ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิต บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ เป็นลบ คงอันดับเครดิตที่ BBB-/AA(tha)

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ThaiBev เป็นลบจากมีเสถียรภาพ คงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (International Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของ ThaiBev ที่ 'BBB-' และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ที่ 'AA(tha)' ในขณะเดียวกัน ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทฯ ที่ 'AA(tha)'

แนวโน้มเครดิตเป็นลบสะท้อนถึงความเสี่ยงจากระดับหนี้ที่สูงในช่วง 12 - 18 เดือนข้างหน้า อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA net leverage) ของ ThaiBev เพิ่มขึ้นเป็น 4.1 เท่า ในปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 (ปีงบการเงิน 2568) จาก 3.8 เท่า ณ สิ้นปีงบการเงิน 2567 และฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 3.5 เท่าในปีงบการเงิน 2569 ซึ่งสูงกว่าระดับที่ฟิทช์อาจพิจารณาปรับลดอันดับเครดิต สาเหตุเกิดจากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลง และการประกาศเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมใน Vietnam Dairy Products Joint Stock Company (Vinamilk) การลดอัตราส่วนหนี้สินช้ากว่าที่ฟิทช์คาดในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่สูงและผลประกอบการที่ต่ำกว่าที่คาด

ฟิทช์เชื่อว่า บริษัทฯ จำเป็นต้องดำเนินนโยบายเพื่อรักษาสถานะทางการเงิน ในช่วงเวลาที่ผลการดำเนินงานยังอ่อนแอ เพื่อให้อัตราส่วนหนี้สินลดลงสู่ระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตของบริษัทฯ ฟิทช์เห็นว่า ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯสูงขึ้นในปีงบการเงิน 2568 บริษัทฯ ยังเพิ่มการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูงกว่าที่ฟิทช์คาดไว้ และมีการซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

ความเสี่ยงด้านการลดอัตราส่วนหนี้สิน: ฟิทช์คาดว่า EBITDA net leverage ของ ThaiBev จะยังอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 3.5 - 4.0 เท่า ในช่วงปีงบเงิน 2569 - 2570 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะยังคงกดดันผลประกอบการในช่วง 12 - 18 เดือนข้างหน้า อัตราส่วน EBITDA net leverage ของ ThaiBev ในปีงบการเงิน 2568 อยู่ที่ 4.1 เท่า ซึ่งสูงกว่าที่ฟิทช์คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.4 เท่า เป็นผลจากยอดขายที่ต่ำกว่าคาด ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่สูงกว่าคาด ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่สูงขึ้นจากโรงงานผลิตนมในมาเลเซีย และการเข้าซื้อกิจการขนาดเล็กในประเทศเวียดนาม

การที่บริษัทย่อยของ ThaiBev ซึ่งได้แก่ Fraser and Neave, Limited ประกาศซื้อหุ้นเพิ่มใน Vinamilk อีกร้อยละ 4.6 โดยมีมูลค่าประมาณ 7.2 พันล้านบาท จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินของ ThaiBev ปรับตัวลดลงในอัตราที่ช้า และยังคงอยู่ในระดับสูงในปีงบการเงิน 2569

รายได้ที่เติบโตช้า: ฟิทช์คาดว่ารายได้ของ ThaiBev จะเติบโตในระดับต่ำ ในช่วงปีงบการเงิน 2569 - 2570 โดยยอดขายในปีงบการเงิน 2568 ลดลงร้อยละ 2 ซึ่งต่ำกว่าที่ฟิทช์เคยคาดการณ์ว่าจะเติบโตร้อยละ 2 โดยอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น่าจะยังคงเผชิญความท้าทายต่อเนื่องในช่วง 12 - 18 เดือนข้างหน้า จากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้า และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอ่อนแอและการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หดตัวทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้สุทธิหลังหักภาษีสรรพสามิต (EBITDA margin) มีแนวโน้มทรงตัวที่ร้อยละ 22 - 23 (หลังหักภาษีสรรพสามิต) (ปีงบการเงิน 2568: ร้อยละ 22.0) ฟิทช์คาดว่าต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงในธุรกิจสุราและเบียร์จะช่วยชดเชยผลกระทบจากต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้นสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้การแข่งขันที่สูง

