“ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 92 - 98 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 100-105 เหรียญฯ”
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (25 – 29 ส.ค. 57)
ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดียวกับสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นหลังจากท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบหลักกลับมาดำเนินการได้ ขณะที่อิรักเองก็มีการส่งออกได้ตามปกติ ประกอบกับจีดีพีไตรมาส 2/57 สหรัฐฯ ที่คาดว่าจะถูกปรับลดลง นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่ยังอยู่ในภาวะเปราะบางล้วนกดดันราคา อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ในยูเครนตะวันออก และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดลงยังคงส่งแรงหนุนต่อราคาน้ำมัน
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ลิเบียยังพยายามส่งออกน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง แม้การส่งออกจากท่าเรือ Es Sider จะประสบเหตุขัดข้องทางเทคนิคทำให้ไม่สามารถขนถ่ายน้ำมันดิบลงเรือได้เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยท่าเรือดังกล่าวถือเป็นคลังเก็บน้ำมันดิบซึ่งมีปริมาณราว 4.5 ล้านบาร์เรล และเชื่อมต่อกับท่อขนส่งน้ำมันดิบจากหลุมผลิตน้ำมันดิบอีกด้วย
จีดีพีไตรมาส 2/57 ของผู้ใช้น้ำมันหลักของโลกอย่างสหรัฐฯ ที่จะประกาศเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.8% จาก 4.0% ในการประกาศครั้งก่อนหน้า โดยตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ จะแสดงถึงแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันดิบของประเทศผู้นำของโลกนี้ได้
การตอบโต้ของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียต่อรัฐบาลยูเครน ภายหลังรัฐบาลสามารถยึดเมือง Luhansk ได้ โดยล่าสุดยังมีการปะทะกันต่อเนื่อง ยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบอยู่เป็นระยะๆ
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอันเป็นผลมาจากกำลังการกลั่นของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ โดยล่าสุดปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงกว่า 4.5 ล้านบาร์เรล
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2/57 ดัชนีภาคการบริการ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายสินค้าคงทน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และยอดสัญญาซื้อขายบ้านรอปิดการขายสหรัฐฯ รวมไปถึงดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เงินเฟ้อ และอัตราว่างงานยุโรป
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 – 22 ส.ค. 57)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 3.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 93.65 เหรียญฯ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 1.24 เหรียญฯ ปิดที่ 102.29 เหรียญฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงเช่นกันมาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 99 เหรียญฯ
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรัก และยูเครนที่ผ่อนคลายลงบ้าง รวมถึงการเปิดใช้ท่าเรือ Es Sider ของลิเบียซึ่งเป็นที่ตั้งของคลังน้ำมันดิบราว 4.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับตัวลดลงมากนัก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงมากกว่าคาด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี
ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเดียวกับสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นหลังจากท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบหลักกลับมาดำเนินการได้ ขณะที่อิรักเองก็มีการส่งออกได้ตามปกติ ประกอบกับจีดีพีไตรมาส 2/57 สหรัฐฯ ที่คาดว่าจะถูกปรับลดลง นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่ยังอยู่ในภาวะเปราะบางล้วนกดดันราคา อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ในยูเครนตะวันออก และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดลงยังคงส่งแรงหนุนต่อราคาน้ำมัน
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ลิเบียยังพยายามส่งออกน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง แม้การส่งออกจากท่าเรือ Es Sider จะประสบเหตุขัดข้องทางเทคนิคทำให้ไม่สามารถขนถ่ายน้ำมันดิบลงเรือได้เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยท่าเรือดังกล่าวถือเป็นคลังเก็บน้ำมันดิบซึ่งมีปริมาณราว 4.5 ล้านบาร์เรล และเชื่อมต่อกับท่อขนส่งน้ำมันดิบจากหลุมผลิตน้ำมันดิบอีกด้วย
จีดีพีไตรมาส 2/57 ของผู้ใช้น้ำมันหลักของโลกอย่างสหรัฐฯ ที่จะประกาศเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.8% จาก 4.0% ในการประกาศครั้งก่อนหน้า โดยตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ จะแสดงถึงแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันดิบของประเทศผู้นำของโลกนี้ได้
การตอบโต้ของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียต่อรัฐบาลยูเครน ภายหลังรัฐบาลสามารถยึดเมือง Luhansk ได้ โดยล่าสุดยังมีการปะทะกันต่อเนื่อง ยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบอยู่เป็นระยะๆ
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอันเป็นผลมาจากกำลังการกลั่นของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ โดยล่าสุดปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงกว่า 4.5 ล้านบาร์เรล
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2/57 ดัชนีภาคการบริการ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายสินค้าคงทน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และยอดสัญญาซื้อขายบ้านรอปิดการขายสหรัฐฯ รวมไปถึงดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เงินเฟ้อ และอัตราว่างงานยุโรป
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 – 22 ส.ค. 57)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 3.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 93.65 เหรียญฯ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 1.24 เหรียญฯ ปิดที่ 102.29 เหรียญฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงเช่นกันมาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 99 เหรียญฯ
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรัก และยูเครนที่ผ่อนคลายลงบ้าง รวมถึงการเปิดใช้ท่าเรือ Es Sider ของลิเบียซึ่งเป็นที่ตั้งของคลังน้ำมันดิบราว 4.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับตัวลดลงมากนัก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงมากกว่าคาด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี
