นายแพทย์ประภาส วีระพล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในบรรยากาศแบบนี้ อยากฝากเตือนผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องระมัดระวังในการปั่นจักรยานทางไกล คือ 1) โรคหัวใจทุกชนิด 2) โรคความดันโลหิตสูง 3) โรคเบาหวานที่ยังคุมน้ำตาลไม่ได้ 4) โรคลมชัก 5) โรค Heat Stroke จากอากาศร้อนมากและสูญเสียเหงื่อมาก และ 6) อุบัติเหตุทางถนนจากการปั่นกันเป็นกลุ่มใหญ่ จากการไม่ชินกับถนนหรือเส้นทางและการเกี่ยวเกาะกันล้มจากการไม่เคยซ้อมปั่นด้วยกันมาก่อน
ข้อแนะนำในการปั่นจักยาน 1.ปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย 2.ก่อนจะขี่จักรยานต้องเรียนรู้อุปกรณ์และวิธีการขี่ ปรับเบาะ มือบังคับ ให้ได้ระดับเหมาะสม ความสูงของเบาะนั่งต้องเหมาะสม คือ เมื่อนั่งบนเบาะ เท้าที่วางบนบันไดที่ต่ำ เข่าจะงอเล็กน้อย โดยทำมุมประมาณ 5 องศา หากตั้งเบาะต่ำไปอาจจะทำให้ปวดเข่าเมื่อขี่จักรยาน ต้องตรวจข้อล็อกต่าง ๆ ว่าอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและแน่หนา วิธีทดสอบอีกวิธีหนึ่ง คือให้วางส้นเท่าบนบันไดขั้นต่ำสุด เข่าจะเหยียดตรงพอดีความสูงของมือจับปรับให้พอดี โดยปรับให้สูงแล้วค่อยเลื่อนต่ำลงมา ตำแหน่งที่เหมาะสม คือ ข้อศอกงอเล็กน้อย ระยะห่างพอดีและจับสบายไม่ปวดหลัง การปรับนี้ผู้ขี่ต้องปรับให้พอดีกับตัวเอง
3.การเลือกรองเท้า ไม่ควรใช้รองเท้าสำหรับวิ่งหรือรองเท้าสำหรับการเต้น aerobic เพราะพื้นรองเท้านุ่มเกินไป พื้นรองเท้าสำหรับขี่จักยานควรจะแข็งพอสมควร เพื่อจะได้ขี่จักรยานอย่างมีประสิทธิภาพ 4.การเตรียมอุปกรณ์อื่นที่จำเป็น อาทิ ผ้าเช็ดเหงื่อสำหรับเช็ด โดยเฉพาะมือจับเพราะอาจจะทำให้ลื่น 5.ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนการออกกำลังกาย ดื่มน้ำประมาณครึ่งลิตร ระหว่างการออกกำลังกาย 40 นาที ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว หลังการออกกำลังกาย 6.ก่อนออกกำลังกายให้อบอุ่นร่างกาย (warm up) โดยการขี่จักรยานแบบไม่มีความฝืด 5-10 นาที หลังจากนั้นจึงเพิ่มความฝืดและเพิ่มความเร็วโดยที่ไม่เหนื่อยหรือไม่ปวดกล้ามเนื้อ 7.สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูงควรติดตามการเต้นของหัวใจ สำหรับผู้ที่เริ่มขี่ควรจะขี่ด้วยความเร็วไม่มากและความฝืดไม่มาก เมื่อร่างกายแข็งแรงจึงเพิ่มความฝืดและความเร็ว
หากมีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด เจ็บแน่นหน้าอก ให้หยุดขี่ทันทีและบอกคนใกล้ชิดหรือผู้คุมช่วยปฐมพยาบาล อากาศถ่ายเท คลายเสื้อผ้ารองเท้าและเช็ดตัวด้วยน้ำเพื่อลดความร้อน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรรีบส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาล