การหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในช่วงการประชุมประจำปี สภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 45

08 May 2012

กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

การหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในช่วงการประชุมประจำปี สภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 45 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 3 - 5 พฤษภาคม 2555

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 45 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 3 - 5 พฤษภาคม 2555 โดยเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารสาธารณะหนี้สาธารณะและคณะได้เข้าร่วมหารือทวิภาคีกับประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) นายฮารูฮิโกะ คุโรดะ (Mr. Haruhiko Kuroda) และผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินต่างประเทศ ได้แก่ ธนาคาร HSBC บริษัท Daiwa Securities Capital Market และบริษัท Credit Suisse รวมทั้งสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ได้แก่ บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation :IFC) ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทย ซึ่งประธาน ADB แสดงความยินดีที่เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวดีและชื่นชมกับความสำเร็จในความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างประเทศไทยกับ ADB และประธาน ADB ได้แสดงความขอบคุณประเทศไทยที่ยังคงให้การสนับสนุนการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย (Asian Development Fund: ADF) ครั้งที่ 10 ของกองทุน ADF XI ซึ่งการบริจาคในครั้งนี้มีส่วนสำคัญมากสำหรับการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศยากจนภายในภูมิภาค ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แจ้งให้ประธาน ADB ทราบถึงความช่วยเหลือด้านการเงินอื่นๆ ของไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลือแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) วงเงินประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการพัฒนาระบบคมนาคมภายในประเทศ สปป. ลาว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้หยิบยกประเด็นการเชื่อมโยง (Connectivity) ภายในภูมิภาคอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Makong Sub-region: GMS) เป็นส่วนสำคัญที่จะขอให้ ADB พิจารณาสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกับประเทศเพื่อนบ้านของไทยโดยเฉพาะพม่า เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในอนุภูมิภาคเพิ่มมากขึ้นต่อไป ซึ่งประธาน ADB แจ้งว่า ปัจจุบัน ADB ได้เริ่มเข้าไปดำเนินการประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองภายในพม่าถึงความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือทางการเงินและวิชาการให้แก่พม่าอีกครั้งหลังจากที่ ADB ได้หยุดให้ความช่วยเหลือแก่พม่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยินดีที่จะร่วมมือกับ ADB สำหรับการให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาด้านต่างๆ แก่พม่าต่อไป

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้หารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงินต่างประเทศ ได้แก่ ธนาคาร HSBC บริษัท Daiwa Securities Capital Market และบริษัท Credit Suisse รวมทั้งสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ได้แก่ บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC) โดยได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นเป็นลำดับหลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยเมื่อปีแล้ว อีกทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่ผ่านมาได้เริ่มส่งผลให้เห็นถึงความสำเร็จโดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นในด้านอุปโภคและบริโภคภายในประเทศ ถึงแม้จะมีความเป็นห่วงด้านเงินเฟ้อซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นที่ แต่รัฐบาลไทยยังคงสามารถกำกับดูแลให้อยู่ในสภาวะที่ไม่น่ากังวล นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ชี้แจงถึงแนวทางการระดมทุนในแผนการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศด้วยการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งเน้นการระดมทุนในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากสภาพคล่องยังคงมีอยู่สูงมากอย่างเพียงพอ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมและสภาพตลาดเงินตลาดทุนในต่างประเทศเอื้อต่อการระดมทุนในต่างประเทศ ประเทศไทยก็จะไม่ปิดโอกาสในการระดมทุนในตลาดต่างประเทศเช่นกัน ทั้งนี้ อาจจะต้องการความเชี่ยวชาญและความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินต่างประเทศข้างต้นเพื่อระดมทุนในต่างประเทศในโอกาสต่อไป

สำนักเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. 02 273 9020 ต่อ 3607 -นท-