กระแสเงินสดสุทธิเป็นบวก: ฟิทช์คาดว่า ThaiBev จะมีกระแสเงินสดสุทธิเป็นบวกประมาณ 6 - 9 พันล้านบาทต่อปี ในช่วงปีงบการเงิน 2569 - 2570 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตเล็กน้อยของกำไรและ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ลดลง ThaiBev มีแนวโน้มที่จะใช้กระแสเงินสดเพื่อลดหนี้เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การลดหนี้อาจล่าช้าเนื่องจากบริษัทฯมีกลยุทธ์ในการเข้าซื้อกิจการ กระแสเงินสดสุทธิในปีงบการเงิน 2568 ต่ำกว่าที่ฟิทช์คาดไว้เนื่องจากยอดขายที่ลดลงท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย การเร่งใช้จ่ายเงินลงทุนจากปีงบการเงิน 2569 และเงินปันผลรับจาก Vinamilk ซึ่งเป็นบริษัทร่วมที่ลดลง

ค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ลดลง: ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนและเงินลงทุนของบริษัทฯ จะลดลงในช่วง 2-3ปี ข้างหน้า สู่ระดับ 1.1 หมื่นล้านบาทในปีงบการเงิน 2569 และ 9 พันล้านบาทในปีงบการเงิน 2570 จากระดับสูงสุดราว 1.4 หมื่นล้านบาทในปีงบการเงิน 2568 โดย ค่าใช้จ่ายในการลงทุนในปีงบการเงิน 2569 จะใช้เพื่อโครงการลงทุนสำคัญ 2 โครงการในประเทศกัมพูชาและมาเลเซียให้แล้วเสร็จ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนตั้งแต่ปีงบการเงิน 2570 เป็นต้นไปจะถูกใช้สำหรับการซ่อมบำรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเป็นหลัก

ผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำในภูมิภาค: สถานะทางธุรกิจของ ThaiBev ได้รับการสนับสนุนจากการเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มในภูมิภาค รวมถึงสถานะผู้นำในตลาดสุราในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณการจำหน่ายสุรา บริษัทฯ ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในระดับร้อยละ 35 - 40 ของปริมาณการจำหน่ายเบียร์ในประเทศไทยและเวียดนาม การขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศเวียดนามและเมียนมา ช่วยให้ ThaiBev มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยให้มีการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ที่ดีขึ้น โดยสัดส่วนรายได้จากประเทศไทยลดลงเหลือประมาณร้อยละ 65 จากเดิมที่สูงกว่าร้อยละ 90 ในปีงบการเงิน 2560

การรวมงบการเงินตามสัดส่วนของ Sabeco: ฟิทช์ได้รวมงบการเงินของ Saigon Beer-Alcohol-Beverage Corporation (Sabeco) ตามสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อสะท้อนสัดส่วนการถือหุ้นของ ThaiBev ที่ร้อยละ 53.6 แม้ว่า ThaiBev จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ฟิทช์เห็นว่าการใช้วิธีดังกล่าวสอดคล้องกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจของการเข้าถึงกระแสเงินสดของกลุ่ม เนื่องจากมีส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในระดับสูง

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

Bacardi Limited (BBB-/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) มีการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์มากกว่า ThaiBev เนื่องจากผลิตภัณฑ์จำหน่ายในมากกว่า 160 ตลาดทั่วโลก แม้มีขนาดการดำเนินงานเล็กกว่า ทั้งสองบริษัทมีสถานะทางการเงินคล้ายกัน เนื่องจากอยู่ในช่วงลดอัตราส่วนหนี้สินหลังการเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ในปี 2560-2561 ส่งผลให้อันดับเครดิตอยู่ในระดับเดียวกัน

ThaiBev มีสถานะทางธุรกิจแข็งแกร่งกว่าผู้ผลิตเบียร์จากตุรกี Anadolu Efes Biracilik ve Malt Sanayii A.S. (Efes, BB/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) โดยมีขนาดการดำเนินงานใหญ่กว่าและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากกว่า Efes กำลังเผชิญความท้าทายในประเทศตุรกี รัสเซีย และยูเครน อันดับเครดิตของ Efes สะท้อนอัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้น จากการลดลงของขนาด การกระจายตัว และสถานะตลาดโดยรวมภายหลังการเลิกการรวมงบการเงินของธุรกิจในรัสเซีย ดังนั้น ThaiBev จึงมีอันดับเครดิตที่สูงกว่า Efes สะท้อนสถานะทางธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่งกว่า

Becle, S.A.B. de C.V. (BBB/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) มีสถานะธุรกิจแข็งแกร่งในฐานะผู้ผลิตเตกีลาชั้นนำของโลก แม้ ThaiBev มีขนาดใหญ่กว่า Becle ด้านสถานะทางการเงิน Becle แข็งแกร่งกว่า โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิราว 2.0 เท่า ส่งผลให้อันดับเครดิตของ Becle สูงกว่า ThaiBev

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ ThaiBev อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของบริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) หรือ ปตท. ซึ่งมีอันดับเครดิตที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ThaiBev มีสถานะทางธุรกิจที่ใกล้เคียง ปตท. โดย ปตท. มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่า และมีการกระจายตัวของธุรกิจมากกว่า ซึ่งช่วยลดทอนความผันผวนที่เกิดจากธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ปตท. มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่า โดยมีอัตราส่วน EBITDA Net Leverage อยู่ที่ระดับประมาณ 2.0 เท่า

สมมติฐานที่สำคัญ
สมมติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

  • รายได้สุทธิ (หลังหักภาษีสรรพสามิต) จากธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใต้แบรนด์ของ ThaiBev ในประเทศไทยเติบโตในระดับต่ำ ในปีงบการเงิน 2569 - 2570 จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอและการปรับขึ้นราคาที่จำกัดท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถาวะเศรษฐกิจ
  • รายได้สุทธิ (หลังหักภาษีสรรพสามิต) ของ Grand Royal Group (GRG) บริษัทย่อยในประเทศเมียนมา เติบโตในอัตราร้อยละ 6 - 7 ต่อปี ในปีงบการเงิน 2569 - 2570 จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและสถานะผู้นำตลาด
  • รายได้สุทธิ (หลังหักภาษีสรรพสามิต) ของ Sabeco ค่อยๆฟื้นตัวในปีงบการเงิน 2569 จากการฟื้นตัวของความต้องการในเวียดนามหลังจากรายได้ลดลงในช่วงสามปีที่ผ่านมา
  • รายได้สุทธิ (หลังหักภาษีสรรพสามิต) ของเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เติบโตในระดับปานกลางที่ร้อยละ 3 - 5 ในปีงบการเงิน 2569 - 2570 โดยได้รับแรงหนุนจากการสร้างโรงงานใหม่ในประเทศมาเลเซียและกัมพูชา
  • รายได้ของธุรกิจอาหารฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปร้อยละ 2 - 3 ในปีงบการเงิน 2569 - 2570
  • EBITDA margin (โดยเป็นสัดส่วนต่อรายได้สุทธิหลังหักภาษีสรรพสามิต) อยู่ในระดับประมาณร้อยละ 22 - 23 ในปีงบการเงิน 2569-2570 (ในปีงบการเงิน 2568 อยู่ที่ร้อยละ 22.0) เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงจะช่วยชดเชยด้วยแรงกดดันจากเงินเฟ้อและต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน 9 พันล้านบาท - 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปี ในปีงบการเงิน 2569 - 2570
  • อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout) อยู่ที่ร้อยละ 50 -55 ในปีงบการเงิน 2569 - 2570

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยลบ:

