“บีเอ็ม” หนุน พาณิชย์หั่นราคาเหล็กสะท้อนตลาดโลก พร้อมรับอานิสงส์ ต้นทุนต่ำ เพิ่มอัตราการแข่งขันกับต่างชาติ

19 Jan 2015
บางกอกชีท เม็ททัล หนุน กระทรวงพาณิชย์ลดราคาเหล็ก เพื่อให้สอดคล้องกับกลไกราคาตลาดโลก คาด ราคาเหล็กจะลดลงสูงสุด 15 เปอร์เซ็น ระบุ รับอานิสงส์ต้นทุนการผลิตต่ำลง เพิ่มขีดความสามารถในการผลิต ได้เปรียบคู่แข่งประเทศ AEC เอื้อนักลงทุนญี่ปุ่นจ้างผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปเหล็กมากขึ้น และส่งผลดีต่อผู้บริโภคในประเทศ เนื่องจากสินค้าราคาถูกลง พร้อมคาด เตรียมเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้

นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีท เม็ททัล จำกัด หรือ BMผู้นำในการผลิต แปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก รางและท่อร้อยสายไฟฟ้า สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า ตู้โลหะ และ แผงควบคุมไฟฟ้า ที่ใช้ตาม อาคาร คอนโด และ ที่อยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ BSM เปิดเผยถึงการประกาศลดราคาสินค้ากว่า 6 รายการของกระทรวงพาณิชย์ว่า สินค้าประเภทเหล็ก ไม่ว่าจะเป็นเหล็กเส้น เหล็กแผ่น หรือเหล็กรูปพรรณ จะมีการทยอยปรับลดราคาลงได้ประมาณ 5-15 เปอร์เซ็น โดยเฉพาะเหล็กเส้น ที่จะสามารถลดราคาได้ทันที ส่วนเหล็กแผ่น และเหล็กรูปพรรณอื่นๆ น่าจะทยอยลดราคาได้ในเร็วๆ นี้

“กว่า 70 เปอร์เซ็นของราคาสินค้า เป็นราคาของเหล็กก่อนนำมาแปรรูป เมื่อรัฐบาลออกมาตรการลดราคาเหล็กที่เป็นต้นทุนสำคัญลง ราคาของสินค้าก็สามารถลดลงได้ประมาณ 5-15 เปอร์เซ็น ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่อผู้สั่งผลิตสินค้าของบริษัทฯ รวมถึงลูกค้ารายย่อย ที่จะได้ใช้เหล็กในราคาที่ถูกลง และยังส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และมีความได้เปรียบกว่าประเทศใน AEC โดยเฉพาะกรณีนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่ต้องการผู้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง แต่เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยมีต้นทุนราคาเหล็กที่สูงกว่าตลาดโลก ทำให้ต่างชาติเบนความสนใจไปที่ประเทศคู่แข่งที่มีราคาสินค้าต่ำกว่า แม้เราจะมีจุดเด่นในเรื่องของคุณภาพและฝีมือแรงงานที่ดีกว่าก็ตาม” นายธานิน กล่าว

นายธานิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีผลประกอบการอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีรายได้อยู่ที่ 700 ล้านบาท ส่วนทิศทางของรายได้บริษัทฯ ในปี 2558 นี้ คาดว่าน่าจะทำรายได้อยู่ที่ 800-900 ล้านบาท และคาดว่าน่าจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 25- 30 เปอร์เซ็น เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่ผ่านมา โดยบริษัทมีกลยุทธ์ที่จะจับกลุ่มลูกค้าผู้รับเหมาก่อสร้างที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในย่านนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการใช้เหล็กแปรรูปที่เป็นโครงเหล็ก โดยทางบริษัทจะมีการจัดเตรียมผลิตภัณฑ์แบบเชื่อมต่อประกอบสำเร็จรูป ซึ่งจะสะดวกต่อผู้รับเหมาและลูกค้าในการติดตั้ง โดยไม่ต้องใช้สถานที่เชื่อมประกอบในบริเวณพื้นที่ก่อสร้างของโรงงานลูกค้า

นายธานิน กล่าวถึงความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้มีการแต่งตั้งให้ บริษัทแอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ช่วงการเตรียมข้อมูล เพื่อจะแปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทจดทะเบียน จากบริษัทจำกัด เป็นบริษัทมหาชน หลังจากนั้นก็จะทำการยื่นนำเสนอข้อมูลให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. ซึ่งโดยกระบวนการดังกล่าวคาดว่าน่าจะดำเนินการภายในปีนี้ได้