รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า วันที่ 6 ธันวาคม 2549 เวลา 18.00 น

07 Dec 2006

กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--ปภ.

1. สถานการณ์พายุดีเปรสชั่นทุเรียน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (6 ธันวาคม 49) พายุดีเปรสชัน ‘‘ทุเรียน” มีศูนย์กลางบริเวณจังหวัดชุมพรตอนล่าง หรือที่ละติจูด 10.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 98.8 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 50 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 20 กม./ชม. คาดว่า ศูนย์กลางของพายุนี้จะเคลื่อนสู่จังหวัดระนองต่อไป ลักษณะดังกล่าวทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และ พังงา ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 6-7 ธันวาคม 49 นี้ไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

2. จากการประสานไปยังนายอำเภอในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชัน “ทุเรียน” แล้ว ได้รับรายงานสถานการณ์ ดังนี้

1) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกิดฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอบางสะพานน้อย 5 ตำบล 1 เทศบาลได้แก่ ตำบลช้างแรก ไชยราช บางสะพาน ทรายทอง ปากแพรก และ ในเขตเทศบาลตำบลบางสะพานน้อย ถนนหลังสถานีรถไฟ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.40 ม. หากฝนไม่ตกเพิ่มคาดว่าภายในคืนนี้จะเข้าสู่ภาวะปกติ

2) จังหวัดชุมพร มีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ จนถึงปัจจุบัน ในพื้นที่อำเภอละแม

หลังสวน เมือง ปะทิว และอำเภอสวี

3) จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีฝนกระจายที่อำเภอเมือง และอำเภอเกาะสมุย

4) จังหวัดระนอง มีฝนตกทั่วไปตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนี้ ในพื้นที่อำเภอเมือง ละอุ่น และกระบุรี

5) จังหวัดพัทลุง มีฝนตกเล็กน้อยที่อำเภอเมือง

6) จังหวัดสงขลา มีฝนตกเล็กน้อยที่อำเภอหาดใหญ่

7) จังหวัดพังงา นครศรีธรรมราช มีฝนตกเล็กน้อยเป็นบางพื้นที่

3. จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชัน “ทุเรียน” ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์พายุดีเปรสชัน “ทุเรียน” ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2549 จนถึงปัจจุบัน ดังนี้

1) แจ้งเตือนให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรง และฝนตกหนัก โดยผ่านวิทยุกระจายเสียงในพื้นที่ หอกระจายข่าวในหมู่บ้าน/ตำบล

2) ได้ประกาศให้เรือทุกประเภทงดออกจากฝั่งในระยะนี้ (5-7 ธ.ค.49)

3) จังหวัด อำเภอ/กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยเตรียมเรือท้องแบน เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พร้อมช่วยเหลือประชาชนทันที เมื่อเกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น

4. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่เวลา 13.00 น. วันที่ 5 ธ.ค.49 – 13.00 น. วันที่ 6 ธ.ค.49 วัดได้ดังนี้

จังหวัดชุมพร

(อ.สวี)

138.0 มม. (อ.เมือง)

68.5 มม.

จังหวัดสงขลา

(ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่)

46.0 มม.

จังหวัดนครศรีธรรมราช (อ.เมือง)

42.0 มม.

จังหวัดพัทลุง

(อ.เมือง)

41.0 มม.

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

(อ.เมือง)

15.1 มม.

จังหวัดระนอง

(อ.เมือง)

12.4 มม.

5. สรุปสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดลุ่มเจ้าพระยา

5.1 พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 41 จังหวัด (จ.ปทุมธานี สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มบางจุด และพื้นที่ที่ติดกับริมน้ำซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน)

5.2 ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 6 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม และนนทบุรี ในจำนวน 22 อำเภอ แยกเป็น

1) จังหวัดสระบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำ ของอำเภอดอนพุด ที่ตำบลไผ่หลิ่ว ระดับน้ำสูง 0.20-0.40 ม. ระดับน้ำลดลง

การให้ความช่วยเหลือ

จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบเครื่องอุปโภคบริโภค 11,855 ชุด น้ำดื่ม 35,144 ขวด

ยารักษาโรค 4,586 ชุด เสื้อผ้า 45 ชุด รองเท้า/ถุงมือ 545 คู่ เครื่องสูบน้ำ 34 เครื่อง เรือท้องแบน 48 ลำ ถังน้ำขนาด 1,000 ลิตร 30 ถัง เต็นท์ที่พักชั่วคราว 61 หลัง กระสอบทราย 8,272 ถุง อาหารกล่อง 1,520 ชุด พร้อมสนับสนุนน้ำมันเติมเครื่องสูบน้ำ 11,921 ลิตร สูบน้ำลงทะเลสาบบ้านหมอ

2) จังหวัดอ่างทอง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (ตำบลมหาดไทย) และอำเภอวิเศษชัยชาญ (4 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.30 ม. ส่วนในพื้นที่การเกษตร ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-0.90 ม. ระดับน้ำลดลง (บางพื้นที่ เริ่มประกอบอาชีพตามปกติแล้ว)

การให้ความช่วยเหลือ

จังหวัดอ่างทอง อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร มูลนิธิฯ องค์กรเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดส่งรถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ 3 คัน เต็นท์ที่พักอาศัยชั่วคราว 190 หลัง น้ำดื่ม 502,187 ขวด ถุงยังชีพ 91,577 ชุด ยาและเวชภัณฑ์ 39,950 ชุด เรือพาย/

เรือกาชาด/เรือไฟเบอร์/เรือท้องแบน/เรือบริจาค 327 ลำ รถบรรทุกน้ำ 3 คัน รถบรรทุก 31 คัน รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก 16 คัน รถ Unimog 7 คัน เครื่องสูบน้ำ 79 เครื่อง สุขาเคลื่อนที่ 155 ห้อง แท็งค์น้ำ 2,000 ลิตร 68 ถัง

3) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา (ตำบลลุมพลี) อำเภอผักไห่ (ตำบลลำตะเคียน) อำเภอมหาราช (3 ตำบล) อำเภอบางปะหัน (ตำบลพุทเลา) อำเภอบ้านแพรก (3 ตำบล) อำเภอลาดบัวหลวง (6 ตำบล) อำเภอวังน้อย (ตำบลบ่อตาโล่) และอำเภอบางซ้าย (2 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.45 ม.

การให้ความช่วยเหลือ

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หน่วยทหาร อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิร่วมกตัญญู องค์เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 391,614 ชุด น้ำดื่ม 1,347,970 ขวด เต็นท์ 183 หลัง เรือท้องแบน 30 ลำ เรือไม้/เรือเหล็ก/เรือไฟเบอร์ 826 ลำ รถบรรทุกน้ำ 40 คัน รถแบ็คโฮ 10 คัน เครื่องสูบน้ำ 100 เครื่อง กระสอบทราย 820,730 ใบ รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน ห้องสุขาลอยน้ำ 70 ห้อง กำลังพล 4,796 คน สนับสนุนหญ้าแห้งอาหารสัตว์ 63,000 กก. มอบยาเวชภัณฑ์จำนวน 20,884 ชุด

4) จังหวัดสุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ (3 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.20-0.30 ม. อำเภอบางปลาม้า (7 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.50-0.90 ม. และอำเภอสองพี่น้อง (9 ตำบล) ระดับน้ำสูง 0.60-1.20 ม. ระดับน้ำลดลง

การให้ความช่วยเหลือ

จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 164,064 ชุด น้ำดื่ม 7,000 ขวด ยาเวชภัณฑ์จำนวน 1,000 ชุด กระสอบทราย 300,000 ใบ เครื่องสูบน้ำ 35 เครื่อง เรือท้องแบน 22 ลำ พล ร.9 และศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี จัดรถบริการรับส่งประชาชนและเรือท้องแบนให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบภัย

5) จังหวัดนครปฐม น้ำที่ระบายจากคลองพระยาบรรลือ คลองพระพิมล คลองบางเลน ไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางเลน (15 ตำบล) เทศบาลตำบลบางหลวง เทศบาลตำบลลำพญา และเทศบาลตำบลบางเลน ระดับน้ำสูง 0.60-1.40 ม. อำเภอนครชัยศรี (14 ตำบล) เทศบาลตำบลนครชัยศรี (ชุมชนริมคลองบางแก้วฟ้า และชุมชนคลองเจดีย์บูชา) อำเภอพุทธมณฑล (4 ตำบล) น้ำท่วมชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ ริมคลองโยง และริมคลองทวีวัฒนา และอำเภอกำแพงแสน (1 ตำบล ได้แก่ ตำบลห้วยม่วง

หมู่ที่ 1,10) ระดับน้ำสูง 0.30-0.45 ม.

