ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ทรัพย์ศรีไทย” ที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

17 Feb 2010

กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการมีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจคลังสินค้า ตลอดจนรายได้ที่สม่ำเสมอจากธุรกิจคลังเอกสารและคลังสินค้าให้เช่า รวมทั้งฐานะการเงินที่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวลดลงบางส่วนจากการที่บริษัทต้องพึ่งพิงกลุ่มลูกค้ารายใหญ่เนื่องจากลักษณะธุรกิจของบริษัทที่มีฐานรายได้ขนาดเล็ก ตลอดจนภาวะตลาดของธุรกิจคลังสินค้าแบบดั้งเดิมที่เริ่มอิ่มตัว และธุรกิจคลังเอกสารที่มีการแข่งขันในด้านราคา

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าค่าบริการรับฝากเอกสารและค่าเช่าคลังสินค้าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัททรัพย์ศรีไทยอย่างสม่ำเสมอ โดยที่อุปสงค์ด้านคลังเอกสารที่เติบโตขึ้นจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากการชะลอตัวของธุรกิจคลังสินค้าแบบดั้งเดิมได้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัททรัพย์ศรีไทยเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสาร โดยเริ่มก่อตั้งในปี 2519 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2530 เริ่มแรกบริษัทได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ในการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าและท่าเรือที่จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาในปี 2538 บริษัทได้ขยายกิจการสู่ธุรกิจคลังเอกสาร ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของคลังสินค้าและคลังเอกสารรวม 51 หลัง และมีท่าเทียบเรือ 2 ท่า มีพื้นที่เก็บสินค้าทั้งสิ้น 81,769 ตารางเมตร บริษัทใช้พื้นที่ประมาณ 25% ของพื้นที่ทั้งหมดสำหรับธุรกิจคลังเอกสาร ส่วนที่เหลือ 75% ใช้สำหรับธุรกิจคลังสินค้า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 รายได้และกำไรจากธุรกิจคลังเอกสารคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ของรายได้รวมและกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมของบริษัท ในขณะที่รายได้และกำไรจากธุรกิจคลังสินค้าคิดเป็นสัดส่วน 40%

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา รายได้รวมของบริษัททรัพย์ศรีไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ระดับ 177 ล้านบาทในปี 2551 จาก 138 ล้านบาทในปี 2549 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 13% ต่อปี ธุรกิจคลังเอกสารเป็นธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนให้บริษัทเติบโต โดยในระหว่างปี 2549-2551 บริษัทมีปริมาณกล่องเอกสารรับฝากเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 22% ต่อปี ซึ่งเป็นปริมาณเอกสารที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าเก่า 80% และจากลูกค้าใหม่ 20% สำหรับธุรกิจคลังสินค้านั้น แม้ว่ารายได้ค่ารับฝากสินค้าจะลดลงตามความต้องการใช้พื้นที่เก็บสินค้าของลูกค้ารายใหญ่ แต่บริษัทก็สามารถบริหารพื้นที่คลังโดยการปล่อยเช่าแทน ทำให้รายได้รวมของธุรกิจคลังสินค้าทรงตัวอยู่ในระดับ 72-74 ล้านบาทในช่วงปี 2550-2551

บริษัททรัพย์ศรีไทยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานในระดับสูง โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 63.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 จาก 56.6% ในปี 2549 เนื่องจากมีอัตราการใช้พื้นที่คลังเพิ่มขึ้น ฐานะการเงินของบริษัทก็แข็งแรง โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 บริษัทมียอดเงินกู้จากสถาบันการเงินเพียง 151 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับเพียง 22.8% ด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจำนวน 90-100 ล้านบาทต่อปีและงบลงทุนปกติ 30-50 ล้านบาทต่อปีทำให้คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมและโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในอนาคตจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป

ทริสเรทติ้งกล่าวถึงธุรกิจคลังสินค้าและธุรกิจคลังเอกสารว่า ระบบการบริหารการขนส่ง (Logistic) และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) สมัยใหม่ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการและลดต้นทุนอาจเป็นสาเหตุให้ความต้องการใช้คลังสินค้าแบบดั้งเดิมลดลง ในขณะที่ธุรกิจคลังเอกสารยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีแม้ว่าในระยะยาวอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงการเก็บข้อมูลจากรูปแบบเอกสารเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ การขยายคลังเอกสารของผู้ประกอบการรายใหญ่คาดว่าจะส่งผลให้การแข่งขันทางด้านราคาในธุรกิจคลังเอกสารทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและอาจกดดันความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการ

บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) (SST)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit