ลุงป้อม เตือนนายจ้างต้องใช้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ลุงป้อมเตือนนายจ้างให้รับแรงงานต่างด้าวเข้าทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อสามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องไม่ต้องหลบซ่อน มีสวัสดิการ สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมและได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายแรงงานไม่ต่างจากคนไทย หากฝ่าฝืนมีโทษปรับและโทษทางอาญา

ลุงป้อม เตือนนายจ้างต้องใช้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในกิจการประมงทะเลและกิจการต่อเนื่อง และกิจการบางประเภทที่คนไทยไม่นิยมทำ โดยบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมีประสิทธิภาพ รัดกุม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้าง/สถานประกอบการ ลดปัจจัยที่ทำให้เกิดการลักลอบเข้าเมืองมาทำงานอย่างผิดกฎหมายของแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน และป้องกันความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งหลังจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 เห็นชอบนโยบายบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ให้กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามที่มีสถานะไม่ถูกต้อง ที่ประสงค์จะทำงานและมีนายจ้าง สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 ก.พ. 66 โดยหากประสงค์จะทำงานต่อไป สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 ก.พ. 68 โดยต้องดำเนินการตามประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงแรงงานได้สำรวจข้อมูลจากนายจ้างสถานประกอบการพบว่ายังมีความต้องการแรงงานประมาณไม่น้อยกว่า 120,000 คน และได้เห็นชอบให้กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา ที่มีสถานะถูกต้อง ที่ประสงค์จะทำงานต่อไป ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มมติครม. 29 ธ.ค. 63 มติครม. 13 ก.ค. 64 มติครม. 28 ก.ย. 64 จำนวนประมาณ 1,690,000 คน อยู่และทำงานได้ไม่เกิน 13 ก.พ. 68

นอกจากนี้รัฐบาลได้ปรับมาตรการการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานตาม MoU และการนำแรงงานข้ามชาติสัญชาติกัมพูชาและเมียนมา เข้ามาทำงานแบบไปกลับ หรือตามฤดูกาล (มาตรา 64) โดยไม่ต้องกักตัว ตามแนวทางของ ศบค. ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้สามารถนำเข้าแรงงานต่างด้าวโดยไม่ยุ่งยาก จึงย้ำเตือนและขอความร่วมมือนายจ้าง เจ้าของสถานประกอบการที่คิดจ้างแรงงานผิดกฎหมาย ให้คำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพของคนในประเทศ ความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ไม่จ้างแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยผิดกฎหมาย ซึ่งกระทรวงแรงงานมีกระบวนการนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศตาม MoU อย่างเป็นระบบ รวมทั้งดำเนินมาตรการใช้กำลังแรงงานที่มีอยู่ในประเทศเป็นลำดับแรก มีการวางแผนให้ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวในระบบการทำงานอย่างเพียงพอกับความต้องการ ซึ่งคนต่างด้าวที่ได้รับผ่อนผันตามมติคณะรัฐมนตรีในวาระต่าง ๆ หากดำเนินการตามขั้นตอนภายในระยะเวลาที่กำหนด จะสามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ต้องหลบซ่อน มีสวัสดิการ ได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมและได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายแรงงานไม่ต่างจากคนไทย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงแรงงานมุ่งแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานโดยนำเข้าแรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ มาทำงานกับนายจ้างในประเทศตาม MoU ปัจจุบันมีการยื่นแบบคำร้องขอนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ (Demand) ตามระบบ MOU จำนวน 6,282 คำร้อง รวมทั้งสิ้น 248,613 คน แยกเป็น สัญชาติกัมพูชา 54,915 คน ลาว 19,909 คน และเมียนมา 173,789 คน ซึ่งแรงงานข้ามชาติทั้ง 3 สัญชาติ มีการทยอยเข้ามาทำงานแล้วอย่างต่อเนื่อง "ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานขอความร่วมมือนายจ้าง/สถานประกอบการให้ความสำคัญกับการใช้แรงงานถูกกฎหมาย โดยกระทรวงแรงงานมีหน้าที่ตรวจสอบ ปราบปรามจับกุมและดำเนินคดีแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย อัตราโทษของนายจ้าง ที่รับแรงงานต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 - 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 - 200,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี อัตราโทษของคนต่างด้าว ที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท ถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทาง และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี" นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย.


ข่าวประวิตร วงษ์สุวรรณ+รองนายกรัฐมนตรีวันนี้

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จัดงาน "ความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จัดกิจกรรมเนื่องในวันน้ำโลก ประจำปี 2566 เพิ่มอัตราเร่งของการเปลี่ยนแปลง ด้วยความร่วมมือบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วน สอดรับนโยบายขององค์การสหประชาชาติ ที่กำหนดประเด็นสำคัญด้านน้ำ ประจำปี 2566 "Accelerating Change" หรือ "เร่งการเปลี่ยนแปลง" และรณรงค์ให้ประเทศสมาชิก "Be the change you want to see in the world" หรือ "ร่วมกันเปลี่ยนแปลง สิ่งที่คุณอยากเห็นในโลกใบนี้" เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหัวโต๊ะ ประช... รองฯ ประวิตร นั่งหัวโต๊ะ ติดตามผลพร้อมสร้างทีมพัฒนาแรงงาน ตั้งเป้าปี 2566 กว่า 8 แสนคน — พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหัวโต๊ะ ประชุมคณะกรรมการ กพร.ปช. ครั...

วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 นายกสภามหาวิทย... นายกสภา พร้อมด้วย อธิการบดี ม.พะเยา เข้าร่วมงานพิธีสวดพระอภิธรรม นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร — วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 นายกสภามหาวิทยาลัยพะเยา ศาสตราจารย์...

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแร... ก.แรงงาน ลุยโรดโชว์ พบนายจ้าง สถานประกอบการสมุทรปราการจ้างแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย — นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้ก...

บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำก... PLANET ร่วมโชว์เทคโนโลยี พัฒนาเมืองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ — บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแ...

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (กลาง) รองนายกรัฐ... LEO จับมือ LogiCam ขยายธุรกิจการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร ไทย-กัมพูชา — พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (กลาง) รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ (ซ้าย) ป...