การให้ความช่วยเหลือ

จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่

ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 31,406 ชุด เรือท้องแบน 93 ลำ เครื่องสูบน้ำ 44 เครื่อง กระสอบทราย 2,379,112 ใบ รถบรรทุก 2 คัน ชุดยาเวชภัณฑ์ 24,124 ชุด ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,692,134.40 บาท)

6) จังหวัดนนทบุรี น้ำยังท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรใน 4 อำเภอ ได้แก่อำเภอปากเกร็ด ยังมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำสูง 0.40-0.60 ม. ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากทุ่งเจ้าเจ็ดผ่านคลองพระยาบรรลือ และคลองพระพิมลยังมีพื้นที่น้ำท่วม 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอ ไทรน้อย อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางกรวย ระดับน้ำสูง 0.50-1.45 ม. ระดับน้ำลดลง (อำเภอเมืองฯ สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงมีน้ำท่วมในที่ลุ่มบางจุด และพื้นที่ที่ติดกับริมน้ำซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน)

การให้ความช่วยเหลือ

จังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 154 ลำ กระสอบทราย 1,768,495 ใบ เครื่องสูบน้ำ 169 เครื่อง เรือสุขา 3 ลำ ถุงยังชีพ 38,204 ชุด สร้างสะพานไม้ชั่วคราว 68 แห่ง กำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัย 1,379 นาย รวมทั้งช่วยเหลือด้านยารักษาโรค และจัดรถบริการรับส่งประชาชนและเรือท้องแบนให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบภัย

6. การให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย

6.1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้

(1) เครื่องจักรกล 153 คัน/เครื่อง เรือท้องแบน 142 ลำ รถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน เต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคราว 555 หลัง (อ่างทอง 177 หลัง พระนครศรีอยุธยา 142 หลัง สุโขทัย 20 หลัง นครสวรรค์ 50 หลัง อุตรดิตถ์ 70 หลัง น่าน 39 หลัง ชัยนาท 35 หลัง และ สิงห์บุรี 22 หลัง) เต็นท์อำนวยการ 15 หลัง บ้านน็อกดาวน์ 10 หลัง(เชียงใหม่) สะพานเบลี่ย์ 57 เมตร พร้อมเจ้าหน้าที่ 642 คน และสนับสนุนถุงยังชีพ 80,359 ชุด ไปปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย

(2) จ่ายเงินค่าจัดการศพ 235 ราย รายละ 15,000 บาท กรณีเป็นหัวหน้าครอบครัว รายละ 40,000 บาท เป็นเงิน 6,225,000 บาท (คงเหลือ 79 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ) ทั้งนี้จังหวัดที่ประสบภัยได้ใช้จ่ายเงินช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไปแล้ว 719.28 ล้านบาท

(3) จัดส่งถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ผ้าขาวม้า ผ้าถุง รองเท้ายาง ไปสนับสนุนจังหวัด

ที่ประสบภัย คิดเป็นมูลค่า 41,649,800 บาท

6.2 กรมชลประทาน ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยในฤดูฝนปี 2549 ทั่วประเทศ รวม 714 เครื่อง แยกเป็นเพื่อการเกษตร 344 เครื่อง การอุปโภคบริโภค 10 เครื่อง และช่วยเหลืออุทกภัย 360 เครื่อง นอกจากนี้ได้ส่งเครื่องผลักดันน้ำช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 31 เครื่อง แยกเป็นจังหวัดนนทบุรี 6 เครื่อง กรุงเทพมหานคร 14 เครื่อง สมุทรสาคร 6 เครื่อง นครปฐม 5 เครื่อง

กรมชลประทานได้เพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจากที่มีปริมาณไหลผ่านต่ำสุด 90 ลบ.ม./วินาที เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.49 เป็น 155 ลบ.ม./วินาที (ข้อมูลวันที่ 4 ธ.ค.49) เพื่อเจือจางน้ำเน่าเสียให้มีคุณภาพดีขึ้น

7. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 6 ธ.ค.49) โดยกรมชลประทาน

  • เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,180 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 98 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
  • เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 9,307 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 98 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
  • เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาตรน้ำในอ่างฯ 922 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 97 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด

8. สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ข้อมูลวันที่ 6 ธ.ค.49) โดยกรมชลประทาน

  • ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 568 ลบ.ม./วินาที
  • ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท 140 ลบ.ม./วินาที
  • ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 16 ลบ.ม./วินาที
  • ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 911 ลบ.ม./วินาที

9. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4,11,12 จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และพัทลุง เตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสภาพอากาศฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่อยู่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะ 2-3 วันนี้ (5-7 ธันวาคม 2549) เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในเขตความรับผิดชอบ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับจังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้น

ในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้น จัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที

10. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป