รายงานประจำปีหัวข้อ IT Security Economics ฉบับล่าสุดจากแคสเปอร์สกี้ เปิดเผยว่าจากการที่โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีมีความซับซ้อนขึ้นทุกวัน องค์กรต่างๆ จึงจำเป็นต้องยกระดับทักษะความชำนาญงานของผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยเช่นกัน ผนวกกับปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ที่ได้เข้ามาอีกปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ธุรกิจไม่ว่าจะขนาดใดก็ตาม จำเป็นต้องเพิ่มการลงทุนด้านระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของตนเองให้แน่นหนายิ่งขึ้นด้วย
ผลสำรวจจาก PWC ระบุว่า อัตราการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลที่สูงขึ้น ทำให้ธุรกิจต่างๆ หันมาให้ความสนใจต่อการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น อีกทั้งแนวโน้มของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาก็ยังเป็นผลให้เกิดความต้องการในการปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยด้านไอทีมากขึ้น ในการสำรวจว่าธุรกิจต่างๆ ใช้งบประมาณลงทุนมากเท่าใดในด้านการรักษาความปลอดภัยทางไอทีและมีแผนลงทุนในอนาคตอย่างไร แคสเปอร์สกี้ได้ทำการสำรวจโดยใช้การสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจที่มีจำนวนพนักงานเกิน 50 คนมากกว่า 3,230 ราย ใน 26 ประเทศ โดยผู้ให้สัมภาษณ์กว่า 834 รายมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ผลสำรวจระบุว่ามีการตั้งงบประมาณการลงทุนด้านไอทีสำหรับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้สูงขึ้นในอีกสามปีข้างหน้าสำหรับ SMB และองค์กรขนาดใหญ่ครอบคลุมในประเด็นต่าง ๆ ค่าเฉลี่ยของงบลงุทนระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2665 จึงอยู่ที่ 3.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หรือเอ็นเทอร์ไพรซ์ จะมีงบประมาณสำหรับด้านไอทีโดยทั่วไปออยู่ที่ 12.5 ล้านดอลลาร์ และ SMB จะลงทุนอยู่ที่ 1.5 แสนดอลลาร์ จากค่าเฉลี่ยของงบประมาณด้านไอทีจำนวน 3.75 แสนดอลลาร์
นอกจากนี้ SMB และเอ็นเทอร์ไพรซ์ในเอเชียแปซิฟิก ยังมีแผนที่จะเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันภัยคุกคามบนช่องทางออนไลน์อีกร้อยละ 3 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกถึงร้อยละ 14
ผู้ตอบคำถามจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ระบุว่าหนึ่งในสาเหตุของการเพิ่มงบประมาณลงทุนด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ คือ ความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานทางไอที (คิดเป็นร้อยละ 61 นับรวมทั้ง SMB และเอ็นเทอร์ไพรซ์) และความต้องการในการยกระดับความรู้ความชำนาญของผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัย (คิดเป็นร้อยละ 56 นับรวมทั้ง 2 กลุ่ม) ขณะที่แนวโน้มความเสี่ยงใหม่ซึ่งเกิดขึ้นจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์หรือความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจถูกเน้นย้ำให้เป็นเหตุผลในการเพิ่มงบลงทุน (คิดเป็นร้อยละ 45 สำหรับ SMB และ ร้อยละ 50 สำหรับเอ็นเทอร์ไพรซ์)
นายคริส คอนเนล กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า "EY CEO Outlook Pulse เผยให้เห็นว่า ปัญหาธุรกิจหยุดชะงักในช่วงโรคระบาด ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ยังตามหลอกหลอนบรรดาองค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปีที่ผ่านมา สิ่งที่ตามมาหลังจากปัญหาในข้างต้น คือปัญหาด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ เข่น การโจรกรรมข้อมูลและแรนซัมแวร์ซึ่งทำให้หลายธุรกิจใหญ่ในภูมิภาคไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นจนเกิดการหยุดชะงักภายในช่วงปี 2565 ดังนั้นการเพิ่มงบลงทุนในด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์คือการก้าวเดินอย่างถูกต้องการสร้างเกราะป้องกันให้กับธุรกิจต่อการเผชิญภัยคุกคามทางไซเบอร์ อันรวมถึงการปกป้องสินทรัพย์จากภัยคุกคาม black swans ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2566"
