อิงเกลไฮม์--28 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์ – เอเชียเน็ท / อินโฟเควสท์
หลังจากที่ได้เปิดเผยผลการทดสอบขั้นที่ 2 ของยา Linagliptin ไปเมื่อช่วงต้นปี บัดนี้บริษัท โบริงเกอร์ อิงเกลไฮม์ (Boehringer Ingelheim) ขอประกาศบทสรุปของการทดลองในขั้นที่ 3 โดยบริษัทขอยืนยันว่าข้อมูลแรกที่ได้จากการทดลองขั้นที่ 3 สนับสนุนผลการทดสอบในขั้นที่ 2 ที่ระบุว่ายา Linagliptin มีประสิทธิภาพในการลดปริมาณ haemoglobin A1c (HbA1c) (-0.73%, 5 mg dose) ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็มีความปลอดภัยเทียบเท่ากับยา placebo (ยาที่มีผลทางจิตใจแต่ไม่มีฤทธิ์ในการรักษา)
Linagliptin เป็นยาตัวหนึ่งในตระกูลยาต้าน DPP-4 และถูกพัฒนาให้เป็นยารับประทานวันละครั้งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และสำหรับการทดลองขั้นที่ 3 นี้เป็นการทดลองในผู้ป่วยกว่า 4,000 คน ใน 40 ประเทศทั่วโลก โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา Linagliptin เมื่อใช้เพียงตัวเดียวและเมื่อใช้ร่วมกับยารักษาโรคเบาหวานอื่นๆ อาทิ Metformin, Sulfonylurea และ Thiazolidinedione (TZD) ทั้งนี้ โปรแกรมการทดสอบยา Linagliptin ประกอบด้วยการศึกษาในระยะยาวรวมถึงการศึกษาเพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยา Linagliptin ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะไตทำงานบกพร่องร่วมด้วย โดยรายละเอียดทั้งหมดของการทดสอบขั้นที่ 3 จะได้รับการเปิดเผยในการประชุมวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติหลายการประชุมนับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
ศจ.แอนโทนี บาร์เน็ตต์ ผู้อำนวยการแผนกโรคเบาหวานและโรคต่อมไร้ท่อ จาก Heart of England NHS Foundation Trust ในเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร กล่าวว่า “ทุก 10 วินาทีจะมีผู้ป่วย 1 คนเสียชีวิตจากอาการที่เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ดังนั้นการวิจัยต้องเน้นไปที่การรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงโรคข้างเคียงที่เกิดจากเบาหวาน และยับยั้งไม่ให้โรคทวีความรุนแรงขึ้น ส่วนยาสำหรับรักษาก็ต้องทานง่าย มีประสิทธิภาพในการต้านทานสูง ไม่ทำให้ประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ยาหลายตัวพร้อมกัน และไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างน้ำหนักขึ้นหรือระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งสำหรับผมยาต้านกลุ่ม DPP-4 เป็นการรักษารูปแบบใหม่ที่ดีกว่ายาแบบเดิมที่เคยใช้กันมา”
“สำหรับการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การช่วยให้ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ต้องทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวด้วย แต่ยาที่ใช้รักษาในปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในระยะยาวได้ นอกจากนั้นยังอาจมีผลข้างเคียงอย่างภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำด้วย ในขณะเดียวกันยารักษาต้องป้องกันมิให้เกิดโรคแทรกซ้อนในระยะยาวซึ่งมักพบมากในผู้ป่วยโรคเบาหวานขั้นรุนแรง และต้องรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่นร่วมด้วยอย่างภาวะไตทำงานบกพร่องได้ด้วย” ศจ.คลอส ดูกี หัวหน้าฝ่ายองค์กรการแพทย์สัมพันธ์ จากโบริงเกอร์ อิงเกลไฮม์ กล่าว “จนถึงตอนนี้ข้อมูลแรกจากการทดสอบขั้นที่ 3 บ่งชี้ว่ายา Linagliptin จะช่วยให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้ และการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการทดลองอย่างละเอียดจะช่วยให้เราทราบถึงประสิทธิภาพทั้งหมดของยา Linagliptin ในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2”
แม้การรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะมีความก้าวหน้ากว่าเดิมมาก แต่ผู้ป่วยโรคนี้ก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ปัจจุบันคาดว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานราว 250 ล้านคนทั่วโลก และสำหรับประเทศพัฒนาแล้วโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่พบมากที่สุดถึง 95% ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด และในแต่ละปีมีผู้ป่วยถึง 3.8 ล้านคนทั่วโลกที่ต้องเสียชีวิตจากโรคร้ายนี้
สามารถดูข่าวประชาสัมพันธ์ชิ้นเต็มได้ที่ http://www.boehringer-ingelheim.com/corporate/news/press_releases/detail.asp?ID=6935
(ด้วยความยาวของ URL ข้างต้น ท่านอาจต้อง copy และ paste ลิงค์ดังกล่าวลงในช่องใส่ URL address บนอินเทอร์เน็ตบราวเซอร์โดยไม่ต้องเว้นวรรค)
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ที่
แหล่งข่าว: โบริงเกอร์ อิงเกลไฮม์ จีเอ็มบีเอช
-- เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net ) --
Boehringer Ingelheim Unveils "Going Beyond" Study to Strengthen the Veterinary Profession in Thailand
Boehringer Ingelheim progresses toward sustainability goals through key initiatives across ASEAN including Thailand, South Korea, Australia, and New Zealand