นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ไทยประสบความสำเร็จ สามารถพัฒนาการตรวจหาเชื้อ HIV ในเด็กแรกคลอด ด้วยวิธีการตรวจแบบ HIV-PCR ตรวจหา DNAของเชื้อ HIV ในเลือดเด็ก รู้ผลเร็ว ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น มั่นใจไทยจะเป็นประเทศแรกๆของโลกที่สามารถยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกได้สำเร็จ ตามเป้าที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ คือไม่เกินร้อยละ 2 ภายในปี พ.ศ. 2560
นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยตรวจพบการติดเชื้อ HIV ในหญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ปี 2531 และพบว่าโอกาสที่ทำให้เด็กได้เชื้อ HIV จากแม่ สาเหตุสำคัญอันดับต้นๆร้อยละ 50-60 คือช่วงระหว่างการคลอดหรือ 1-2 สัปดาห์ก่อนคลอด เชื้อจะเข้าสู่ตัวเด็กระหว่างมดลูกบีบรัดตัวตอนเจ็บท้องคลอดหรือมีเลือดแม่ปนเปื้อนตัวเด็กขณะคลอด รองลงมาคือการได้รับเชื้อขณะอยู่ในครรภ์แม่ผ่านทางสายรกเข้าสู่ลูก และโดยผ่านการให้นมแม่เข้าสู่ปากและทางเดินอาหารของลูกซึ่งพบประมาณร้อยละ 14 ทั้งนี้หากไม่มีการป้องกันเด็กจะมีโอกาสติดเชื้อจากแม่สูงถึงร้อยละ 20-45 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินนโยบายในการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูกมาแล้วตั้งแต่ ปี2536 โดยเริ่มตรวจหาการติดเชื้อ HIV ในหญิงตั้งครรภ์ และให้ยาต้านไวรัสสูตรรวม 3 ตัว ในรายที่ติดเชื้อ ให้เด็กทารกที่คลอดจากแม่ติดเชื้อกินนมผสมทดแทนนมแม่เป็นเวลา 18 เดือน รวมถึงการตรวจการติดเชื้อตั้งแต่แรกคลอดให้เร็วที่สุด เพื่อให้ยากดระดับไวรัสในกระแสเลือดไม่ให้มีการแพร่เชื้อ
ปี2547 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เริ่มพัฒนาการวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV ในเด็กแรกคลอดที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อ โดยนำการตรวจ HIV-PCR มาใช้ในการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีในเด็กอายุ 1 เดือน ด้วยการใช้ตัวอย่างเลือดจากกระดาษซับเลือด นำมาตรวจหา DNAของเชื้อเอชไอวีในเลือดเด็ก วิธีการดังกล่าวนี้ช่วยให้การวินิจฉัยเชื้อ HIV ทำได้รวดเร็วขึ้น และมีประโยชน์ในการรักษามากกว่าการตรวจหาภูมิคุ้มกันโดยไม่ต้องรอจนกระทั่งเด็กอายุครบ 18 เดือน กรณีที่พบเด็กติดเชื้อจะเปลี่ยนยาจากสูตรป้องกันเป็นสูตรรักษาด้วยยาต้านไวรัส ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดูแลรักษาเด็กได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เด็กมีอายุยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นพ.อภิชัย กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้สนับสนุนให้การตรวจ HIV-PCR เป็นบริการตรวจฟรีในเด็กไทยทุกคนที่คลอดจากแม่ที่ติดเชื้อ โดยผลการตรวจ HIV-PCR ในรอบ 10 ปี (พ.ศ.2549-2558) ทั้งสิ้น 43,763 ตัวอย่าง พบผลบวก 1,230 ตัวอย่างหรือร้อยละ2.81 อัตราการติดเชื้อในปี 2558 ลดลงจากปี 2549 จากร้อยละ 5.41 เหลือเพียงร้อยละ 1.5 ซึ่งพบว่าภาพรวมอัตราการถ่ายทอดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูกมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากการให้ยาต้านไวรัส สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HIVทุกราย และให้เด็กดื่มนมผสมแทนนมแม่ 18 เดือน และการวินิจฉัยการติดเชื้อ HIVในเด็กให้เร็วที่สุดเพื่อการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิผล
