วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "เดอะ เมทริกซ์ รีโหลดเดด"

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--วอร์เนอร์บราเดอร์ส สงครามมนุษย์เหนือโลก ฤาคำพยากรณ์จะเป็นจริง? เป็นไรไปเพื่อพรุ่งนี้สงครามจะได้จบสิ้น? คุ้มค่ามิใช่หรือที่เราจะสู้? คุ้มค่ามิใช่หรือที่จะตาย? โทมัส "นีโอ" แอนเดอสัน (คีนู รีฟส์) ตัดสินใจครั้งใหญ่หลวง เมื่อเขาเลือกที่จะตั้งคำถามเดียวกับที่ มอร์เฟียส (ลอว์เรนส์ ฟิชเบิร์น) และทรีนิตี้ (แครี่-แอน มอส) เคยถามมาแล้วก่อนหน้าเขา ในการค้นหาและยอมรับความจริง เพื่อปลดปล่อยจิตใจของเขาจาก เมทริกซ์ ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยทางเลือก ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นองก์ที่สองของ Matrix นีโอต้องแสดงพลังที่เหนือธรรมดาของเขา อย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น เมื่อไซออนตกอยู่ในวงล้อมของการโจมตีโดยกองทัพเครื่องจักร พวกเขาเหลือเวลาเพียงอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่ยานเซ็นทิเนลจำนวน 250,000 ลำ ที่ถูกกำหนดมาให้ทำลายมนุษยชาติ จะเข้ามาถึงดินแดนส่วนน้อยแห่งนี้ แต่ประชากรแห่งไซออน ซึ่งได้รับกำลังใจจากความยึดมั่นในจิตใจของมอร์เฟียสที่ว่า เทพยากรณ์จะเป็นจริง ดังที่ถูกทำนายไว้ และหนึ่งเดียว จะเป็นผู้จบสงครามกับเครื่องจักร ทุกคนฝากความหวังทั้งมวลไว้กับนีโอ ผู้ซึ่งติดข้องอยู่กับการคาดคะเนอันสับสน ในขณะที่ค้นหาวิธีการตอบโต้ เราไม่อาจมองเห็นผ่านทางเลือกที่เราไม่รู้ นีโอและทรีนิตี้ ซึ่งต่างฝ่ายยิ่งทวีความรักต่อกัน และเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น ได้เลือกที่จะกลับไปยังเมทริกซ์พร้อมกับมอร์เฟียส และปลดปล่อยคลังอาวุธ กับความสามารถที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา ในการต่อสู้กับระบบที่กดขี่และแสวงผลประโยชน์ส่วนตน แต่ที่นั่นยังมีผู้ทรงอำนาจแห่งเมทริกซ์ ซึ่งหักล้างด้วยทางเลือกที่เต็มไปด้วยเพทุบาย โดยเลี่ยงความรับผิดชอบทั้งปวง ในขณะที่คอยป้อนความเป็นจริงแห่งอารมณ์ให้ผู้อื่น ทางเลือกเป็นภาพลวงตา ระหว่างผู้มีอำนาจและผู้ที่ไร้ซึ่งอำนาจ ในขณะเดียวกัน ยังมีผู้ถูกเนรเทศอย่าง สายลับสมิธ (ฮิวโก้ วีฟวิ่ง) ผู้ซึ่งสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับนีโอ ผลักดันให้เขาขัดขืนต่อระบบ ที่เรียกตัวเขามาเพื่อกำจัดทิ้ง เขาถูกขับเคลื่อนโดยความเป็นมนุษย์ที่เขาเคยชัง และสมิธจะผลาญทุกอย่างที่อยู่ในวิถีทางของเขา ในการสืบเสาะเพื่อการแก้แค้น อะไรคือสิ่งที่ผู้มีอำนาจต้องการ? อำนาจที่มากขึ้น ในการเดินทางที่ไม่น่าไว้ใจเพื่อเข้าสู่โครงสร้างของเมทริกซ์ และบทบาทสำคัญของเขา ที่มีต่อชะตาแห่งมนุษยชาติ นีโอจะได้พบกับการต่อต้านที่ยิ่งใหญ่ขึ้น และความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า และทางเลือกที่ไม่อาจเป็นไปได้ยิ่งกว่าที่เขาคาดไว้คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาทางเลือก คุณได้เลือกแล้ว คุณมาที่นี่เพื่อหาคำตอบว่าทำไมจึงเลือก ในการบรรจบกันของความรักและความจริง, ศรัทธาและความรู้, จุดหมายและเหตุผล นีโอต้องเดินตามทางสายที่เขาเลือกแล้ว "ถ้าผมทำไม่ได้?" เขาถาม "หากผมล้มเหลว?" ไซออนจะล่มสลาย วอร์เนอร์บราเดอร์ส พิกเจอร์ ร่วมกับวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส และ NPV เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ภูมิใจเสนอ ผลงานของซิลเวอร์ พิกเจอร์ส ใน The Matrix Reloaded นำแสดงโดย คีนู รฟส์, ลอว์เรนส์ ฟิชเบิร์น และ แครี่-แอน มอส ร่วมแสดงโดย ฮิวโก้ วีฟวิ่ง, เจด้า พิงเก็ต สมิธ และกลอเรีย ฟอสเตอร์ The Matrix Reloaded บทภาพยนตร์และกำกับการแสดงโดย พี่น้องวาโชสกี้ และอำนวยการสร้างโดย โจเอล ซิลเวอร์ ผู้อำนวยการบริหาร ได้แก่ แอนดี้ วาโชสกี้, แลรี่ วาโชสกี้, แกรนท์ ฮิล, แอนดรู เมสัน และบรูซ เบอร์แมน ผู้กำกับภาพ ได้แก่ บิล โป๊พ, A.S.C.; ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ ได้แก่ โอเวน แพทเตอสัน; ผู้ลำดับภาพ ได้แก่ แซค แสตนเบิร์ก, A.C.E.; ผู้ประพันธ์เพลง ได้แก่ ดอน เดสิส; ผู้ควบคุมวิชวล เอ็ฟเฟ็ค ได้แก่ จอห์น เกต้า ; และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ได้แก่ คิม แบเร็ต The Matrix Reloaded จัดจำหน่ายทั่วโลกโดย วอร์เนอร์บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ในกลุ่มบริษัท วอร์เนอร์บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และในบางพื้นที่โดยวิลเลจ โรดโชว์ พิกเจอร์ส www.thematrix.com / AOL Keyword: Matrix Reloaded องก์ที่สอง: ลึกลงไปในโพรงกระต่าย นีโอมองผ่านเข้าไปในม่านรหัสแห่งเมทริกซ์ เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ เพียงแค่ปลายสายตาเท่านั้น ปี 1999 พี่น้องวาโชสกี้ และผู้อำนวยการสร้างโจเอล ซิลเวอร์ ประกาศให้โลกรู้ถึง The Matrix การถ่ายทอดเรื่องราวที่ซับซ้อนของชนวนแห่งจินตนาการแอ็คชั่นที่ทรงพลัง ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์แอนิเมะสไตล์ญี่ปุ่น อย่าง Akira และ Ghost in the Shell ด้วยการตั้งคำถามที่เป็นทางแยกระหว่าง ปรัชญา, ตำนาน, ศาสนา และคณิตศาสตร์ ภาพในรูปแบบไฮเปอร์--คีเนติคของหนังสือการ์ตูนโดย เจฟ แดโรว์ และนิยายวิทยาศาสตร์โดยนักเขียนหลายคนอย่าง วิลเลียม กิ๊บสัน, ฟิลิป เค ดิค และลูอิส แครอล สองพี่น้องให้กำเนิดเรื่องราวแห่งตำนาน ที่บุกเบิกแกนของเทคโนโลยีต่างดาว, อิสระแห่งความคิด, ราคาแห่งการละเลย และมูลค่าของความรู้ ท้ายที่สุด ทีมผู้สร้างไม่เพียงแต่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชม ด้วยงานสร้างสรรค์วิชวลที่กล้าได้กล้าเสีย ที่ได้รับการเลียนแบบนับแต่นั้นมา อย่างนับไม่ถ้วน ทั้งทางโฆษณา, มิวสิควิดีโอ, และภาพยนตร์ พวกเขาได้สร้างภาพยนตร์แอ็คชั่นปลุกปั่น อันไตร่ตรองถึงความสำคัญของความจริง และหลักฐาน ซึ่งให้ความกระจ่างแก่ทางเลือกที่เรามี และความแข็งแกร่งกับความอ่อนแอ ที่ต้อนให้เรากระทำ พี่น้องวาโชสกี้ แลเห็นเสมอมาถึงการผจญภัยเรื่องยาวที่พวกเขาได้ปลดปล่อย เพื่อเป็นไตรภาคของเรื่อง The Matrix และความสำเร็จของเรื่องแรกทำให้ผู้เขียนบท/กำกับการแสดงทั้งสอง สามารถเจาะลึกลงไปอีกในตำนานที่พวกเขาเพิ่งจะเริ่มเปิดเผย พวกเขาสร้างให้ตอนที่สองและสามของไตรภาค The Matrix Reloaded และ The Matrix Revolutions, เป็นหนังเต่ละเรื่องที่จะถ่ายทอดเป็นสองตอน ผลแห่งการปฏิวัตินั้นอยู่ในตัวของมันเอง มาตรฐานแห่งวิชวลของไตรภาค อย่างเช่นเทคนิคบันลือโลกที่ถูกคิดค้นเพื่อให้เกิดความเป็นแอนิเมะ เป็นคอนเซปท์สำคัญที่เร้าใจ อย่าง "เวลากระสุน" (Bullet Time) ในเรื่อง The Matrix หรือการบุกเบิกของขั้นตอน Universal Capture ที่ใช้ในการสร้างภาพคนเสมือนจริง ในตอน Reloaded และ Revolutions ซึ่งยังคงได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เท่าที่การสร้างภาพยนตร์จะสามารถทำได้ ผลงานไตรภาคเล่าถึงเรื่องราวของความน่าสพรึงกลัว หากเราผลักดันให้เทคโนโลยีล้ำหน้าเกินไป ซึ่งจะยกกำลังให้กับเทคโนโลยีในการเล่าต่อ ภาพยนตร์ทุกเรื่องของ The Matrix ยังคุกคามขอบเขตของโครงสร้างทางกายภาพ ของฉากแอ็คชั่นดุเดือด ที่ทั้งโหดร้ายและตระการตาไปพร้อมกัน อันเป็นการผสมผสานระหว่าองค์ประกอบของภาพยนตร์กังฟูคลาสสิค กับหนังแอ็คชั่นตะวันตกประเภทควงปืน, และศิลปะป้องกันตัวตะวันออกพร้อมลวดโยง ในงานหนังสไตล์ฮ่องกง ของผู้กำกับชื่อดังอย่าง จอห์น วู และ เหยินโวปิง นักแสดงนำจะแสดงในฉากต่อสู้ด้วยตนเอง วิธีการนี้จะทำให้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวด้วยแอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่กว่า - การต่อสู้ขับดันการบรรยายความ มากกว่าเป็นเพียงทางลัดสู่ความบันเทิง ด้วยวิธีการนี้ ทุกนาทีของภาพยนตร์จึงให้สิ่งที่เป็นเนื้อหาและความหมายแก่คนดู บางทีสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์ Matrix เต็มไปด้วยความน่าประหลาดใจนั้น คงเป็นความหนาแน่นที่บันดาลการแปลความอย่างไม่มีขีดจำกัด - ในนขณะที่หนังส่วนมาก จะพยายามที่จะให้คำตอบแก่ผู้ชม แต่ The Matrix จะเป็นคำถามที่เปิดกว้างมากคำถามหนึ่ง การอ้างอิงที่เรียบง่าย เป็นเสมือนทางที่นำไปสู่ป่าแห่งความคิด ทักถอเป็นแกนแห่งตำนาน, ปรัชญา, เทคโนโลยีที่จะปรากฎ, การปฏิวัติทางจิต, งาานประพันธ์ อย่างเช่น Alice in Wonderland และการอ้างอิงศาสนศาสตร์ (คริสเตียน และความรู้เรื่องจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นไปอย่างเรียบง่ายคู่ไปกับแนวคิดของศาสนาพุทธนิกายเซน และเต๋า) ที่มองเห็นความจริงที่ซับซ้อนของการปลดปล่อยจิตใจ พลังของเรื่องมิได้เป็นเพียงสิ่งใดที่สามารถบอกเล่า แต่เป็นความสามารถของเราเอง ที่จะนำความคิดที่ถูกนำเสนอ และตามมันไป การสังเคราะห์ปรัชญาสู่ภาพยนตร์ของสองพี่น้องวาโชสกี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือหลายเล่ม (รวมทั้ง The Philosophy of The Matrix, เรียบเรียงโดยวิลเลียม เออร์วิน; Exploring the Matrix: Visions of the Cyber Present, เรียบเรียงโดยแคเรน เฮเบอร์; และ Taking the Red Pill: Science, Philosophy & Religion in The Matrix, เรียบเรียงโดยเกลน เยฟเฟธ) และคอร์สอบรมในวิทยาลัยหลากหลาย ตั้งแต่ แกนปรัชญา ไปจนถึงนิยายวิทยาศาสตร์ การสื่อสารด้วยสื่อคอมพิวเตอร์ ศาสนา และวัฒนธรรมร่วมสมัย ความคิดมหาศาลที่ได้ถูกทุ่มเทในการทดสอบงานของพวกเขานั้น มีหลักฐานในการที่พวกเขาสามารถเจาะเข้าสู่จิตสำนึกของผู้ชมเป็นหมู่คณะ ด้วยการทำภาพยนตร์ที่สร้างทั้งกระแสและความท้าทาย"สิ่งที่แลรี่และแอนดรูพยายามทำให้สำเร็จ ในการเล่าเรื่องก็คือแอ็คชั่นทางกายภาพที่พวกเขานำเสนอ องค์ประกอบของภาพยนตร์ใหม่ และเทคโนโลยี ที่พวกเขาได้คิดค้นขึ้นเพื่อสร้างภาพ ที่ไม่มีใครเทียบได้" คีนู รีฟส์ บอก เขายังได้อ่านหนังสือของจีน บัวดริลลาร์ด Simulacra and Simulation และของเควิน เคลลี่ Out of Control ตามคำขอของสองพี่น้อง ในขณะที่กำลังเตรียมทำงานในบท นีโอ แฮ็กเกอร์ ผู้ซึ่งเผชิญชะตากรรมในการค้นหาความจริงแห่ง The Matrix "พี่น้องวาโชสกี้นั้น ทำทุกอย่างโดยคล้องจองกันเป็นอย่างดีจนน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นปรัชญาจนถึงตำนานจนกระทั่งหนังสือการ์ตูน และแกนหลักที่เดินเรื่องของภาพยนตร์ทุกตอน สะท้อนถึงการหยั่งรู้ถึงคำถามไร้กาลเวลาที่ผลักดันการค้นหาความรู้และความเข้าใจของมนุษย์" โจเอล ซิลเวอร์ ผู้อำนวยการสร้างของ Matrix ไตรภาคกล่าว "พวกเขาสร้างเรื่องราวแห่งมหากาพย์ บอกเล่าด้วยวิธีใช้จินตนาการที่ปฏืวัติความบันเทิง และสร้างภาพยนตร์ที่ใช้แอ็คชั่นของผู้คิด คุณสามารถสนุกกับการชมภาพยนตร์ได้ในระดับของสัญชาติญาณโดยแท้ และหากต้องการลงลึกไปกว่านั้น ก็ยังมีไอเดียที่ลึกซึ้งกว่านั้นให้ไตร่ตรอง" บรรดาแฟนหนังที่ไม่อาจหาญพอที่จะไขว่คว้าหาความจริงด้วยตนเอง สามารถยืนหยัดด้วยสัญชาติญาณ ผ่านทางเลือกของนีโอ, มอร์เฟียส และทรีนิตี้; ผู้ที่เลือกจะสำรวจแก่นของปรัชญา, งานประพันธ์, ตำนาน, ศาสนศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่เป็นข้อมูลแห่งจักรวาลของหนังโดยพี่น้องวาโชสกี้ สามารถติดตามลงไปได้ในโพรงกระต่ายเท่าที่จะกล้าพอ "ความจริงมักน่าสพรึงกลัว ซึ่งผมคิดว่าเป็นหนึ่งในความคิดที่กลับมาอีก ในหนังของแลรี่และแอนดรู" รีฟส์ตั้งข้อสังเกตุ "ราคาของความรู้นั้นเป็นแก่นสำคัญ ในตอนที่สองและสามของหนัง หวกเขาได้กล่าวถึงผลลัพธ์ที่ตามมาจากการเลือกที่จะรู้ความจริงของนีโอ พวกเขาทำให้ทั้ง Reloaded และ Revolutions เข้มข้นกว่า กระตุ้นกว่า และให้ความบันเทิงมากกว่าภาคแรก มันเป็นเรื่องที่ดีเลิศจริงๆ" ใน The Matrix Reloaded นีโอยังคงเดินหน้าต่อไปกับการเดินทางระทึกขวัญ ที่เริ่มต้นตั้งแต่ที่เขาเลือกกินยาเม็ดสีแดง ในตอน The Matrix จากการตัดสินใจที่จะเชื่อในตนเอง และยอมรับตำแหน่ง หนึ่งเดียว นีโอต้องแสดงพลังที่เหนือธรรมดาของเขาต่อไปอีก แต่การเป็นหนึ่งเดียว นำมาซึ่งภาระความรับผิดชอบที่เหนือความคาดหมาย ไม่เพียงแต่เป็นการสนองต่อความเชื่อของพรหมลิขิตแห่งนีโอ - ที่จะจบสงครามกับกองทัพเครื่องจักร - แต่ยังหมายถึงชีวิตของบรรดาผู้ที่คาดหวังไว้กับทางที่เขาเลือก ในขณะที่เหล่ากบฎตัดสินใจแน่วแน่ที่จะปกป้องไซออน ดินแดนส่วนน้อยแห่งสุดท้ายของมนุษย์ จากการทำลายล้างเผ่าพันธุ์โดยกองทัพเครื่องจักร ที่กำลังเจาะเข้ามาหา นีโอพบว่าเขาต้องหาวิธีการตอบโต้ "หนังเรื่องที่สองนี้เป็นเหมือนการสืบเสาะส่วนตัวของนีโอ" รีฟส์เล่า "เขาต้องผ่านขั้นตอนที่จะรู้ถึงสิ่งที่เขาถูกขอให้ทำ เขายังเสาะหาความจริง และนั่นหมายความว่าเขาต้องสู้หนักขึ้น ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับภาพแห่งอนาคต" ในขณะเดียวกัน มอร์เฟียส ซึ่งได้เติมเต็มเป้าหมายของชีวิตในการค้นหา หนึ่งเดียว ก็ได้พบว่าถูกผลักดันด้วยการท้าทายแห่งความยึดมั่นของตัวเอง "ในเรื่องแรก มอร์เฟียสเป็นครู" ลอว์เรนส์ ฟิชเชอร์ให้ความเห็น "ในตอน Reloaded เขากลายเป็นผู้นำทางใจมากขึ้น ความเชื่อมั่นของเขาต่อนีโอและเทพยากรณ์นั้นเด็ดขาด และเขานำมาซึ่งความรักและพลังที่มากขึ้น พร้อมกับบทบาทสำคัญของเขาในการต่อสู้เเพื่อปกป้องไซออน แต่ความจริงที่เขาได้เผชิญบนเส้นทางเดินนั้น เป็นการทดสอบศรัทธาของเขา" บางทีคนสองคนที่ทรินิตี้มอบศรัทธาอย่างหมดใจให้นั้น คงมีแค่มอร์เฟียสและนีโอ ความรักและเชื่อมั่นในนีโอนั้นซึมซาบในตัวเธออย่างแน่วแน่เหลือคณานับ "เธอกลายเป็นนักรบยิ่งไปกว่าที่เธอเคยเป็นในตอนแรกเสียอีก" แครี่-แอน มอสเล่า "โลกที่นีโอและทรีนิตี้ต่อสู้เพื่อนั้น ช่างหดหู่และน่ากลัวเสียจนตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับความรักของทั้งสองที่บริสุทธิ์และสวยงาม มันทำให้เธออ่อนโยนลง แต่ก็ให้พลังแก่เธอด้วย" บทบาทของ ฮิวโก้ วีฟวิ่ง ในความเป็นสายลับสมิธผู้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั้น ซับซ้อนไปด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้น ด้วยการกลืนกินพลังจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ - รวมทั้งการยกระดับที่เรียกว่าอัตตา "ใน The Matrix สมิธเริ่มต้นจากการเป็นสิ่งมีชีวิตหัวแข็ง ที่มีเป้าหมายที่เขาต้องทำให้สมบูรณ์" วีฟวิ่งอธิบาย "ในระหว่างการเดินทางนั้น เขาเริ่มรู้สึกเช่นเดียวกับมนุษย์ และสิ่งที่เป็นนัยของความเป็นมนุษย์ในตัวของเขา และเขาเกลียดมัน เขาเห็นว่านั้นเป็นจุดอ่อนของเขา ในตอน Reloaded เขายอมรับความรู้สึกทรงพลังเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ และผมคิดว่าเขาเริ่มที่จะชอบมัน อัตตาของเขาเริ่มขยายขอบเขต และเขาดูจะเป็นอิสระมากขึ้น" Reloaded ยังแนะนำตัวละครใหม่ของเรื่อง ทั้งในไซออนและเมทริกซ์ การต่อต้านสมาชิกใหม่ผู้เด็ดขาดแห่งไซออน นีโอเบ เป็นกัปตันของโลโกส ยานโฮเวอร์คราฟท์ที่เล็กสุดแต่ความเร็วสูงสุดของกองทัพกบฎ ผู้สร้างได้เลือก เจด้า พิงเก็ต สมิธ ให้เป็นผู้รับบทนีโอเบ ตัวละครที่เป็นศูนย์กลางทั้งในภาพยนตร์และวิดีโอเกม Enter the Matrix อีกหนึ่งส่วนประกอบเสริมของการเล่าเรื่องของไตรภาค "นีโอเบไม่มีศรัทธา; เธอไม่เชื่อในสิ่งใดนอกจากตนเอง" พิงเก็ต สมิธบอก "อัตตาของเธอคือสัตว์ร้าย และเธอยโสเป็นที่สุด สิ่งเดียวที่เธอเกี่ยวข้องด้วยคือหัวใจที่เป็นทหารของเธอ เธอรู้ว่าเธอต้องทำอะไร และเธอทำได้ดีมาก ฉันรู้สึกว่าฉันเหมือนนีโอเบมากตรงที่เมื่อตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนใจได้" "เจด้ามีสมาธิและถือทิฐิพอๆ กับนีโอเบ" ซิวเลอร์เสริม "เธอมียึดมั่นในหน้าที่ทั้งในภาพยนตร์และในวิดีโอเกม ตั้งแต่การฝึกซ้อมไปจนถึงการต่อสู้ สตันท์ และงานแอ็คชั่นที่การถ่ายทำต้องการ ความแข้มแข็งที่ไม่ได้เจือปนของเธอ - ไม่ต้องพูดถึงพละกำลังและสปิริตที่เธอนำมาสู่ตัวละครของเธอ - เป็นสิ่งที่น่าประทับใจจริงๆ" ตรงข้ามกับความดื้อรั้นที่ร้ายกาจของนีโอเบก็คือ เมโรวินเจียน นายหน้าผู้เอาแต่ใจที่ออกนอกลู่นอกทางของกระบวนการเมทริกซ์ แต่จะถูกเพิร์ซโฟน ภรรยาเจ้าเสน่ห์และกลุ่มองครักษ์คอยขนาบข้างอยู่เสมอ รวมทั้งแฝดสอง เจ้าของท่ารำมีดโกนด้วย "เขาติดกับลักษณะหลงตัวเองทุกรูปแบบ และยังมัวเมาในกิเลสแห่งชีวิต" แลมเบิร์ต วิลสัน กล่าวถึงตัวละครผู้ไม่รู้จักอิ่มของเขา "สิ่งที่เขาขาด และทำให้เขายิ่งใคร่ที่จะมัวเมา ก็คือ อารมณ์ความรู้สึก" "เมโรวินเจียนกับเพิร์ซโฟนนั้นเป็นเหมือนผีดิบในรูปแบบหนึ่ง" โมนิก้า เบลุคชี่กล่าว เธอรับบทภรรยาจอมบงการ "พวกเขาต้องการกระตุ้นอารมณ์ให้กับผู้อื่น เพื่อที่จะได้สูบมันออกมาเลี้ยงชีวิต เพิร์ซโฟนเป็นคนที่หรูหรามีระดับ แต่ฉ้อฉนและใช้พลังของเธอเพื่อให้ได้มายังสิ่งที่เธอต้องการ - ความรู้สึก" ผู้ที่ทำให้ตัวแสดงหลักของ The Matrix Reloaded สมบูรณ์ ได้แก่ กลอเรีย ฟอสเตอร์ เป็น เทพยากรณ์ ; แฮโรลด์ เพอรินิว เป็น ลิงค์ ผู้ควบคุมเนบิวแชดเนซซาคนใหม่ ; แรนดัล ดุก คิม เป็น คีย์เมกเกอร์ ; นีล และเอเดรียน เรย์เมนท์ เป็น แฝด องครักษ์ของเมโรวินเจียน ผู้บอบบาง ; โนน่า เกย์ เป็น เพื่อนสาวของลิงค์ ซี ; แฮรี่ เลนนิกซ์ เป็นผู้บัญชาการ ล็อค; คอลลิน เชา เป็น เซราฟ, องครักษ์แห่งเทพยากรณ์ ; แอนโทรี หว่อง เป็น โกสต์, เพื่อร่วมยานโลโกสคนแรกของนีโอเบ ; แอนโทนี เซิร์บ เป็นที่ปรึกษา แฮมมอน ; คอร์เนล เวสต์ เป็นที่ปรึกษาเวสต์ ; และรอย โจนส์ จูเนียร์ แชมป์มวย เป็นกัปตันบัลลาร์ด เรามีน้ำแข็งเป็นเพื่อน : การฝึกที่ไม่ง่าย คุณไม่มีวันรู้จักใครจริง จนกว่าจะได้สู้กับเขา ในการเตรียมทำงานในเรื่อง The Matrix คีนู รีฟส์, แครี่-แอน มอส, ลอว์เรนส์ ฟิชเบิร์น และฮิวโก้ วีฟวิ่ง ใช้เวลาสี่เดือนเต็มระหว่างช่วงฤดูหนาวของ1997-98 ในการฝึกกับอาจารย์ศิลปะป้องกันตัวและผู้เชี่ยวชาญงานลวดโยง เหยินโวปิง เพื่อเรียนกังฟู และการแสดงบนลวด ที่พวกเขาต้องใช้ในการรับบทในฉากต่อสู้ดุเดือดที่ซับซ้อนของหนัง ในขณะที่ทีมนักแสดงต้องเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในวงการภาพยนตร์ตะวันตก - ซึ่งพวกเขาต้องใช้ความสามารถในฉากการต่อสู้ที่เคยเป็นความรับผิดชอบทั้งสิ้นของตัวแสดงสตันท์ - พวกเขามิได้เตรียมตัวมาก่อนที่จะเผชิญกับประสบการณ์อันทรหดที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า ความอดทนยืนหยัด, อุตสาหะ และความปรารถนาที่จะนำพาให้จินตนาการแห่งพี่น้องวาโชสกี้ ให้มีชีวิตขึ้นมา เป็นแรงบันดาลใจของทีมดาราและทีมงานศิลปะป้องกันตัว มุมานะจนสำเร็จได้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในฃ่วงเวลาที่น้อยนิดอย่าง "เราต้องการเอาชนะสิ่งที่พิเศษเหนือธรรมดา"คีนู รีฟส์กล่าว เมื่อทีมดารากลับมาเพื่อการฝึกสำหรับเรื่อง Reloaded และ Revolutions เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2000, พวกเขาก็พร้อมแล้ว "ทีมนักแสดงกลับมาอย่างสดชื่นกว่าเดิม, แข็งแรงกว่า และมีความเข้าใจมากกว่าเดิมถึงความต้องการที่เรามีต่อพวก" โวปิงกล่าว "การฝึกสำหรับหนังสองเรื่องหลังนี้ยากกว่าเรื่องแรกถึงสามเท่า" รีฟส์ยอมรับ "องค์ประกอบด้านกังฟูของนีโอและงานลวดโยงนั้นช่ำชองมากกว่าเดิม - ต้องเคลื่อนไหวมากขึ้นในการต่อสู้เพียงแค่ฉากเฉพาะฉากเดียว ในเรื่อง Reloaded เมื่อเทียบกับ Matrix ทั้งเรื่อง" การฝึกประจำวันนั้นทำกันที่ในโรงเก็บเครื่องบินซานตาโมนิก้า ระหว่างช่วงที่หน้าหนาวเย็นเฉียบไปด้วยฝน "เราไปถึงแต่เช้าและพวกเขาต้องดูดน้ำฝนที่ตกตั้งแต่คืนก่อนออก" ลอว์เรนส์ ฟิชเบิร์นทวนความจำ ทีมสตันท์ทวีจำนวนขึ้นเป็นสามเท่าของเรื่องแรก The Matrix - ส่วนหนึ่งเพราะต้องใช้สตันท์ 12 คนเพื่อแสดงเป็นสายลับสมิธที่ทวีคูณตัวเอง - และพวกเขาใช้พื้นที่ฝึกร่วมกับสถานที่สร้างฉากที่ใหญ่โตมโหฬาร รีฟส์อุทิศเวลาอย่างน้อย 7 ช.ม./วัน เพื่อฝึกกังฟู จากที่เคยฝึกซ้อมเพื่อถ่ายทำตอน The Matrix ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดที่คอซึ่งทำให้ต้องจำกัดการเคลื่อนไหว และโวปิงปรับเปลี่ยนท่วงท่าการเคลื่อนไหวให้เหมาะสมกับการทำงานหลังผ่าตัด โดยการต่อสู้ที่ใช้หมัด มากกว่าเตะ ในตอนนี้ รีฟส์ไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป "ยิ่งผมทำได้มากเท่าไหร่ พวกเขายิ่งให้ผมทำมากขึ้นเท่านั้น" นักแสดงผู้ทุ่มเทกล่าว "วันไหนที่ผมทำท่าไหนได้ดี วันนั้นเขาจะให้ผมทำสองท่า ตอนที่เรายิงกัน สองพี่น้องถามว่าผมจะทำเจ็ดอย่างได้ไหม! มันสนุกมาก แต่ก็เป็นงานหนักมากด้วย และยังเจ็บมากอีกด้วย - เรามีน้ำแข็งเป็นเพื่อน" (ระหว่างการถ่ายทำ เป็นที่รู้กันว่ารีฟส์มักจะนั่งในถังน้ำแข็งอยู่เสมอ) "คีนูยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ" โวปิงเอ่ยชม "เขาเป็นคนซูเปอร์สมบูรณ์แบบ และมักไม่พอใจกับการแสดงของตัวเอง กระทั่งเวลาที่ผมคิดว่าดีแล้ว! ผมพยายามอย่างที่สุดที่จะรักษาระดับที่เขาต้องการ ใน Matrix ตอนแรก นีโอใช้มือเดียวในการสู้กับบรรดาสายลับ แต่ใน Reloaded นีโอพบว่าพวกสายลับเก่งกาจขึ้น เขาจึงต้องยกระดับตัวเองขึ้นอีก จากตรงนั้นผมต้องเพิ่มการเคลื่อนไหวที่มากขึ้นให้กับนีโอ เพื่อรับมือกับบรรดาสายลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมากมาก แต่คีนูทำทุกอย่างได้อย่างยอดเยี่ยม"รีฟส์ทำงานร่วมกับสตันท์ 12 คนเป็นเวลา 9 สัปดาห์ เพื่อให้ครบตามกำหนดการที่ฝึกซ้อมไว้ สำหรับช่วงเวลาห้านาทีครึ่งที่ประกอบด้วย 500 ท่า การทำงานที่มุ่งมั่นนี้เป็นเพียงทางเดียวที่จะไต่ไปสู่ระดับของเทคนิคความรุนแรง ที่จำเป็นสำหรับการเติมเต็มจินตนาการแห่งสองพี่น้องสำหรับแอ็คชั่นที่เร้าใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ "โวปิง แลรี่ และแอนดี้ ต้องการให้การต่อสู้เป็นไปอย่างตระการตามากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้" เขาเล่า "พวกเขาชอบปรากฎการณ์ตื่นเต้นและต้องการให้ความบันเทิง พวกเขาสนใจสัมผัสแห่งกายภาพ ทั้งในทางบวกและลบ ในบางเวลาไฟก็เผาไหม้ แต่ก็ให้ความอบอุ่นได้ด้วย - นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจากฉากแอ็คชั่น"โจเอล ซิลเวอร์ เชื่อว่าปรมาจารย์ท่าแอ็คชั่นได้ทำงานที่เปี่ยมคุณค่าในการเติมเต็มจินตนาการของสองพี่น้องวาโชสดี้ และเรื่องราวของภาพยนตร์ Matrix ไตรภาค "สไตล์ของโวปิงนั้นไปกันได้เป็นอย่างดีกับปรัชญาของสองพี่น้องในด้านการเล่าเรื่อง" ผู้อำนวยการสร้างกล่าว "นอกเหนือจากการต่อสู้กันระหว่างตัวเอกและศัตรู คือการทดสอบความสามารถทางกายภาพ เขาสร้างภาพของพัฒนาการแห่งตัวละครผ่านลีลาการต่อสู้ ในการต่อสู้โดโจของเรื่อง The Matrix ซึ่งนีโอเริ่มค้นหาความเป็นไปได้ของเขา และใน ตอนที่เบอร์ลี่ บรอว์ลของ Reloaded ถูกท้าทายโดยการโจมตีทและเขาต้องยกระดับตนเองขึ้นทุกวิถีทาง" บรรดาฉากการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยแรงกระตุ่นนั้น เป็นผลมาจากการสังเคราะห์ทรงพลัง ระหว่างผู้ออกแบบแอ็คชั่น ผู้สร้างและตัวผู้แสดง "มโนภาพแห่งฉากการต่อสู้ทั้งหมดมาจากสองพี่น้อง" โวปิงอธิบาย "ผมสร้างฉากตามความคิดของพวกเขา และเบอร์ลีย์ บรอว์ลเป็นเรื่องยาก เพราะนีโอต้องสู้กับสายลับสมิธถึง 100 คนอย่างต่อเนื่อง และคีนูต้องเรียนรู้ถึงขั้นตอนการเคลื่อนไหวมากมายที่ยากจะเข้าใจ และผมให้สตันท์แต่ละคนของสมิธทำซ้ำ เพื่อจับตาดูอาการเคลื่อนไหวของฮิวโก้ และเลียนแบบให้เหมือนที่สุด ท่าแอ็คชั่นนั้นอิงจากสิ่งที่คนเหล่านั้นสามารถถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์" โวปิงเล่าถึงท่าแอ็คชั่นในฉากการต่อสู้ที่ทีเฮาส์ ซึ่งนีโอถูกทดสอบโดยเซราฟ องครักษ์แห่งเทพยากรณ์ ซึ่งต้องใช้ความสามารถในการป้องกันตัวขั้นสูงจากรีฟส์ "ทั้งนีโอและเซราฟต่างเชื่อมโยงกับเทพยากรณ์ในระดับเดียวกัน" โวปิงอธิบาย "ดังนั้นระดับกังฟูของทั้งสองควรจะเท่ากัน แต่คอลลิน เฉา บังเอิญเป็นนักแสดงชาวตะวันออกที่ได้รับการฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวมาแล้วหลายปี เมื่อเทียบกับคนที่ฝึกมาสิบปี คีนูยังเป็นแค่ระดับเบื้องต้นเท่านั้น ดังนั้นผมจึงต้องพยายามดึงความสามารถที่มากสุดออกมาจากตัวเขา เพื่อให้ทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน ต้องขอบคุณอีกครั้งสำหรับความมานะอดทนของคีนู เราจึงสามารถทำให้สำเร็จด้วยดี" สไตล์การยกระดับองค์ประกอบที่มากมายมหาศาลในการต่อสู้ ของโวปิง สร้างความเข้มข้นเหลือคณานับและน่าประทับใจในการได้ชม "ยิ่งเปลี่ยนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าสมใจมากขึ้นเท่านั้น" เขาบอก "ในฉากต่อสู้ซึ่งเป็นการเปิดของ Reloaded โดยไม่ได้เตรียมการมาก่อน ผมใช้หมวกนิรภัยเป็นอาวุธชนิดหนึ่ง และแครี่ แอน-มอสใช้อาวุธเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมยังออกแบบท่าเตะที่รวดเร็วและทรงพลังให้กับเธอ ซึ่งเราเรียกว่าสกอร์เปี้ยน คิก ผมฝึกเธอตลอดหกเดือน เพียงเพื่อท่าเตะเดียวนั่น ซึ่งเธอสามารถเตะได้อย่างดีมาก ทั้งแรงและแม่นยำ" "ทรีนิตี้เก่งที่สุดกับท่าเตะสกอร์เปี้ยนคิก และการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว" แครี่ แอน-มอสกล่าว "อีกครั้งที่โวปิงเป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยม ฉันไม่เคยลืมที่คนดูตอบรับการต่อสู้ครั้งแรกที่ฉันทำใน Matrix จึงหวังว่าคนดูจะตื่นเต้นเหมือนเดิมสำหรับฉากต่อสู้ของฉันที่เปิดเรื่อง Reloaded มันทรงพลังมาก" "แครี่-แอน เก่งมากๆ และผมจะคอยให้กำลังใจเธอให้มั่นใจมากขึ้นในความสามารถของเธอเอง" โวปิงกล่าว "สำหรับแครี่-แอน และคนอื่นก็เช่นกัน การต่อสู้และฝึกซ้อมนั้นเป็นเรื่องที่หนักกว่าเรื่องแรก แต่ยิ่งเราให้กำลังใจเธอมากเท่าไร เธอก็ยิ่งมั่นใจขึ้นเท่านั้น" แม้ว่าการแสดงของเธอจะไม่ทรยศ แต่การฝึกซ้อมก็ไม่ได้ราบรื่นตลอดไปสำหรับเธอ "ฉันฝึกอยู่หกเจ็ดอาทิตย์ก่อนที่จะเริ่มอย่างเป็นทางการ เพื่อให้แม่นยำจริงๆ ก่อนที่จะสามารถไล่เตะก้นใครได้" เธอเล่า "แล้วฉันก็ล้มผิดท่าตอนกำลังซ้อม สะโพกเลยกระแทกและเข่าหักในตอนนั้น ตรงนั้น แต่ฉันช็อคมากและไม่ยอมรับ ฉันตัดสินใจขับรถกลับบ้านเอง แล้วกลับมาทำงานอีกในวันรุ่งขึ้น มันทารุณมา แต่สิ่งที่ฉันคิดในตอนนั้นก็คือ 'โอพระเจ้า ฉันคงจะเล่นหนังเรื่องนี้ไม่ได้แน่!'" "แครี่-แอนกับผม รอดพ้นจากการบาดเจ็บในเรื่องแรก คราวนี้ก็ถึงตาเรา" ฟิชเบิร์นพูดล้อ "เราทั้งคู่บาดเจ็บในตอนนี้ เธอขาหัก และผมข้อมือพลิก เลยทำให้ผมต้องเพลาการฝึกไปเป็นเวลาหกอาทิตย์ และนั่นทำให้เสียเวลาไปหน่อย" แต่การฝึกอย่างเหมาะสมของฟิชเบิร์น ช่วยให้เขาทำตามกำหนดได้แม้จะบาดเจ็บ "ผมร่วมฝึกซ้อมได้เข้าท่าขึ้นคราวนี้ และเมื่อครูฝึกเข้าใจว่าเราทำอะไรได้บ้าง และเราเข้าใจว่าพวกเขาต้องการอะไรจากเรา เราจึงสามารถตามทันได้เร็วขึ้น เพราะการรักษารูปร่างขนาดเดิมไว้ในช่วงสองปีนั้นอย่างยิ่งกว่าการรักษาไว้ในช่วงเก้าเดือนแน่ๆ" "ลอว์เรนส์เก่งมาก และเขาเรียนรู้ได้อย่างง่ายและว่องไว" ดวปิงบอก "ภาษาทางกายของเขา และความยืดหยุ่นของเขาดีมาก และเขาเตะได้ดีเยี่ยม ในการฝึกซ้อม เราเน้นพลังหมัดและการเตะของเขา" ส่วนประกอบใหม่ที่ฟิชเบิร์นต้องใช้ในการต่อสู้ของเขา ก็คือดาบซามูไร "ผมไม่กล้สคิดว่าจะสามารถใช้มันได้ แต่ดาบซามูไรไม่ยากที่จะใช้ควง" ฟิชเบิร์นเล่า "แต่ผมพบว่าต้องใช้กำลังอย่างมากในส่วนต้นแขน ที่ผมต้องพัฒนาอย่างรวดเร็ว ฉากในหนังเมื่อมอร์เฟียสใช้ดาบนั้นเป็นจุดเด่นสำหรับผม ผมจะเก็บความทรงจำที่น่าประทับใจนี้ไว้ตลอดไป" นอกจากการฝึกใช้อาวุธใหม่ของฟิชเบิร์นและนักแสดงคนอื่น โวปิงยังออกแบบท่าการต่อสู้ที่น่าเกรงขาม ด้วยการแข่งรถสิบแปดล้อ "เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะรถบรรทุกกำลังเร่งความเร็ว เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการทรงตัว" โวปิงบอก ท่าแอ็คชั่นในฉากนี้แสดงถึงประสบการณ์ของมอร์เฟียสในช่วงวิกฤติ และการใช้กังฟูเพื่อรักษาสมดุลของเขา" การฝึกของฟิชเบิร์น เพื่อการต่อสู้ครั้งใหญ่บนนั่นร้านที่ถูกสร้างให้มีขนาดเท่ากับด้านบนของรถบรรทุก "ฉากสู้บนหลังคารถนับเป็นท่าแอ็คชั่นที่เยี่ยมยอด" ฟิชเลิร์นชม "มันส่ายมากพอดู แค่ขนาดของรถก็น่าเกรงขามอยู่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กังฟูข้างบนนั่น เล่นเอาผมขวัญกระเจิง" เช่นเดียวกับฟิชเบิร์น ฮิวโก้ วีฟวิ่ง ทำได้ดีขึ้นสำหรับการฝึกซ้อมของเขาใน Reloaded และ Revolutions "ผมดูแลรูปร่างตัวเองได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเรื่องแรก" วีฟวิ่งบอก "และซ้อมได้ดีและระวังมากขึ้น เพราะรู้ดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ - ผมไม่บังคับตัวเองเพื่อต้องให้กายภาพสมบูรณ์แบบภายในช่วงสั้นๆ" "ฮิวโก้บาดเจ็บเยอะมากในตอนแรก และในครั้งนี้เขากลับมาเพื่อซ้อมอย่างหนักยิ่งกว่าหนัก" ผู้ประสานงานสตันท์ แชด สเตเฮลสกี้ กล่าว "เวลาดูฉากนั้น ต้องจำไว้ว่ามีฮิวโก้ตัวจริงรวมอยู่กับสตันท์ 12 คน และเขาแสดงเองได้เป็นอย่างดี" เจด้า พิงเก็ต สมิธ เริ่มฝึกซ้อมก่อนที่จะเริ่มกันเป็นทางการเสียอีก "สคริปท์พูดถึงการที่กล้ามเนื้อของนีโอเบนูนขึ้นมาในขณะที่เธอกำลังบังคับยาน ฉันเลยคิดว่าน่าจะปลูกกล้ามเนื้อสักหน่อย" พิงเก็ต สมิธเล่า เธอเข้าถึงตัวละครสำหรับการฝึก "นีโอเบต้องเน้นมากเกี่ยวกับรูปร่างของเธอ เพราะร่างกายคือบ้านของเธอ อาวุธของเธอ เธอฝึกหนัก เพราะมันช่วยเพิ่มพลังให้กับจิตใจเท่าๆ กับทางกายภาพ มันสร้างหัวใจ สร้างความรู้สึกนึกคิดอย่างทหาร ฉันจึงเริ่มด้วยการยกน้ำหนัก แล้วต่อด้วยการป้องกันตัว ในที่สุดก็ได้ไล่เตะก้นคนอื่น ซึ่งสนุกมาก" พิงเก็ต สมิธ ซึ่งเพิ่งคลอดลูกสาว วิลโลว์ เมื่อไม่นานก่อนหน้าจะเริ่มการฝึก กลายเป็นผู้ที่คุ้นกับเลือด เหงื่อและน้ำตา ที่มักจะหยาดหยดเป็นประจำจากทีมนักแสดงระหว่างการทำงานที่ดุเดือด "ฉันยังจำภาพคีนูนั่งในถังน้ำแข็ง ในช่วงต้นของการฝึกได้ดี และฉันจะมองเขาเหมือนว่า 'นายไปนั่งอยู่ในนั้นทำไมกัน?'" เธอย้อนความจำ "และเขาจะพูดว่า 'สักวันนึงเธอก็จะรู้' และฉันสาบานว่าหลังจากเสร็จจากฉากต่อสู้ฉากแรก ไขข้อฉันเสื่อมไปหมด ขาฉันหนักยังกับแท่งคอนกรีต และทุกส่วนของร่างกายรวดร้าวไปหมด ฉันรู้แล้วละว่ามีน้ำแข็งไว้ทำไม! ฉันไม่รู้เลยว่าคีนูกับแครี่-แอนทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้จริงๆ" นีลและเอเดรียน เรย์เมนท์ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในระดับชาติ ถึงความเป็นผู้ฝึกสอนคาราเต้สายดำ (Black Belt Shotokan Karate) ได้รับเกียรติให้นำเสนอประสพการณ์การป้องกันตัวที่ล้ำลึกของพวกเขา ภายใต้การดูแลของ "เราเริ่มฝึกคาราเต้ตั้งแต่อายุ 16" นีลเล่า "เราโตขึ้นมาด้วยการดูหนังกังฟูจากฮ่องกง และโวปิงเองเป็นหนึ่งในบรรดาวีรบุรุษในดวงใจของเรา ไม่ใช่เพียงความสามารถด้านป้องกันตัวของเขา แต่ในความเป็นผู้กำกับด้วย" "พอเราได้มารับการฝึกจากเขาอย่างรวดเร็ว เหมือนเป็นเรื่องน่าหวาดเกรงมาก - เราไม่มีค่าขนาดนั้น!" เอเดรียนทำเสียงตกใจ "เราทำงานหนักมาก และในบางเวลาเขาจะยิ้มให้เราโดยไม่รู้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก - ราวกับว่าเขาหยอกด้วยตบหัวเราเล่นอย่างนั้นแหละ!" เช่นเดียวกับเพื่อนดาราทั้งหลายของเขา ฟิชเบิร์นชื่นชมเป็นอย่างมากกับศิลปะที่ทรงพลังของปรมาจารย์ผู้ออกแบบท่าแอ็คชั่น "ผมคิดว่าโวปิงและทีมของเขาต้องได้รับการปรบมือให้ กับการที่ทั้งหมดมาร่วมงานนี้ ต้องจากบ้านมาเป็นปีๆ เพื่อทำให้เราเก่ง" ฟิชเบิร์นกล่าว "ไม่สามารถตีราคาความเชี่ยวชาญของพวกเขาได้ ประสพการณ์และความคิดสร้างสรรค์ที่พวกเขานำมาสู่ภาพยนตร์ The Matrix คงไม่สมบูรณ์อย่างที่เป็นหากขาดพลังจากพวกเขา"--จบ-- -ศน-

ข่าวภาพยนตร์เรื่อง+ประชาสัมพันธ์วันนี้

ชวนทำความรู้จักแม่ซื้อ: ชื่อที่คุ้นหู แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร Prime Video ปล่อยตัวอย่างอย่างเป็นทางการของภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องใหม่ แม่ซื้อ (Host)

เผยแรงบันดาลใจจากทีมผู้สร้างภาพยนตร์ กับครั้งแรกของการตีความแม่ซื้อในมุมสดใหม่ในบรรยากาศโรงเรียนดัดสันดานหญิง ชมตัวอย่างอย่างเป็นทางการได้แล้ววันนี้ ก่อนปลุกความสยองไปด้วยกันที่ Prime Video 23 ตุลาคมนี้ Prime Video เผยตัวอย่างอย่างเป็นทางการของภาพยนตร์เรื่อง แม่ซื้อ (Host) ผลงาน Amazon Original ไทย ที่หยิบยกตำนานความเชื่อพื้นบ้านเกี่ยวกับวิญญาณ "แม่ซื้อ" มาตีความใหม่และสร้างสรรค์ในรูปแบบภาพยนตร์สยองขวัญเป็นครั้งแรก ผ่านเรื่องราวลึกลับระทึกขวัญที่เกิดขึ้นในโรงเรียนดัดสันดานหญิงที่มีกฎเพียงอย่าง

ถอดบทเรียนประวัติศาสตร์จากหนานจิง ส่งต่อสารแห่งสันติภาพ

อนุสรณ์สถานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์หนานจิง หลังจากภาพยนตร์เรื่อง "Dead to Rights" ได้สร้างปรากฏการณ์ความนิยมในระดับโลกเมื่อไม่นานมานี้ ประวัติศาสตร์การสังหารหมู่ที่หนานจิงได้กลับมาอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอีกครา ดังที่อาสาสมัครชาวอ...

"คุณปัญชลีย์ นิธิจิระโรจน์" โปรดิวเซอร์ผู... "นก ปัญชลีย์" ผนึก พันธมิตรธุรกิจภาพยนตร์ เปิดตัวค่าย "STUDIO59" — "คุณปัญชลีย์ นิธิจิระโรจน์" โปรดิวเซอร์ผู้ควบคุมการผลิต เปิดตัวค่ายภาพยนตร์ภายใต้ชื่อ "...