สถิติพบ คนไทยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดกันมากขึ้น ถ้าไม่ดูแลรักษา อาจทำให้หัวใจวายเฉียบพลันได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--เบรคธูร พีอาร์ ขณะนี้ จำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจในประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งทำให้บั่นทอนคุณภาพชีวิตของคนไทยเป็นอย่างมาก โรคหัวใจชนิดหนึ่งที่คนไทยเป็นกันมากขึ้น คือ “โรคหลอดเลือดโคโรนารี่ตีบตัน หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด” ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากศูนย์หัวใจกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยในการบรรยายพิเศษเรื่อง “มิติใหม่ของการรักษาโรคหัวใจขาดเลือด” เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่น เหนื่อยง่ายเมื่อออกกำลังกาย บางครั้งเป็นลมหมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นโรคหัวใจได้ ซึ่งควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย ด้วยเครื่องมือวินิจฉัยโรคหัวใจโดยเฉพาะ เช่น เครื่องทดสอบสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย (Exercise Stress Test-EST) การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echo) เครื่องบันทึกคลื่นหัวใจที่พกติดตัวได้ (Holter Monitoring) หรือการตรวจสวนหลอดเลือด หัวใจ ฯลฯ เพื่อหาสาเหตุที่แน่นอน สาเหตุและอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เกิดจากการตีบแคบหรืออุดตันในหลอดเลือดโคโรนารี่ที่นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจขาดเลือด จึงเกิดอาการต่าง ๆ เช่น จุกแน่น เสียดแสบบริเวณทรวงอก อาจแผ่กระจายไปที่แขน ลำคอ ขากรรไกร กราม หากเป็นมากจะอ่อนเพลีย เหงื่อออก เป็นลม ใจสั่น จนถึงเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน หากเจ็บหน้าอกและหรือมีอาการร่วมอื่น ๆ ดังกล่าวข้างต้น หรือเจ็บนานเกิน 15-20 นาที ควรรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาได้ทันท่วงที โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มักเกิดจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น โรคความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง, การสูบบุหรี่, โรคเบาหวาน, โรคอ้วน, ความเครียด, การไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือหญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือวัยหลังหมดประจำเดือน และผู้มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ หลังได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ การรักษานอกจากจะให้ยารับประทานแล้ว แพทย์จะแนะนำวิธีปฏิบัติตัวและนัดให้มาตรวจเพิ่มในระยะเวลาที่เหมาะสมและให้คำแนะนำในการปฏิบัติตน เพื่อการรักษาสุขภาพและเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจ ได้แก่ งดสูบบุหรี่, งดรับประทานอาหารที่มีไขมัน, ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, ลดความเครียด, พักผ่อนให้เพียงพอ, ควบคุมน้ำหนักตัว ความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างต่อเนื่อง ในการพบแพทย์แต่ละครั้ง แพทย์อาจจะให้คำแนะนำในการเพิ่มหรือลดขนาดยาตามความเหมาะสม หากรับประทานยาแล้วไม่ดีขึ้น หรืออาการของโรคทรุดลง แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดสารทึบรังสีหลอดเลือดหัวใจ เพื่อตรวจสอบหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เช่น การขยายหลอดเลือดที่ตีบตันด้วยบัลลูนและขดลวด หากแพทย์พบข้อจำกัดในการขยายหลอดเลือดที่ตีบตันด้วยบัลลูนและขดลวด แพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาโดยการผ่าตัด เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจมากขึ้น การผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหัวใจตีบ ทำได้ 2 วิธีได้แก่ 1. ผ่าตัดโดยใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (On-Pump CABG) และ 2. ผ่าตัดโดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off-Pump CABG) ซึ่งประหยัดกว่าและเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า โรคหัวใจขาดเลือด ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาเพื่อให้มีชีวิตเช่นคนปกติได้ ถ้ายอมหยุดปัจจัยเสี่ยงและปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ--จบ-- -ศน-

ข่าวโรงพยาบาลกรุงเทพ+ผู้ป่วยโรคหัวใจวันนี้

ธ.ทิสโก้จับมือพันธมิตร ลุยให้ความรู้แผนการเงิน - สุขภาพ " มะเร็งปอด ไม่รู้ตัว ป้องกัน-รักษายังไงให้หายขาด " @นครราชสีมา

ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา และสมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) จัดงานสัมมนา "มะเร็งปอด ไม่รู้ตัว ป้องกัน-รักษายังไงให้หายขาดให้กับลูกค้าทิสโก้ ร่วมรับฟังแนวทางการดูแลตนเองให้ห่างไกลโรคมะเร็งปอดรวมทั้งวิธีการวางแผนค่าใช้จ่ายสุขภาพให้เพียงพอ ณ โรงแรมแคนทารี โคราช จังหวัดนครราชสีมาโดยมี น.ส.ลดาวัลย์ ลีลาภรณ์ ผู้อำนวยการสายธนกิจส่วนบุคคล 2 ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (ที่สามจากซ้าย) ให้การต้อนรับ ภายในงานได้รับเกียรติจากพันโทนาย

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อ... เอ็นไอเอเปิดฟอรั่มโอกาสเฮลท์เทคไทย พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก 2025 — ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ ...

ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท ... ธ.ทิสโก้ผนึกพันธมิตร จัดสัมมนา "Unlock Long Life" ชวนคิดเรื่องสุขภาพและการเงินในยุคอายุยืน — ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชี...