"ปลูกทุเรียนไม่มีวันจน มันจะจนสำหรับวันแรกที่ลงทุนซื้อต้นพันธุ์และทำระบบน้ำ หลังจากนั้นเรามีแต่รายได้" นายวิรัตน์ สาลีรัมย์ เจ้าของสวนทุเรียนรุ่งโรจน์ซึ่งปลูกทุเรียนเป็นแห่งแรกของจังหวัดบึงกาฬ ยืนยันพร้อมกับกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการทำสวนทุเรียนมาจากการไปรับจ้างเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนที่จังหวัดจันทบุรีและนครศรีธรรมราชทำให้เกิดแนวคิดว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็น่าจะทำได้จึงทดลองปลูกทุเรียนเป็นแปลงแรกของจังหวัดบึงกาฬเมื่อปี 2549 โดยนำความรู้จากประสบการณ์ที่ได้รับทั้ง 2 แห่งมาบริหารจัดการดูแลสวนทุเรียนพื้นที่ปลูกจำนวน 28 ไร่ ณ บ้านท่าดอกคำเหนือ หมู่ที่ 9 ตำบลท่าดอกคำ อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ
นางสาวณัฐฏา ดีรักษา นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรหนองคาย (ศวพ.หนองคาย) สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ศวพ.หนองคาย ได้เข้าไปให้คำแนะนำการผลิตทุเรียนตามมาตรฐาน GAP ที่สวนของนายวิรัตน์ซึ่งประสบปัญหาโรครากเน่าและโคนเน่าของทุเรียนทำให้ใช้สารเคมีในการป้องกันและกำจัดค่อนข้างมากโดยแนะนำให้ใช้ชีวภัณฑ์ไตรโคเดอร์มาซึ่งเป็นผลงานวิจัยและเทคโนโลยีของของกรมวิชาการเกษตรที่สามารถป้องกันกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราไฟทอฟธอราได้ทำให้ลดการใช้เคมีในการป้องกันและกำจัดโรค รวมทั้งยังให้คำแนะนำการตัดแต่งกิ่งทุเรียนและการใช้ปุ๋ยหลังการเก็บเกี่ยว จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อสารเคมีและปุ๋ยเคมีเป็นการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ให้แก่นายวิรัตน์ โดยสวนทุเรียนรุ่งโรจน์เป็นสวนทุเรียนแห่งแรกของจังหวัดบึงกาฬที่ได้รับการรับรองแหล่งผลิตทุเรียน GAP จาก ศวพ.หนองคาย โดยมีพื้นที่ได้รับการรับรอง GAP จำนวน 22 ไร่ แยกเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง จำนวน 340 ต้น และพันธุ์ชะนี จำนวน 60 ต้น การจัดการสวนของนายวิรัตน์ จะตัดแต่งกิ่งแห้ง กิ่งแขนง กิ่งกระโดงในทรงพุ่ม กิ่งที่เป็นโรคออก ช่วงแตกใบอ่อน ป้องกันกำจัดโรคที่เกิดกับใบ และแมลงปากดูด ที่มาทำลายใบ ช่วงฤดูฝน ป้องกันกำจัดโรครากเน่าโคนเน่าโดยใช้ชีวภัณฑ์ไตรโคเดอร์มาและควบคุมวัชพืชโดยการปลูกพืชคลุมดิน หรือกำจัดโดยใช้แรงงานตัดหญ้า การใส่ปุ๋ย หว่านปุ๋ยคอกก่อนและตามด้วยปุ๋ยเคมี ปุ๋ยคอก อัตรา 5-10กิโลกรัม/ต้น ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 1-2 กิโลกรัม/ต้น การให้น้ำ ปริมาณน้ำ 150 ลิตร/ต้น/วัน การเตรียมต้นทุเรียนให้พร้อมต่อการออกดอก ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 8-24-24 อัตรา 2-3 กิโลกรัม/ต้น หลังติดผลใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 12-12-17-2 หรือ 13-13-21 อัตรา 1 ใน 3 ของเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม พร้อมกับตัดแต่งผลที่ไม่สมบูรณ์หรือมีจำนวนมากเกินไปออกเพราะถ้าปล่อยไว้อาจทำให้กิ่งหักได้ หลังติดผล 70 วัน ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 0-0-60 อัตรา 1 ถึง 2 กิโลกรัม/ต้น
โรคที่ระบบราก ใช้สารเมตาแลกซิล ราดใต้ทรงพุ่มให้ทั่ว พร้อมกับกระตุ้นการเจริญของราก โรคที่ลำต้นและกิ่ง ถ้าอาการเล็กน้อย ให้ขูดผิวเปลือกส่วนที่เป็นโรคออกนำไปเผาทำลาย แล้วทาด้วยปูนแดง หรือ สารเมตาแลกซิล ถ้าพบอาการรุนแรง ใช้กรดฟอสฟอรัส ฉีดเข้าลำต้น หรือกิ่งในบริเวณตรงข้าม หรือส่วนที่เป็นเนื้อไม้ดีใกล้บริเวณที่เป็นโรค โรยสารคาร์บาริล รอบโคนต้นป้องกันมด หรือพ่นด้วยสารมาลา-ไธออน ร่วมกับปิโตรเลียมออยล์ พ่นเป็นจุดเฉพาะกลุ่มผลที่สำรวจพบการทำลาย และต้องหยุดใช้สารเคมีก่อนเก็บเกี่ยว 15 วัน
การโยงผลทุเรียนสามารถลดการร่วงของผล และกิ่งหักหรือกิ่งฉีกเนื่องจากลมแรงได้ โดยการโยงผลทุเรียนที่ถูกต้องให้ผูกเชือกโยงกับกิ่งทุเรียนให้เลยตำแหน่งเชื่อมต่อระหว่างขั้วผลกับกิ่งไปทางด้านปลายยอดของกิ่ง โดยพยายามสอดดึงเชือกโยงเหนือกิ่งทำมุมกว้างในแนวขนานกับกิ่ง แล้วดึงปลายเชือกผูกรั้งกับต้นให้ตึงพอประมาณ สังเกตได้จากกิ่งนั้นยกระดับสูงขึ้นเล็กน้อย และสามารถเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างเป็นอิสระ โดยเชือกโยงกิ่งหรือผลทุเรียนต้องเป็นวัสดุที่ทนทานต่อแรงดึงค่อนข้างสูง และควรใช้เชือกโยงหลายสีในกรณีที่มีผลทุเรียนหลายรุ่นในต้นเดียวกัน
การนับอายุในการเก็บเกี่ยว ทุเรียนจะนับจำนวนจากวันหลังจากดอกบานจนถึงวันที่ผลแก่ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้ พันธุ์หมอนทอง 140-150 วัน พันธุ์ชะนี 110-120 วัน โดยนายวิรัตน์จะทำสัญลักษณ์ของทุเรียนแต่ละรุ่นและจดบันทึกทุกขั้นตอนในการจัดการสวน สำหรับผลผลิตจะจำหน่ายผ่านFacebook โดยจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 180 บาท โดยในปี 2564 นี้ได้รับผลผลิตรวมทั้งสิ้น 12 ตัน รวมรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตทุเรียนจำนวน 2 ล้านบาท ปัจจุบันสวนทุเรียนรุ่งโรจน์ซึ่งเป็นแหล่งปลูกทุเรียนแห่งแรกและได้รับการรับรองตามมาตรฐาน GAP แห่งแรกของจังหวัดบึงกาฬได้เป็นแหล่งศึกษาดูงานการปลูกไม้ผลตามระบบการรับรองแหล่งผลิต GAP ของจังหวัดบึงกาฬที่ได้รับความสนใจจากเกษตรกรในจังหวัดบึงกาฬและจังหวัดใกล้เคียงได้เข้ามาเรียนรู้ด้วย
กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดย ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย (ศบท.) นำโดย นางสาวรัชนีเพ็ญ เพ็ญสิทธิ์ ผอ.ศบท. และคณะ พร้อมด้วย สำนักสื่อสารองค์กร เข้าร่วมจัดแสดงศักยภาพผลงานวิจัยพัฒนาและบริการบรรจุภัณฑ์ ในงาน Labelexpo Southeast Asia 2025 ระหว่างวันที่ 8-10 พฤษภาคม 2568 ณ ฮอลล์ 101-102 บูธ G08 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดย วว. จัดแสดงผลงานด้านบริการงานทดสอบ งานวิจัย งานออกแบบด้านบรรจุภัณฑ์
กระทรวงดีอี-ETDA จับมือ TMA เปิดเวทีแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ผู้เชี่ยวชาญ เร่งขับเคลื่อนศักยภาพดิจิทัลไทย ดัน GDP เติบโตสู่รายได้สูง อย่างยั่งยืน!
—
กระทรวงดิจิ...
MSC reveled Business Performance on Opportunity Day Year End 2024
—
Mr. Suradet Lertthammajak, Executive Director of Metro Systems Corporation Public Comp...
SMPC รับรางวัล CAC 2025 ต่อเนื่องครั้งที่ 3 ตอกย้ำจุดยืนองค์กรโปร่งใส พร้อมขยายพันธมิตรต้านคอร์รัปชัน
—
บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ผู้ผล...
ENZ เชิญร่วมงานศึกษาต่อเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศ นิวซีแลนด์ เปิดประสบการณ์เรียนรู้แบบนิวซีแลนด์กับห้องเรียนจำลอง ฟรี! 24 พ.ค. 68
—
หน่วยงานการศึกษานิวซีแลน...
Tree Market @ Huahin
—
เชิญชวนคนรักต้นไม้! พบกับต้นไม้สวยๆ และของใช้จำเป็นสำหรับการจัดสวน ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้สีสันสดใส สมุนไพรสด ผัก และต้นไม้พื้นเมือง มี...
SPRC และ คาลเท็กซ์ โดย สตาร์ ฟูเอลส์ สนับสนุนโครงการทุนการศึกษา สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ
—
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน...
จดทะเบียนชาวไร่อ้อย รับสิทธิประโยชน์ กับ สอน. ถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้
—
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ในฐานะหน่วยงานหลักที...
พลิกโฉมวงการกระเบื้อง PORCELA (พอร์ซเซล่า) เปิดตัวนวัตกรรมรักษ์โลก โดดเด่นในงาน สถาปนิก '68
—
แบรนด์กระเบื้องน้องใหม่มาแรงในงาน สถาปนิก '68 PORCELA (พอร์ซ...