บางกอกชีท เม็ททัล รับอานิสงค์ เมกะโปรเจค คมนาคม 6.8 หมื่นล้าน

03 Nov 2014
บริษัท บางกอกชีท เม็ททัล จำกัด (BM) ผู้นำในการผลิตแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กรางและท่อร้อยสายไฟฟ้า ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า ตู้โลหะ และแผงควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ตามอาคาร คอนโด ภายใต้แบรนด์ BSM คาด บริษัทฯ รับอานิสงค์เมกะโปรเจค 6.8 หมื่นล้าน โดยเฉพาะคมนาคมเร่งก่อสร้างประมูลรถไฟฟ้า กทม. 7 สาย ระบุสินค้าประเภทเหล็กรางและท่อร้อยสายไฟฟ้าออเดอร์เพิ่มขึ้นแน่นอน เชื่อรายได้ปีนี้เข้าเป้า 700 ล้านบาท

นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีท เม็ททัล จำกัด (BM) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมมีนโยบายในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรายได้อนุมัติงบประมาณวงเงิน 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งโดยเฉพาะในการเร่งรัดก่อสร้างรถไฟฟ้า 4 เส้นทาง ได้แก่รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต นอกจากนี้จะมีการเร่งรัดการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯได้รับอานิสงค์จากนโยบายดังกล่าว เนื่องจากบริษัทฯเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กรางและท่อร้อยสายไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัสดุซึ่งเป็นส่วนประกอบที่นำไปใช้ในการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าแต่ละแห่ง

“นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่รัฐบาลเดินหน้าเมกะโปรเจคต่างๆเพื่อผลักดันให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นมีผลทำให้การเติมโตทางด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขยับมากขึ้นอย่างไรก็ตามในส่วนของการเดินหน้าเมกะโปรเจคทางด้านโครงการคมนาคม 6.8 หมื่นล้าน โดยเฉพาะการเร่งรัดการประมูลโครงการรถไฟฟ้า 7 เส้นทางหรือจะเป็นการเร่งก่อสร้างให้เร็วขึ้นสำหรับรถไฟฟ้าที่ก่อสร้างอยู่แล้วให้เสร็จเร็วมากขึ้น ซึ่งถือว่าบริษัทในฐานะผู้นำในการแปรรูปเหล็กรางและท่อร้อยสายไฟฟ้า ที่ทางบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญและมีการผลิตที่มีคุณภาพและสามารถมีกำลังการผลิตที่รองรับได้” นายธีรวัต กล่าว

นายธีรวัต กล่าวต่อว่า ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตทางด้านรายได้น่าจะใกล้เคียงกับปี 2556 โดยคาดว่ารายได้ทั้งปี 2557 นี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าในช่วงต้นปียอดรายได้โดยรวมอัตราการเพิ่มมีค่อนข้างน้อยแต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ปัญหาทางด้านการเมืองยุติคลี่คลายลงจึงทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนต่างๆเริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของภาคธุรกิจ อสังหาจากที่ชะลอการก่อสร้างโดยในตอนนี้มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มเดินหน้าโครงการต่างๆมากขึ้น โดยภาคธุรกิจอสังหาเริ่มกลับมามีทั้งในส่วนของ คอนโด ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งมีผลทำให้ยอดการจองสินค้าของบริษัทฯก็เริ่มมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเหล็กรางและท่อร้อยสายไฟฟ้า

“สำหรับสินค้ากลุ่มอื่นๆที่บริษัทผลิตเช่น ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า ตู้โลหะ และแผงควบคุมไฟฟ้าและโคมไฟฟ้าที่ใช้ตามอาคาร คอนโด , โลหะเชื่อมประกอบ,เครื่องมือ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ ,ชิ้นส่วนโลหะ โดยรวมขณะนี้ เริ่มกลับมาทยอยมีออเดอร์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นปัจจัยที่สะท้อนให้เห็นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้” นายธีรวัต กล่าว