ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ ‘BBB+ (tha)’ ของหุ้นกู้มีประกันของ บมจ.วนชัย กรุ๊ป

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของหุ้นกู้มีหลักประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นของบริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ VNG ครั้งที่ 1/2546 ครบกำหนดไถ่ถอนเดือนมิถุนายน 2551 ที่ระดับ ‘BBB+(tha)’ หุ้นกู้ดังกล่าวมี ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และเครื่องจักรของบริษัทย่อยคือบริษัท วนชัย พาเนล อินดัสทรี่ส์ จำกัดจดจำนองไว้เป็นหลักประกัน อันดับเครดิตของหุ้นกู้สะท้อนถึงอันดับเครดิตของ VNG และมูลค่าของหลักประกันที่บริษัทได้จดจำนองให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ ความแข็งแกร่งทางด้านเครดิตของ VNG สะท้อนถึงความเป็นผู้นำทางด้านส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศของ บริษัท รวมถึงการเพิ่มระดับการผลิตแบบครบวงจรโดยที่บริษัทมีโรงงานผลิตกาวซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลัก และมีการขยายการผลิตไปสู่ผลิตภัณฑ์ขั้นต่อเนื่องของแผ่นเอ็มดีเอฟและแผ่นปาร์ติเกิ้ลซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนความสามารถในการทำกำไรของบริษัท นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงแนวโน้มการขยายตัวของการบริโภคแผ่นเอ็มดีเอฟและแผ่นปาร์ติเกิ้ลของตลาดในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม VNG ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบโดยผลกระทบดังกล่าวทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลงในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าต่อยอดขาย (EBITDAR Margin) ลดลงมาที่ระดับ 25% ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2548 จนถึง ไตรมาสที่3 ปี 2550 เทียบกับระดับ 35% ในปี 2547 นอกจากนี้ VNG ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาแผ่นเอ็มดีเอฟและแผ่นปาร์ติเกิ้ลซึ่งเกิดจากอุปทานส่วนเกินของตลาดแผ่นไม้เพื่อใช้ทดแทนไม้ธรรมชาติ (wood-based panel) ในภูมิภาคเอเชียและการแข่งขันที่รุนแรงของผู้ผลิตรายใหญ่ในภูมิภาค นอกจากนี้ VNG ยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทต่อเงินเหรียญสหรัฐที่มีผลกระทบเชิงลบต่อรายได้จากการส่งออก VNG มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 โดยเป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ของแผ่นเอ็มดีเอฟที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2549 และยังมีปัจจัยบวกจากราคาของแผ่นเอ็มดีเอฟที่สูงขึ้น กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR) เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 1.3 พันล้านบาท ในขณะที่ยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 อย่างไรก็ตาม VNG มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อ EBITDAR ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 3.0 เท่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2550 (เทียบกับ 3.3 เท่า ณ สิ้นปี 2549) ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้สินเพื่อใช้ในการขยายโรงงานแผ่นเอ็มดีเอฟ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 VNG ประกาศที่จะลงทุนขยายกำลังการผลิตโรงงานแผ่นเอ็มดีเอฟ ซึ่งต้องใช้งบลงทุน 2.7 พันล้านบาท โครงการใหม่จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตของแผ่นเอ็มดีเอฟขึ้นอีก 300,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยมีกำหนดแล้วเสร็จก่อนสิ้นปี 2552 ในขณะที่เงินลงทุนในโครงการใหม่นี้จะอยู่ในรูปเงินกู้ทั้งหมด อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อ EBITDAR น่าจะคงอยู่ในระดับสูงที่ 3.0-3.5 เท่า ต่อไปอีกในช่วงปี 2550-2552 สภาพคล่องของบริษัทยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ โดยมีส่วนสนับสนุนจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ระดับของเงินสดคงเหลือที่ประมาณ 1.0 พันล้านบาท และยังมีวงเงินคงเหลือที่สามารถเบิกถอนได้จากสถาบันการเงินอีก 660 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2550 อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหาก VNG มีการลงทุนใหม่ที่ต้องใช้การระดมทุนในรูปเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นซึ่งมีผลให้ระดับของอัตราส่วนหนี้สินเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปัจจัยดังกล่าวอาจมีผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้ ในทางกลับกันการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของหนี้สินสุทธิอย่างต่อเนื่องและความสามารถในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อ EBITDAR ที่ต่ำกว่า 2.0 เท่า จะส่งผลกระทบในทางบวกต่ออันดับเครดิตของ VNG VNG และบริษัทย่อยในกลุ่ม เป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายแผ่นเอ็มดีเอฟและแผ่นปาร์ติเกิ้ลในประเทศ โดยมีกำลังการผลิตแผ่นเอ็มดีเอฟอยู่ที่ 480,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และแผ่นปาร์ติเกิ้ลอยู่ที่ 900,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี VNG มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ กลุ่มตระกูลสหวัฒน์ และตระกูลเจริญนวรัตน์ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 66% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้ ติดต่อ: วสันต์ ผลเจริญ, โสมสิริ ชฎาวัฒน์, Vincent Milton, + 662 655 4755

ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ฟิทช์ เรทติ้งวันนี้

BAFS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.75 - 5.10% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อแก่ "สถาบัน-รายใหญ่" วันที่ 9 - 14 พ.ค. นี้ รองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต

BAFS เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [ 4.75 5.10 ] % ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ "BBB (tha)" จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ คาดจองซื้อระหว่างวันที่ 9 และ 13 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative; RWN) ของอันดับเครดิต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท...