Secutech Thailand 2025 ปักหมุดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่จัดงานใหม่ ประกาศความร่วมมือกับ NCC ผสานจุดแข็งระดับสากลและท้องถิ่น ขับเคลื่อนโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมความปลอดภัยและเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ
การขับเคลื่อนสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของประเทศไทย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากนโยบายการพัฒนาและการยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน กำลังสร้างความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในด้านระบบรักษาความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัยและโซลูชัน IoT และเนื่องด้วยกระแสการพัฒนานี้ งาน Secutech Thailand 2025 จึงกลับอีกครั้ง โดยกำหนดจัดระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2568 ณ สถานที่จัดงานใหม่ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมจับมือ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด พันธมิตรใหม่ ในฐานะผู้ร่วมจัดงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการบูรณาการระหว่างอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านการจัดร่วมกับงาน Fire and Safety Thailand รวมถึงงาน Thailand Smart City Expo และ EdTeX ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน
มร. เรจินา ไช่ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต (ฮ่องกง) จำกัด สาขาไต้หวัน กล่าวว่า "การย้ายสถานที่จัดงานมายังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมงานได้เป็นอย่างมาก และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมงานของทั้ง 3 งาน ได้แก่งาน Secutech Thailand งาน Thailand Smart City Expo และงาน EdTeX ได้พบกับเทคโนโลยีอัฉริยะขั้นสูงของแต่ละอุตสาหกรรมที่ตรงตามความต้องการ ในขณะเดียวกัน ความเชี่ยวชาญของ NCC ในการจัดงานขนาดใหญ่ด้านเทคโนโลยีและสมาร์ทซิตี้ จะผสานกับเครือข่ายระดับโลกของ Messe Frankfurt ได้อย่างลงตัว ซึ่งจะตอบโจทย์ความต้องการนวัตกรรม และนำเสนอใหม่ ๆ ให้กับนักอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
"ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างการเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม แต่ยังเติมเต็มความครบวงจรให้กับระบบนิเวศของสมาร์ทซิตี้ให้ครบครันยิ่งขึ้น ซึ่งครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมและร้านค้าปลีกอัจฉริยะ บ้านอัจฉริยะ และสุขภาพและการแพทย์อัจฉริยะ ซึ่งโซลูชันด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี IoT ล้วนมีบทบาทสำคัญ"
ทั้งนี้ การจัดควบคู่กับงาน Thailand Smart City Expo งานแสดงเทคโนโลยีสำหรับเมืองอัฉริยะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จะส่งเสริมให้งาน Secutech Thailand เป็นเวทีสำหรับผู้พัฒนานวัตกรรมในฐานะผู้แสดงสินค้าได้เข้าถึงกลุ่มผู้ชมงานเป้าหมายที่กว้างขึ้น ซึ่งประกอบด้วยผู้ซื้อและผู้มีอำนาจตัดสินใจจากทั้งภาครัฐ หน่วยงานระดับเทศบาล และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจากทั่วภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ผู้เข้าชมงาน Secutech Thailand จะมีโอกาสเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ได้แก่ กลุ่มนวัตกรรมการสื่อสาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มบ้านอัจฉริยะ กลุ่มอุตสาหกรรมและร้านค้าปลีก กลุ่มเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะและ EV กลุ่มเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงกลุ่มนวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์