การเพิ่มงบลงทุนในด้านนี้ถือเป็นความคาดหวังในการที่จะช่วยผู้ประกอบการท้องถิ่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้สามารถบ่งชี้ถึงข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยด้านไอทีได้ ในปีนี้ พบว่าร้อยละ 59 ของธุรกิจได้หันมามองเห็นความสำคัญของการปกป้องข้อมูลองค์กรเป็นประเด็นที่ท้าทายที่สุด รองลงมา คือ ค่าใช้จ่ายในการปกป้องระบบเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น คิดเป็นร้อยละ 51 และปิดท้ายด้วยการนำโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์เข้ามาประยุกต์ใช้คิดเป็นร้อยละ 44
นายอิวาน วาสซูนอฟ รองประธาน ฝ่ายผลิตภัณฑ์องค์กร แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า "ความต่อเนื่องในการดำเนินการของธุรกิจขึ้นอยู่กับความมั่นคงทางข้อมูล ปัจจุบันนี้ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน และการโจมตีทางไซเบอร์ต่างมีความซับซ้อน ธุรกิจต่างๆ จะต้องตื่นตัวและการทำความเข้าใจถึงความจำเป็นในการปกป้องสินทรัพย์ขององค์กรมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การกำกับดูแลจากภาครัฐเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการขยายงบลงทุนด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากองค์กรเหล่านี้ได้กำหนดให้ธุรกิจต่างๆ ดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการที่ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ดี บางครั้งหน่วยงานกำกับดูแลก็มีการออกข้อบังคับ มาตรการ ที่เข้มงวดต่อระบบช่องทางการตลาดแนวตั้งหรือทั้งอุตสาหกรรม"
เพื่อให้การลงทุนด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีและการโจรกรรมข้อมูลทางธุรกิจ การใช้โซลูชั่นระบบป้องกันปลายทางที่มีประสิทธิภาพซึ่งมาพร้อมกับความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามจึงเป็นเรื่องจำเป็น โซลูชั่นในการปกป้องอุปกรณ์ปลายทางที่ต้องมีได้แก่ Kaspersky Optimum Security framework ส่วนองค์กรที่ต้องการใช้งานฟังก์ชั่นระบบรักษาความปลอดภัยทางไอทีขนาดใหญ่ Kaspersky Expert Security framwork จะมอบการป้องกันด้วยฟังก์ชั่น anti-APT พร้อมทั้งข้อมูลล่าสุดจาก threat intelligence และ professional training ให้อีกด้วย
สำหรับ SMB และองค์กรธุรกิจขนาดกลางนั้น แคสเปอร์สกี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังได้เปิดตัวโปรโมชั่นซื้อ 1 ฟรี 1 สำหรับธุรกิจ SMB และองค์กรขนาดกลาง องค์กรธุรกิจสามารถใช้งานการป้องกันอุปกรณ์เอ็นด์พอยต์ระดับองค์กรเป็นเวลาสองปีในราคาหนึ่งปี ด้วย Kaspersky Endpoint Security for Business หรือ Cloud หรือ Kaspersky Endpoint Detection and Response Optimum พร้อมการสนับสนุนทางโทรศัพท์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ [email protected]
ศึกษาข้อมูลรายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติมในด้านต้นทุนระบบรักษาความปลอดภัยทางไอทีและงบประมาณลงทุนในธุรกิจ ประจำปี 2565 ได้โดยการเข้าชม Kaspersky IT Security Calculator ที่ให้บริการแบบอินเทอร์แอคทีฟ รายงาน IT Security Economics 2022 เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วที่นี่ https://calculator.kaspersky.com/report
ฟอร์ติเน็ต เผยผลสำรวจ ภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในประเทศไทยพุ่ง 3 เท่าตัว ช่วยให้ก่ออาชญากรรมแนบเนียนขึ้น เร็วขึ้น
พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ คาดการณ์ความปลอดภัยไซเบอร์: ทิศทางในปี 2568 และอนาคตข้างหน้า
ซินเน็คฯ จับมือแอกซิส คอมมิวนิเคชั่นส์ ขยายตลาดเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะในประเทศไทย
AMD เปิดตัวโปรเซสเซอร์ AMD EPYC Embedded 2005 Series มอบประสิทธิภาพประหยัดพลังงานในดีไซน์กะทัดรัด ตอบโจทย์ระบบเครือข่าย สตอเรจ และอุตสาหกรรมที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่และพลังงาน
ฟอร์ติเน็ต ส่งโซลูชัน Secure AI Data Center ปกป้องโมเดล ข้อมูล และโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อย่างครบวงจร
IROYAL ผู้นำด้านวิศวกรรม พลังงาน และเทคโนโลยีอัจฉริยะ ขยาย New S-curve รุกธุรกิจโซลูชั่น UAV และความปลอดภัยทางอากาศ
พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ เปิดตัวนวัตกรรมปกป้อง AI Agent ด้วย Prisma AIRS 2.0
SYMPHONY จับมือ Telehouse เสริมความแข็งแกร่งด้านคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานไทย สู่การเชื่อมต่อระดับโลก
พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ เปิดตัว Cortex AgentiX แพลตฟอร์มใหม่เพื่อสร้าง จัดการ และกำกับดูแล "Agentic Workforce" แห่งอนาคต