และความช่วยเหลือเสริมสร้างขีดความสามารถจากสมาชิกที่พัฒนาแล้ว

ข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์+มิ่งขวัญ แสงสุวรรณวันนี้

ไทยแอร์เอเชีย จับมือ กระทรวงพาณิชย์ ซื้อผลไม้จากเกษตรกร ทำเมนูอาหาร-เครื่องดื่มจำหน่ายบนเครื่องบิน

ไทยแอร์เอเชีย เซ็น MOU ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รับซื้อผลไม้สดจากเกษตรกร ลำไย มังคุด สับปะรดภูแล จำนวน 1,000 ตัน นำมาผลิตเป็นเมนูอาหาร เครื่องดื่ม จำหน่ายบนเครื่องบินทั้งในและต่างประเทศ ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย (รหัสเที่ยวบิน FD) และไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (รหัสเที่ยวบิน XJ) ดีเดย์ ก.ค.นี้ เป็นต้นไป นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้เชิญสายการบินยักษ์ใหญ่อย่างไทยแอร์เอเชียมาเป็นพันธมิตร ช่วยรับซื้อผลไม้ช่วยเกษตรกร ตามน

"พิชัย" นำทัพต้อนรับผู้ซื้อจาก 140 ประเทศ... "THAIFEX - ANUGA ASIA 2025" เปิดฉากวันแรก ยิ่งใหญ่ระดับโลก — "พิชัย" นำทัพต้อนรับผู้ซื้อจาก 140 ประเทศ หนุนไทยสู่ "ครัวโลก" คาดมูลค่าสั่งซื้อกว่า 98,000 ล...

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทร... "พิชัย-สุชาติ" เปิดศูนย์ IP One ยกระดับทรัพย์สินทางปัญญาไทยครบวงจร หนุนธุรกิจโตสู่ตลาดโลก — นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนา...

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทร... "พิชัย" เคาะ 7 มาตรการ 25 แผนงาน จัดการผลไม้ ปี 2568 ดันเป้าหมาย 950,000 ตัน ให้ราคาผลไม้ไทยดีทั้งปี — นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ...