เร่งยกสถาบันพระบรมราชชนกให้เป็นองค์กรอิสระในกำกับ สธ.

27 Nov 2002

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--สธ.

สธ.ผลักดันให้สถาบันพระบรมราชชนก เป็นองค์กรอิสระในกำกับของกระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นสถาบันผลิตพยาบาลได้มาตรฐานการอุดมศึกษาของชาติ และพยาบาลเหล่านี้จะเป็นกำลังหลักในการสร้างสุขภาพคนในชนบทห่างไหล

นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายผลักดันให้สถาบันพระบรมราชชนก ซึ่งเป็นสถาบันที่มีความสำคัญในการผลิตบุคลากรสายวิชาชีพพยาบาลและบุคลากรระดับต่ำกว่าระดับปริญญาตรี เพื่อป้อนให้สถานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ เพื่อให้สถาบันฯ เป็นองค์กรอิสระในกำกับของกระทรวงฯ จึงได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก โดยเฉพาะการผลิตพยาบาลและบุคลากรหลักสูตรต่างๆ เพื่อให้เป็นแกนหลักด้านการแพทย์และการสาธารณสุขของชาติ ซึ่งบุคลากรเหล่านี้นอกจากจะเป็นกำลังหลักในด้านการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแล้วยังทำหน้าที่เป็นผู้จัดการหลักอีกด้วย ด้วยการวางแผนสร้างสุขภาพประชาชนในเขตชนบทหรือพื้นที่ห่างไกล ให้มีสุขภาพแข็งแรง หน้าที่ตรงนี้จัดได้ว่าเป็นหัวใจของการปฏิรูประบบสุขภาพ

ในปัจจุบันการปฏิรูประบบสุขภาพ ตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เข้าสู่ปีที่ 2 เพราะฉะนั้นควรจะมีความเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นและไปในทิศทางเดียวกันกับการปฏิรูประบบราชการด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการปรับบทบาท ภารกิจและโครงสร้างสถาบันพระบรมราชชนกให้เป็นนิติบุคคล เป็นสถาบันของการศึกษาพยาบาล และเป็นสถาบันที่ผลิตพยาบาลที่มีคุณภาพได้มาตรฐานกล่าวคือมีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์การอุดมศึกษาของชาติ

"เมื่อเป็นองค์กรนิติบุคคล จะเกิดความคล่องตัวในระบบริหารจัดการ มีระบบบริหารงานบุคคลและตำแหน่งทางวิชาการโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำหลักสูตรเน้นศักยภาพเชิงวิชาชีพ ส่งเสริมให้ท้องถิ่นและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้เกิดความเชื่อมโยง สามารถแก้ปัญหาสุขภาพของคนในท้องถิ่นนั้นๆ พร้อมกันนี้ให้สถาบันดังกล่าวสามารถประสาทปริญญาบัตรได้ด้วย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะร่วมกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผลักดันในสภาต่อไป" นางสุดารัตน์กล่าว

ด้าน น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พ.ร.บ.สถาบันพระบรมราชชนกนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ในการผลิตและพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพ เพื่อป้อนเข้าสู่ระบบบริการการสาธารณสุขของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีสถาบันการศึกษาที่อยู่ในสังกัดสถาบันฯทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 44 แห่ง โดยผลิตพยาบาลพนักงานอนามัย ทันตาภิบาล ได้ปีละ 6,000 คน และในวาระที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่นี้ จะพยายามดูแลและผลักดันให้ถึงที่สุด--จบ--

-ตม-