หมดปัญหาทานนมแล้วท้องไส้ปั่นป่วน จากองค์ความรู้..สู่นวัตกรรมนม 0% แล็กโทส

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ปัญหาสภาวการณ์แพ้น้ำตาลแล็กโทสในนมเป็นปัญหาที่เกิดกับคนไทยมาช้านาน ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาด้านสุขภาพ คนส่วนใหญ่มักจะแก้ไขโดยหลีกเลี่ยงการดื่มนม ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกในร่างกายลดลง ผลการศึกษาของสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า เมื่อให้ดื่มนมหนึ่งแก้ว เด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ไทย มีผู้ที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแล็กโทสได้ 40-88% และผู้ที่มีอาการไม่สบายท้องหรือที่เรียกว่า “แพ้น้ำตาลแล็กโทส” 30-66% จากข้อมูลดังกล่าว ถือว่าเป็นสัดส่วนตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาการแพ้น้ำตาลแล็กโทสในนมที่ควรเร่งแก้ไข
          ผลการศึกษานำไปสู่กระบวนการคิดค้น วิจัย และทดลอง จนเป็นผลิตภัณฑ์นมแล็กโทส เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว และมุ่งส่งเสริมให้คนไทยหันมาดื่มนม เพื่อสุขภาพที่ดี การวิจัยเป็นความร่วมมือของสองภาคส่วนคือ ภาคการศึกษาและเอกชน ระหว่างสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และกลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย สร้างนวัตกรรมนมแล็กโทส อินโทเลเรนซ์ (Lactose Intolerance) หรือนม 0% แล็กโทส ผลิตภัณฑ์นมปราศจากแล็กโทส ภายใต้แบรนด์ Umm!..Milk สำหรับผู้แพ้น้ำตาลแล็กโทสในนมวัว งานวิจัยนี้ใช้เวลาเพียง 6 เดือน สามารถจำหน่ายสู่ตลาด ในร้านอืมม!..มิลค์ ทั้ง 25 สาขา บนห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ทั้งผู้ที่มีอาการแพ้และไม่แพ้น้ำตาลแล็กโทสในนม เพราะเป็นนมที่ทานง่าย รสชาติดี มีรสหวานตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องเติมน้ำตาล ถือเป็นการทลายกำแพงงานวิจัย ด้วยการนำผลงานชิ้นโบแดงบนหิ้ง มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงานวิจัย และทำคุณประโยชน์เชิงประจักษ์ให้เห็นได้อย่างแท้จริง
          ภูวนาถ บางพาน เอคเซคคิวทีฟ ไวซ์ เพรสซิเดนซ์ บิสสิเนส แอนด์ มาร์เกตติ้ง (Executive Vice President Business & Marketing) กลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์นม 0% แล็กโทส ออกวางสู่ตลาดเพื่อแก้ปัญหาผู้ที่มีอาการแพ้น้ำตาลแล็กโทสในนม จากสัดส่วนพบว่าคนไทยมีอัตราแพ้น้ำตาลแล็กโทสในนมเกินครึ่งของประชากร เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง แสดงให้เห็นว่าคนไทยกำลังประสบปัญหาภาวะดื่มนม โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ บุคคลทั่วไปที่มีอาการท้องอืด จุกเสียด และแน่นหน้าอก รวมทั้งการผายลมบ่อยๆ หลังดื่มนม หรืออาการแพ้น้ำตาลแล็กโทสในน้ำนม เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแล็กโทสในน้ำนม เนื่องจากขาดเอนไซม์แล็กเทส (Lactase) ที่ช่วยย่อยน้ำตาลแล็กโทสให้เป็นน้ำตาลกลูโคส (Glucose) กับน้ำตาลกาแล็กโทส (Galatose) ทำให้ผู้ดื่มไม่เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้องแน่นท้อง และไม่เกิดแก๊สในกระเพาะ ที่มักเกิดขึ้นเมื่อดื่มนมทั่วไป
          ผลิตภัณฑ์นมปราศจากแล็กโทส เป็นนมที่ช่วยแก้ปัญหาอาการดังกล่าว โดยผ่านกรรมวิธีพิเศษช่วยย่อยน้ำตาลแล็กโทสในน้ำนม ช่วยลดอาการท้องไส้ปั่นป่วน หลังการดื่มนม มีรสหวานตามธรรมชาติ แบบไม่ต้องเติมน้ำตาล แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการเอาไว้อย่างครบถ้วน อุดมไปด้วยโปรตีนและแคลเซียมธรรมชาติ ที่ร่างกายสามารถดูดซับไปใช้ประโยชน์ได้ดี การบริโภคนม 0% แล็กโทส เพียงหนึ่งขวด ขนาด 250 ซีซี ให้แคลเซียมถึงหนึ่งในสามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ดังนั้นเมื่อบริโภคครบสามขวด สามารถให้แคลเซียมเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน”
          ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Umm!..Milk เป็นผลิตภัณฑ์นมคุณภาพที่มีกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถันตั้งแต่ Super Gene คือคัดเลือกน้ำเชื้อคุณภาพ ให้เหมาะกับการจัดการเลี้ยงดูในไทย เพื่อนำมาผสมได้แม่โคพันธุ์ดี ให้เป็น Super Cow แม่โคนมสายพันธุ์ดี ที่ให้น้ำนมคุณภาพ ผ่านการเลี้ยงดูเอาใจใส่ทุกขั้นตอน จนเกิดเป็น Super Milk สุดยอดผลิตภัณฑ์น้ำนมดิบ สดจากธรรมชาติ ภายใต้แนวคิด “รีดปุ๊ป... ผลิตปั๊ป” คงคุณค่าและความสดด้วยระยะทางจากโรงรีดนมถึงโรงงานผลิตที่ห่างกันเพียง 50 เมตร สร้างผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Umm!..Milk หลากหลายสุดยอดสินค้าที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ให้คนไทยได้บริโภค เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นอย่างแท้จริง
          นม 0% แล็กโทส เป็นความสำเร็จเชิงประจักษ์ของผลงานวิจัย ที่ช่วยตอบโจทย์ปัญหาภาวะการแพ้น้ำตาลแล็กโทสในนมของคนไทยได้เป็นอย่างดี บ่งชี้ให้เห็นว่า หากภาคการศึกษา และภาคเอกชน ร่วมมือกันผลักดันและนำผลงานวิจัยที่คิดค้น มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่มนุษยชาติได้อย่างแท้จริง
          และนี่คือ..ผลสำเร็จอย่างแท้จริงของงานวิจัยที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้มีโอกาส เลือกสรรสิ่งที่ดีต่อสุขภาพและชีวิตประจำวันได้

หมดปัญหาทานนมแล้วท้องไส้ปั่นป่วน จากองค์ความรู้..สู่นวัตกรรมนม 0% แล็กโทส

ข่าวมหาวิทยาลัยมหิดล+สถาบันโภชนาการวันนี้

การประชุมพิษวิทยาแห่งชาติครั้งที่ 14 (NCT14) "Toxicology for Sustainable Development"

เมื่อเร็วนี้ๆ รองศาสตราจารย์ ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต นายกสมาคมพิษวิทยาแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดการประชุมพิษวิทยาแห่งชาติครั้งที่ 14 (NCT14) เรื่อง "Toxicology for Sustainable Development" โดยสมาคมพิษวิทยาแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล สมาคมพิษวิทยาคลินิก สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ชมรมพันธุพิษแห่งประเทศไทย ศูนย์ประเมินความเสี่ยงประเทศไทย และ Thailand LAB INTERNATIONAL 2024 เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน พ.ศ.2567 ณ ห้อง MR 224-225 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม

การใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอาหาร ยังคงมี... ม.มหิดลมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีอาหารยกระดับเศรษฐกิจชุมชนและประเทศชาติ — การใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอาหาร ยังคงมีความท้าทายในทุกยุคทุกสมัย เช่นเดียวกับมหาวิทยาล...

เมื่อวันพุธที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 9... การประชุมพิษวิทยาแห่งชาติครั้งที่ 13 (NCT13) เรื่อง "Toxicology in BCG Policies of Thailand" — เมื่อวันพุธที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 9.00 น. รองศาสตราจา...

ด้วยเทคโนโลยีทางอาหาร เปลี่ยน "ข้าวหอมมะล... ครั้งแรกของโลก ม.มหิดลผลิต'อาหารโฟมโปรตีนสูงเพื่อผู้สูงวัยจากข้าวหอมมะลิไทย' — ด้วยเทคโนโลยีทางอาหาร เปลี่ยน "ข้าวหอมมะลิไทย" ให้เป็นนวัตกรรม "อาหารโฟมโปร...

สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (I... INT ม.มหิดล เปิดเวที "INT Accelerate Demo Day" โชว์ศักยภาพสตาร์ตอัปสาย Healthcare-Oriented Deep Tech — สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (INT) มหาวิท...

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโล... สำหรับนักเรียนทุน พสวท. ระดับมัธยมศึกษา ปีการศึกษา 2567 — สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดค่ายวิทยาศาสตร์ภาคฤดูร้อนสำหรับนักเรียนทุ...

มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีนโยบายส่งเสริมการสร้... วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งเป้าสู่การเป็น Zero Food Waste Business School — มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีนโยบายส่งเสริมการสร้างความเป็นมหาวิทยาลัยเชิง...