นายสัตวแพทย์ บุญเพ็ง สันติวัฒนธรรม นายกสมาคมผู้ผลิตและแปรรูปสุกรเพื่อการส่งออก เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกสุกรในขณะนี้ว่า การส่งออกเนื้อสุกรแปรรูปไปตลาดญี่ปุ่นมีแนวโน้มสดใส จากตัวเลขส่งออกไตรมาสแรกของปี 2550 นี้ ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นได้ 2,033 ตัน ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2549 ส่งออกได้ 1,644 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 23% ส่วนการส่งออกเนื้อสุกรสดแช่เย็นไปตลาดฮ่องกงไม่ค่อยสดใสนัก เนื่องจากฮ่องกงได้ออกระเบียบใหม่ว่า เนื้อสุกรสดแช่เย็นหรือแช่แข็งห้ามวางจำหน่ายบนเขียง โดยให้วางจำหน่ายในตู้แช่เย็นเท่านั้น รวมทั้งต้องแข่งกับเนื้อสุกรสดจากจีน ทำให้ไทยส่งเนื้อสุกรสดแช่เย็นไปตลาดฮ่องกงได้น้อยลง ส่งผลให้การส่งออกเนื้อสุกรโดยรวมในไตรมาสแรกชะลอตัวลง 7%
นายกสมาคมผู้ผลิตและแปรรูปสุกรเพื่อการส่งออก กล่าวว่า สมาคมฯ คาดว่าการส่งออกเนื้อสุกรของไทยในปี 2550 จะส่งออกได้รวม 12,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ 2549 ที่ส่งออกได้ 11,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้นราว 9% โดยจะเน้นไปที่ตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากมีความต้องการเนื้อสุกรแปรรูปมากขึ้น เพื่อทดแทนตลาดฮ่องกงที่ชะลอตัวลง สำหรับในอนาคตสมาคม ฯ จะพยายามเปิดตลาดส่งออกให้ได้มากขึ้น เช่น ตลาดสิงคโปร์ เกาหลีใต้ ยุโรป เป็นต้น และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สิงค์โปร์ได้เดินทางมาตรวจรับรองโรงงานสุกรแปรรูปของไทยไปแล้ว ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเดินทางมาตรวจโรงงานเพิ่มให้อีก
นายสัตวแพทย์ บุญเพ็ง ยังได้กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะจัดทำเขตปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย รวมทั้งจะกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยให้หมดจากประเทศไทยว่า เป็นนโยบายที่ดี ที่จะช่วยส่งเสริมการส่งออกเนื้อสุกรของไทยอีกทางหนึ่ง โดยขณะนี้กรมปศุสัตว์ได้จัดตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานจัดทำแผนยุทธศาสตร์ควบคุม ป้องกันและกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อย ซึ่งคณะกรรมการประกอบด้วยทั้งภาครัฐและเอกชน และได้มีการประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง ถ้าหากยุทธศาสตร์ดังกล่าวสามารถกำจัดโรคได้สำเร็จ เชื่อแน่ว่าจะเพิ่มการส่งออกจากปัจจุบันหลายเท่าตัว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาปัญหาโรคปากและเท้าเปื่อย ก่อให้ความเสียหายต่อภาคปศุสัตว์ของไทยในแต่ละปีคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท รวมทั้งทำให้ไทยสูญเสียโอกาสในการส่งออกเนื้อสุกรสดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น ที่เป็นตลาดนำเข้าเนื้อสุกรที่สำคัญของโลก ดังนั้นความหวังที่จะส่งออกเนื้อสุกรสดแช่แข็งไปตลาดญี่ปุ่น จึงจำเป็นต้องกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยในสุกรให้หมดไป