"ซึ่งข้อมูลการตรวจ HIV-PCR ของเครือข่ายห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะช่วยยืนยันความสำเร็จของประเทศไทย ในการเป็นประเทศแรกๆของโลกที่จะยุติการถ่ายทอดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูกได้สำเร็จตามเป้าหมายที่องค์การสหประชาชาติที่กำหนดไว้คือน้อยกว่าร้อยละ 2 ภายในปี พ.ศ. 2560 "นพ.อภิชัยกล่าว
นางหรรษา ไทยศรี นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชำนาญการพิเศษศูนย์วิจัยทางคลินิก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่าปัจจุบันมีเด็กเกิดใหม่ประมาณ 8 แสนคนต่อปี และมีเด็กประมาณ 4,800 คนที่คลอดจากแม่ที่ติดเชื้อ HIV การตรวจ HIV-PCR เป็นวิธีการตรวจหาการติดเชื้อในเด็กแรกคลอดที่มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจในเด็กกลุ่มเสี่ยงได้ตั้งแต่แรกคลอด อายุ 2-7 วัน โดยใช้ตัวอย่างเลือดจากกระดาษซับเลือด ซึ่งจะได้ผลการตรวจครอบคลุมทั้ง 2 โรค คือ โรคเอดส์และโรคเอ๋อ ทำให้ครอบคลุมและเข้าถึงการตรวจเด็กที่ได้รับเชื้อ HIV มีมากถึงร้อยละ 94 ในขณะที่การตรวจแบบเดิมคือการเจาะเลือดซึ่งในเด็กเล็กทำได้ยาก การส่งตรวจมีค่าใช้จ่าย และต้องส่งตัวอย่างเลือดเพื่อไปตรวจในห้องแล็ปภายใน 48 ชั่วโมง ใช้ระยะเวลาตรวจจนทราบผลประมาณ 1 เดือน
ส่วนการตรวจแบบ HIV-PCR จะใช้ระยะเวลาตรวจจนทราบผลไม่เกิน 5 วัน โดยได้มีการพัฒนาวิธีการสกัดตัวอย่าง เป็นชุดสกัดแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวอย่าง และมีการพัฒนาเทคนิคการตรวจเป็นแบบ Real Time PCR โดยจะมีโปรแกรมช่วยประมวลผลและวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำสูง หากพบผลบวกแพทย์จะใช้ผลการตรวจนี้เพื่อรักษา เปลี่ยนยาจากสูตรป้องกันมาเป็นสูตรรักษาด้วยยาต้านไวรัสแทน เพื่อลดโอกาสเป็นเอดส์ นอกจากรายงานผลทางเอกสารแล้วจะมีการจัดการเชิงรุกด้วยการโทรสายตรงไปที่โรงพยาบาลแจ้งให้ตรวจซ้ำ เพื่อให้ทางโรงพยาบาลจัดการเข้าสู่กระบวนการรักษา ซึ่งจะมีการติดตามผลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และในปี 2559 นี้ได้มีโครงการวิจัยบูรณาการร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศ ให้สามารถตรวจแบบ HIV-PCR โดยใช้กระดาษซับเลือด คาดว่าภายในปี 2560 ศูนย์วิทยาศาสตร์ฯทุกแห่งจะสามารถให้บริการตรวจแบบเดียวกันนี้ได้
BKGI ร่วมเปิด "อาคารศูนย์ผลิตและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง"
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิด "ศูนย์สุขภาวะจีโนมิกส์" ก้าวใหม่ของการแพทย์แม่นยำไทย
BKGI ผนึกกรมวิทย์ฯ รับถ่ายทอดเทคโนโลยีเซลล์บำบัด ดันไทยสู่ศูนย์กลางการแพทย์ภูมิภาค
พิธีเปิดงานการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 33
N Health Novogene จับมือ ศิริราชพยาบาล และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับ เท็นกุ (Xcoo) บริษัทจากประเทศญี่ปุ่น พัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เสริมความรู้ผู้ประกอบการโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา เฝ้าระวังตัวเรือด เชื้อลีจิโอเนลลา และเชื้อไวรัสโนโร ด้วย 3C
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เสริมความรู้ความเข้าใจ ระบบคุณภาพ OECD GLP สร้างความเข้มแข็งหน่วยตรวจสอบขึ้นทะเบียนแห่งชาติ
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมเครือข่ายเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัส hMPV
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยโควิด 19 สายพันธุ์ JN.1* ยังเป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในไทย แนะกลุ่มเสี่ยงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