นอกจากนี้ การจัดควบคู่กับงาน EdTeX งานแสดงนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการศึกษาและ AI ยังช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของเมืองอัจฉริยะแบบรอบด้าน ดังนั้น การจัดงานทั้งสามงานพร้อมกันเช่นนี้จะเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และการบูรณาการเทคโนโลยีอย่างสมบูรณ์แบบเศรษฐกิจดิจิทัล กุญแจสำคัญสู่การเชื่อมโยงอุตสาหกรรม
ปัจจุบัน ประเทศไทยได้กำหนดให้ 36 เมืองใน 25 จังหวัดเป็นเมืองอัจฉริยะ และตั้งเป้าขยายเป็น 105 เมืองภายในปี 2570 ภายใต้นโยบาย "Thailand 4.0" และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งรัฐบาลไทยเตรียมลงทุนกว่า 26.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานสะอาด และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
การลงทุนระดับมหาศาลนี้จะสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาลให้กับผู้ประกอบการ และงาน Secutech Thailand จะเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างภาคส่วนต่าง ๆงาน Secutech Thailand ในปีนี้จะจัดในพื้นที่กว่า 11,600 ตารางเมตร โดยเน้นนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุด อาทิ กล้องวงจรปิด AI เทคโนโลยีการระบุตัวตนแบบไบโอเมตริก เซ็นเซอร์อัจฉริยะ ระบบเตือนภัยต่าง ๆ และระบบควบคุมการเข้าออกพื้นที่ พร้อมโซนแสดงเทคโนโลยีเฉพาะทาง ได้แก่ Safety & Rescue Zone, Biometric and Access Control Solution Zone, Platform & Software Zone และ Smart Fire Solution Zone เสริมด้วยโปรแกรมสัมมนา การสาธิต และเวิร์กชอปจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ งาน Fire & Safety Thailand ที่จัดร่วมกัน จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ธุรกิจ และเชื่อมโยงความร่วมมือทางด้านการรักษาความปลอดภัยและการป้องกันอัคคีภัยโดยเฉพาะ
บริษัท ออร์บิกซ์ คัสโทเดียน จำกัด (Orbix CUSTODIAN) ยกระดับความปลอดภัยด้านการบริหารจัดการกุญแจเข้ารหัสในการให้บริการ เลือกใช้เทคโนโลยี Hardware Security Module (HSM) จากไอบีเอ็ม (NYSE: IBM) ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน FIPS 140-2 ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของมาตรฐานอุปกรณ์ในการรักษาความปลอดภัยของกุญแจเข้ารหัสตามมาตรฐาน FIPS 140-2 เสริมแกร่งออร์บิกซ์ คัสโทเดียน ให้พร้อมรองรับการดำเนินงานของลูกค้าในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ นายเค็น เสวนสัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ คัสโทเดียน
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สร้างอีโคซิสเต็มความปลอดภัยครอบคลุมทุกองค์กร บนมาตรฐานความเชื่อมั่นเป็นหนึ่งเดียว
—
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยมุมมองการสร้างระบบนิเวศด้าน...
ฟอร์ติเน็ต ประกาศลงทุนเชิงกลยุทธ์ระยะยาว หนุนพาร์ทเนอร์ชิพ ชู Agentic AI 2.0 ในงาน Fortinet Accelerate Asia 2025
—
ฟอร์ติเน็ต ผู้นำระดับโลกด้านไซเบอร์ซีเค...
เอสไอเอส ต้อนรับผู้บริหาร HIKVISION สานต่อความร่วมมือแน่นแฟ้น เสริมศักยภาพตลาด Surveillance ไทย
—
บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ...
ฟอร์ติเน็ต เผยผลสำรวจ ภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในประเทศไทยพุ่ง 3 เท่าตัว ช่วยให้ก่ออาชญากรรมแนบเนียนขึ้น เร็วขึ้น
—
การโจมตีด้วย AI พลิกโฉมความปลอดภั...
เดลล์ เทคโนโลยีส์ ปฏิรูปการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์ ด้วยนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานแบบแยกส่วน ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์
—
เดลล์ เทคโนโลยีส์ ช่วยลูกค้าออกแบบด...
แคสเปอร์สกี้เผย โจรไซเบอร์ยังใช้วิธี bruteforce เจาะธุรกิจอาเซียน พบการโจมตีมากกว่า 53 ล้านรายการ
—
การค้นพบล่าสุดของแคสเปอร์สกี้ บริษัทด้านการรักษาความปล...