  • EBITDA net leverage อยู่ในระดับสูงกว่า 3.7 เท่า ในปีงบการเงิน 2569 และ 3.5 เท่าในปีงบการเงิน 2570
  • สถานะทางการตลาด ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน หรืออำนาจในการต่อรองราคาที่อ่อนแอลง ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง
    ปัจจัยบวก:
  • แนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับกลับมามีเสถียรภาพได้ หาก ThaiBev สามารถลด EBITDA net leverage ลงในระดับต่ำกว่า 3.5 เท่า ภายในปีงบการเงิน 2570

สภาพคล่อง

ThaiBev มีหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือน จากสิ้นปีงบการเงิน 2568 จำนวน 4.4 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและตั๋วแลกเงินประมาณ 7.7 พันล้านบาทซึ่งมีแนวโน้มที่จะต่ออายุ ส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้ธนาคาร 2.3 หมื่นล้านบาท และและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากเงินสดคงเหลือ 3.7 หมื่นล้านบาท (ซึ่งไม่รวมเงินสดที่มีภาระผูกพันตามคำจำกัดความของฟิทช์) และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากสถาบันการเงินประเภทไม่สามารถยกเลิกได้ (committed revolving facilities ) ที่ยังไม่ได้เบิกถอนประมาณ 5.3 พันล้านบาท สภาพคล่องของบริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนจาก ความสามารถเข้าถึงตลาดทุนและเงินกู้ยืม จากสถานะทางเครดิตและการกระแสเงินสดสุทธิที่แข็งแกร่งของ ThaiBev

ข้อมูลบริษัท

ThaiBev เป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สรุปรายการปรับปรุงงบการเงินที่สำคัญ

การรวมงบการเงินตามสัดส่วนการถือหุ้นใน Sabeco

ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG)

เว้นแต่ที่ได้เปิดเผยเพิ่มเติมในส่วนนี้ ระดับคะแนนสูงสุดของ ESG Relevance Score อยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายถึงประเด็นเกี่ยวกับ ESG ไม่มีผลต่อสถานะทางเครดิตหรือมีผลกระทบที่เล็กน้อยมากต่อบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับ อันเนื่องมาจากลักษณะทางธุรกิจหรือวิธีการจัดการของบริษัท


ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ฟิทช์ เรทติ้งวันนี้

ฟิทช์ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิต บมจ. เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ เป็น 'CCC+(tha)' และเพิกถอนอันดับเครดิต

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ FNS เป็น 'CCC+(tha)' จาก 'CCC-(tha)' และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ 'C(tha)' พร้อมกันนี้ ฟิทช์ได้ประกาศยกเลิกอันดับเครดิตทั้งหมดของ FNS การปรับเพิ่มอันดับเครดิต สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านการรีไฟแนนซ์ที่ลดลงของ FNS หลังจากบริษัทฯ สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในเดือนตุลาคม 2568 ได้สำเร็จ ทั้งนี้

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ที่ 'AAA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศของ บ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ที่ 'A(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ที่ 'A(tha)' แนว...

ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ สำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศของ บริษัทเอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง และคงอันดับเครดิตที่ 'A(tha)'

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ" จากเดิม "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ" และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ...

SAWAD ปลื้ม! ขายหุ้นกู้ 3,150 ล้านบาททะลุเป้า นักลงทุนสถาบัน รายใหญ่ตอบรับล้นหลาม เสริมฐานเงินทุนแข็งแกร่ง สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพและธรรมาภิบาลองค์กร

บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยชั้นนำของประเทศ ประกาศความสำเร็จในการออกและเสนอขาย...

ฟิทช์ประกาศให้อันดับเครดิตพันธบัตรสกุลเงินบาท ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยที่ 'AAA(tha)'

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศให้อันดับเครดิตแก่พันธบัตรประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยหรือ EXIM ('AAA(tha)'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ที่ 'AAA(tha)...

ฟิทช์ให้อันดับเครดิตภายในประเทศแก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันสกุลเงินบาท ของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ที่ 'A-(tha)'

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวแก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่กำลังจะออกเสนอขายของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด ...

ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ ปตท. และ ปตท.สผ. เป็นลบ; คงอันดับที่ 'BBB+'

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลระยะยาว (International Long-Term Issuer Default Rating: IDR) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เป็นลบ จากเดิมแนว...