ธนาคารกสิกรไทยได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระดับ AA-(tha); แนวโน้มมีเสถียรภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--ฟิทซ์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ฟิทช์ - กรุงเทพ/ลอนดอน: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National ratings) ระยะยาวและระยะสั้นแก่หนี้ของธนาคารกสิกรไทยที่ระดับ AA-(tha) และ ระดับ F1(tha) ตามลำดับ การจัดอันดับภายในประเทศครั้งนี้เกิดหลังจากที่ฟิทช์สำนักงานใหญ่ที่ลอนดอนได้ยืนยันอันดับเครดิตแบบสากล (International ratings) สำหรับสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทยไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้รับการจัดอันดับเครดิตสำหรับสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและระยะสั้นที่ระดับ BB+ และ B ตามลำดับ รวมถึงอันดับสนับสนุน (Support rating) ที่ระดับ 2 และอันดับความเข้มแข็งทางการเงินของธนาคาร (Individual or financial strength) ที่ระดับ D ระดับที่ได้รับจากการจัดอันดับในครั้งนี้มีส่วนมาจากการสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจากธนาคารกสิกรไทยมีส่วนแบ่งของฐานเงินฝากสำหรับลูกค้ารายย่อยในระดับที่สูง มีสัมพันธ์ที่ดีและแข็งแกร่งกับสถาบันที่เกี่ยวข้องกับรัฐฯต่างๆ รวมถึงมีความสำคัญต่อระบบการเงินและภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ การจัดอันดับครั้งนี้ยังได้พิจารณาถึงความเป็นผู้นำของธนาคาร ประกอบกับนโยบายที่เข้มงวดในการกันสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ การเพิ่มทุน การปรับโครงสร้างหนี้ และการขายสินทรัพย์ จะส่งผลให้ธนาคารสามารถฟื้นฟูสถานะทางการเงินได้ในระยะกลาง ผลประกอบการของธนาคารในปี 2543 ที่ผ่านมานั้นได้แสดงถึงการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องจากการลดลงของการกันสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และการลดลงของต้นทุนดอกเบี้ยเป็นหลัก ธนาคารแสดงผลประกอบการกำไรเป็นจำนวน 1.26 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับผลขาดทุน 5.6 หมื่นล้านบาทในช่วงปีก่อน การพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นนั้นได้ชะลอตัวลงในช่วงปี 2544 และธนาคารน่าจะแสดงผลกำไรเพียงเล็กน้อยในช่วงปีนี้ สาเหตุของกำไรที่ลดลงนั้นเนื่องมาจากการกันสำรองเพื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ ประกอบกับระบบเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ธนาคารขยายสินเชื่อได้ยากและการย้อนกลับของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว รวมกับการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รายใหม่ และความกดดันที่เกิดจากส่วนต่างของดอกเบี้ยที่น้อยลง สิ่งเหล่านี้จะยังทำให้ผลประกอบการของธนาคารคงอ่อนแออยู่ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามธนาคารกสิกรไทยได้พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะทำการปฎิรูปองค์กร เพื่อให้ธนาคารกลับมามีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นในระยะกลาง โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นได้เกิดขึ้นกับทั้ง สาขา ผู้บริหารทั้งระดับกลางและระดับสูง รวมถึงการปรับกลุ่มลูกค้าและสินค้าของธนาคารให้กระจายสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อย และลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลาง ให้มากขึ้น ทั้งนี้ยังรวมถึงการขยายบริการไปยังสาขาการบริหารจัดการกองทุนอีกด้วย นอกจากนี้แล้วธนาคารยังได้ทำการปรับปรุงการบริหารจัดการความเสี่ยงและยังคงยืนหยัดในความเป็นบรรษัทพิบาลที่ดีต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทยสามารถลดจำนวนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (งบการเงินรวม) จาก 32% ในปี 2542 มาเป็น 26% ในปี 2543 เราคาดหวังว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะลดลงต่อเนื่องในปีนี้ไปอยู่ในระดับ 20% ในปลายปี 2544 เนื่องจากการโอนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้บางส่วนไปยังบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยของรัฐบาลและการปรับโครงสร้างหนี้ต่อเนื่อง ระดับเงินสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารนั้นอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท ณ ปลายปี 2543 และลดลงเป็น 5.9 หมื่นล้านบาท ณ ปลายเดือน มิถุนายน ของปี 2544 หลังจากการตัดหนี้สูญที่ได้ทำเพิ่มในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2544 ระดับเงินสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นั้นอยู่ที่ประมาณ 45% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ระดับเงินสำรองเพื่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารกสิกรไทยนั้นจัดอยู่ในกลุ่มที่สูงที่สุดในระหว่างธนาคารของไทย แม้ว่าจะยังคงไม่แน่นอนว่าระดับที่อยู่นี้จะเพียงพอ ฟิทช์เชื่อว่าการที่ธนาคารมีระดับการกันสำรองที่สูงจะทำให้ธนาคารสามารถแสดงผลการดำเนินงานที่มั่นคงกว่าธนาคารอื่นเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อความต้องการการกันสำรองเพิ่มน้อยกว่า ณ ปลายเดือน มิถุนายน 2544 ธนาคารมีระดับเงินกองทุนขั้นที่หนึ่งอยู่ที่ 7% และระดับเงินกองทุนรวมอยู่ที่ 12% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อปลายปี 2543 ซึ่งอยู่ในระดับที่เพียงพอ เนื่องจากระดับของเงินสำรองที่ค่อนข้างสูงของธนาคารเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารอื่นๆ แนวโน้มในระยะกลางของธนาคารกสิกรไทยนั้นดีกว่าธนาคารโดยทั่วไป ด้วยความสามารถของผู้บริหารที่มีเข้มแข็งและความมั่นคงที่จะปรับปรุงธนาคารให้สามารถกลับมาทำกำไร และดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ติดต่อ: ดุษฎี ศรีชีวะชาติ; วินเซนต์ มิลตัน, กรุงเทพฯ +662 655 4762/4759 เดวิด มาแชล, ฮ่องกง +852 2973 6293 หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า 'AAA' ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย การเปิดเผยข้อมูล: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม กสิกรไทย จำกัด ซึ่งถือหุ้น 68.5% โดยธนาคารกสิกรไทย ถือหุ้นจำนวน 10% ของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีผู้ถือหุ้นใดนอกเหนือจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัดแห่งประเทศอังกฤษที่มีส่วนในการดำเนินงานและการจัดอันดับเครดิตที่จัดโดยบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด--จบ-- -อน-

ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ฟิทซ์ เรทติ้งส์วันนี้

SME D Bank สถานะสุดแกร่ง 'ฟิทช์ เรทติ้งส์' ประกาศคงอันดับเครดิตสูงสุดในประเทศ ระดับ AAA(tha) ตอกย้ำบทบาทสำคัญ สนับสนุนเอสเอ็มอีไทยเติบโตยั่งยืน

"ฟิทช์ เรทติ้งส์" (ประเทศไทย) คงอันดับเครดิตระยะยาว ประจำปี 2568 ให้ SME D Bank ระดับ "AAA(tha)" และอันดับเครดิตระยะสั้น "F1+(tha)" สูงสุดภายในประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่13 สะท้อนสถานะมั่นคง มีเสถียรภาพ และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย เข้าถึงบริการ "พัฒนาคู่เติมทุน" สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ฟิทช์ให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิสกุลเงินบาท แก่ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ที่ 'A-(tha)'

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวแก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่กำลังจะออกเสนอขายของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ('A-(tha)'/ แนว...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยที่ 'BBB+' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating หรือ IDR) ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) ที่ 'BBB+' ...

ฟิทช์จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิชนิดไม่มีกำหนดชำระคืนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งเสนอออกโดยบริษัท จีซี ศูนย์บริหารเงิน จำกัด ที่ 'BB'

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศอันดับเครดิตที่ 'BB' ให้แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิชนิดไม่มีกำหนดชำระคืนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งเสนอออก...

ฟิทช์คงอันดับเครดิต บริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด ที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด หรือ ICBCTL ที่ 'AAA(tha)' พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้คงอันดับเครดิตระยะสั้น ที่ 'F1+(tha)' โดยมีแนว...

ฟิทช์คงอันดับเครดิตหุ้นกู้ของ DAD SPV ที่ 'AAAsf(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัท ดีเอดี เอสพีวี จำกัด (DAD SPV) ที่ 'AAAsf(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ โครงการนี้เป็นโครงการแปลงสินทรัพย์...

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ และ บมจ. เอสซีบี เอกซ์ ที่ 'BBB' และ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) ของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)...

ฟิทช์ประกาศจัดอันดับหุ้นกู้เงินบาทของ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ ที่ 'B+; แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศจัดอันดับเครดิตสุดท้าย (Final Rating) ของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ ครบกำหนดในปี 2573 ของ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (ซึ่งมีอันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ 'B+', แนว...