สยามดิสคัฟเวอรี่ สร้างปรากฎการณ์พลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ ผุด 3 World Class Magnets มูลค่า 1,000 ล้านบาท สุดยอดอลังการ

18 Jan 2010

กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--สุพรีโม

สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน เผยแผนปรับโฉมสยามดิสคัฟเวอรี่ครั้งยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำศูนย์การค้าที่เสนอความแปลกใหม่ไม่ซ้ำแบบใครภายใต้แนวคิด The Ultimate Lifestyle & Entertainment Shopping Complex พร้อมต้อนรับ เมอร์ลิน เอ็นเทอร์เทนเมนต์ บริษัทผู้บริหารสถานที่ท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของโลก สร้างสรรค์ “พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซกรุงเทพฯ” แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ด้วยงบลงทุนสูงกว่า 500 ล้านบาท นอกจากนี้ สยามดิสคัฟเวอรี่จะเปิดตัว Magnet ใหม่ยิ่งใหญ่ คือ

“ไอซ์ แพลนแนท” (Ice Planet) ลานสเก็ตน้ำแข็งมูลค่า 180 ล้านบาท สุดล้ำทันสมัยด้วยเทคโนโลยีมาตรฐานโอลิมปิค และ Multi Purpose Hall ระดับพรีเมี่ยม 1,500 ตารางเมตร ลงทุน 50 ล้านบาท รองรับงานอีเวนท์สไตล์เอ็กซ์คลูซีฟ เตรียมทุ่มอีก 300 ล้านบาท แปลงโฉมการตกแต่งภายนอกและภายในอาคารใหม่ รวมทั้งเนรมิตสถาปัตยกรรมด้านหน้าตึกด้วยวิศวกรรมเทคโนโลยีไฮเทคระดับโลก ด้วยวัสดุ ETFE สร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ Shopping Street แห่งกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มดำเนินการในมีนาคม พร้อมเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนตุลาคมนี้

นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า “สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็น Lifestyle & Entertainment Shopping Complexแห่งแรกของประเทศไทย เปิดให้บริการในปี 2540 นำเสนอร้านค้าและบริการที่ไม่เปิดในศูนย์การค้าอื่นๆ โดยรวบรวมความหลากหลาย ทั้งแบรนด์เนมไทยและสินค้าดีไซน์แปลกใหม่จากต่างประเทศ ซึ่งมีเอกลักษณ์และแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดเป็นอิสระ และเป็น Tourist Destination ติดอันดับยอดนิยมแห่งหนึ่งในเอเชียมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”

“ด้วยสยามดิสคัฟเวอรี่มีนโยบายในการมุ่งมั่นเสนอความแปลกใหม่ก้าวล้ำเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้ามาโดยตลอด บริษัทจึงได้เตรียมวางแผนตั้งแต่ต้นปี 2552 เพื่อปรับโฉมสยามดิสคัฟเวอรี่ครั้งใหญ่ให้ทันรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยและของโลกที่จะเริ่มฟื้นดีขึ้น ทั้งในด้านรูปลักษณ์การตกแต่งภายนอกและภายในตัวอาคาร รวมทั้งการดึงพันธมิตรใหม่เข้ามาเป็น Anchor Tenants ถึง 3 ราย บนบริเวณ ชั้น 6-8 ของสยามดิสคัฟเวอรี่ รวมพื้นที่ถึงกว่า 8,000 ตร.ม.สร้างเป็นจุดหมายใหม่ในการเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งเอ็นเตอร์เทนต์เมนท์ และไลฟ์สไตล์ระดับโลกของทั้งลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ” นางชฎาทิพ กล่าวย้ำ

สยามดิสคัฟเวอรี่ พลิกโฉมครั้งสำคัญ พร้อมผุด 3 Magnet ยิ่งใหญ่ ไม่ซ้ำใคร แผนการปรับเปลี่ยนสยามดิสคัฟเวอรี่ ประกอบด้วย World Class Magnet บนชั้น 6-8 ได้แก่

1. สุดยอดอลังการ “พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซกรุงเทพฯ” ต้นตำรับของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของโลก แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมอร์ลิน เอ็นเทอร์เทนเมนต์ บริษัทผู้บริหารสถานที่ท่องเที่ยวรายใหญ่อันดับสองของโลก ประกาศทุ่มงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท เนรมิต “พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซกรุงเทพฯ” บนชั้น 6-7 ของสยามดิสคัฟเวอรี่ รวมพื้นที่กว่า 3,000 ตร. ม. โดยนับเป็นพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซแห่งที่ 10 ของโลก และแห่งที่ 3 ในเอเชียต่อจากพิพิธภัณฑ์ในเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ซึ่ง“พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซกรุงเทพฯ” จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้ประสบการณ์ตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ที่จะต้องไม่พลาดโอกาสในการเข้าชมอย่างแน่นอน ด้วยฝีมือของนักประติมากรรมระดับโลกของพิพิธภัณฑ์ที่สร้างสรรค์หุ่นขี้ผึ้งที่ดูเสมือนมีชีวิตจริง และการจัดแสดงไฮไลท์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่ไม่มีรั้วหรือราวกั้นระหว่างตัวหุ่นและผู้เข้าชม ทำให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสใกล้ชิด หรือถ่ายภาพกระทบไหล่กับคนดังทั้งระดับโลก และคนดังของไทยอย่างไม่เคยมีสถานที่ใดทำได้มาก่อน

“พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซกรุงเทพฯ” จะถูกสร้างสรรค์ให้สวยงามและทันสมัยที่ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสหุ่นคนดังที่ชื่นชมได้อย่างใกล้ชิด โดยจะมีหุ่นขึ้ผึ้งจำนวนมากถึง 70 หุ่น ประกอบด้วยหุ่นคนดังระดับโลก อาทิ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ประธานาธิบดี บารัค โอบามา และ บียองเซ่ โนวส์ รวมทั้งคนดังชาวไทยจากหลากหลายวงการ อาทิ แพนเค้ก- เขมนิจ จามิกรณ์ และ สมบัติ เมทะนี เป็นต้น โดยจะเริ่มก่อสร้างเดือนมีนาคม พร้อมเสร็จสมบูรณ์เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ในเดือนกันยายนนี้

นางชฎาทิพ ได้กล่าวเสริมว่า “การลงทุนสร้างพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซกรุงเทพฯ โดยเมอร์ลิน เอนเทอร์เทนเมนต์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก นับเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งของสยามพิวรรธน์ ที่สามารถดึงเงินลงทุนต่างชาติจำนวนมหาศาลถึง 500 ล้านบาทเข้ามาสู่ประเทศ ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนไทยอีกจำนวนมาก และที่สำคัญเป็นการตอกย้ำว่ากรุงเทพมหานครยังเป็น Tourist Destination ที่แข็งแรง การเปิด ‘พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซกรุงเทพฯ’ ครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างเต็มที่ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทย รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนต่างชาติว่า กรุงเทพฯ และประเทศไทย มีศักยภาพสูงด้านการเป็นแหล่งลงทุนที่มีความน่าดึงดูดและพร้อมในทุกๆ ด้าน ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย”

เกลน เอียร์แลม กรรมการผู้จัดการของเมอร์ลิน เอนเทอร์เทนเมนต์มิดเวย์ กล่าวว่า “เรายินดีที่จะได้เปิดพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซในกรุงเทพมหานคร เมืองท่องเทียวที่มีความพิเศษ เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา ที่ทำให้เรามีแรงบันดาลใจหลากหลายในการสร้างพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซกรุงเทพฯ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพิเศษที่สุดให้แก่มหานครที่สุดพิเศษแห่งนี้”

2. “ไอซ์ แพลนแนท” : เหนือกว่าอีกขั้นด้วยที่สุดแห่งความทันสมัยของลานสเก็ตน้ำแข็ง กับเทคโนโลยีไฮเทคระดับคณะดิสนีย์ออนไอซ์ ใจกลางกรุงเทพฯ

นายธนากร กัลยาณมิตร ประธานบริหารบริษัท ไอซ์ แพลนแนท (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของธุรกิจไอซ์สเก็ตติ้งกล่าวว่า “บริษัทฯ ได้ลงทุนกว่า 180 ล้านบาท สร้างลานสเก็ตน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองพื้นที่รวมขนาดกว่า 2,000 ตร.ม. บนพื้นที่ชั้น 8 ของสยามดิสคัฟเวอรี่ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับกีฬาไอซ์สเก็ตติ้งในประเทศไทยให้เทียบระดับนานาชาติ ด้วยการนำเข้าเทคโนโลยีล่าสุดของโลก ด้านการผลิตน้ำแข็งคุณภาพยอดเยี่ยมระดับมาตรฐานโอลิมปิค เหมาะสำหรับการแข่งขันกีฬา พร้อมเตรียมเปิดโรงเรียนสอนฟิกเกอร์สเก็ต (Figure Skating) โดยทีมโค้ชระดับมืออาชีพจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานของโชว์ “ดิสนีย์ออนไอซ์” อันโด่งดังทั่วโลก ทั้งนี้ ไอซ์แพลนแนท ยังได้ประสานงานเพื่อร่วมมือกับองค์กรและสมาคมทั้งระดับนานาชาติและภูมิภาค เพื่อร่วมเป็นหนึ่งในสนาม แข่งขันกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตระดับนานาชาติ รวมทั้งดึงทัวร์นาเม้นท์สำคัญระดับโลกให้มาแข่งขันที่ประเทศไทยต่อไป”

โดย “ไอซ์สเก็ตติ้ง ริงก์” นับเป็นเทรนด์ใหม่ที่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในหมู่วัยรุ่นที่ชอบความท้าทาย กลุ่มเยาวชนรักกีฬาที่ชอบแสดงความสามารถและจินตนาการ รวมไปถึงกลุ่มคนทำงานที่ต้องการกิจกรรมหลังเลิกงานด้วยร่วมสังสรรค์ในบรรยากาศที่สนุกสนานแตกต่าง และหาไม่ได้จากสถานที่อื่นๆ ครบทั้งกลุ่มครอบครัวที่จะมาสนุกสนานร่วมกัน โดยบริษัทฯ เตรียมก่อสร้างในเดือนเมษายน และ คาดว่าจะดำเนินการเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมปีนี้ เพื่อต้อนรับเทศกาลปิดเทอมของนักเรียนและนักศึกษา และคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการประมาณ 1,000 คน ในวันธรรมดา และ 2,000 ในวันหยุด

3 Multi-Purpose Hall: เอ็กซ์คลูซีฟฮอลล์ ระดับพรีเมี่ยมกลางใจเมือง

นอกจากผู้เช่ารายใหญ่ที่จะสร้างปรากฏการณ์เป็น World Class Magnet สำคัญดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่สยามดิสคัฟเวอรี่เพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาลแล้วนั้น สยามพิวรรธน์จะสร้าง Multi-Purpose Hall ขนาด 1,500 ตร. ม. บนชั้น 7 ของสยามดิสคัฟเวอรี่ ด้วยเงินลงทุน 50 ล้านบาท และได้มอบหมายให้ บริษัท รอยัล พารากอน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เป็นผู้บริหารจัดการ

โดยนายอรุณ เทง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท รอยัล พารากอน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ได้กล่าวว่า “Multi-Purpose Hall แห่งใหม่ล่าสุดนี้ นับเป็นการเติมเต็มช่องว่างทางการตลาด MICE ในย่านใจกลางเมืองที่ยังขาดอยู่ ซึ่งผู้จัดงานก็พยายามที่จะหาสถานที่จัดงานแห่งใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานอีเว้นท์ในลักษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งต้องการพื้นที่สมบูรณ์แบบ มีฟังก์ชั่นครบถ้วน ดีไซน์ที่สง่างาม และมีขนาดพอเหมาะ ในทำเลที่เดินทางได้อย่างสะดวกสบายที่สุด ซึ่ง Multi-Purpose Hall แห่งนี้จะสามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วนทุกความต้องการ โดยดีไซน์ภาพรวมของภายในฮอลล์จะเน้นที่ความเรียบ เท่ห์ มีสไตล์ พร้อมตกแต่งด้านนอก บริเวณ Foyer รับแขกให้ดูโปร่ง โอ่โถง และมีลานภายนอกอาคารเชื่อมต่อกัน ทำให้สามารถจัดงานในลักษณะ indoor และ outdoor ได้พร้อมๆ กัน ได้ชมทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครในยามราตรีได้อย่างสวยงาม มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าผู้จัดงานประเภทไลฟ์สไตล์ อาทิ แฟชั่นโชว์ นิทรรศการศิลปะ งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม งานแถลงข่าว เอ็กซ์คลูซีฟคอนเสิร์ต รวมถึงกิจกรรม Meet & Greet ศิลปินดังทั้งของไทยและต่างประเทศ และงานประชุมสัมมนานาชาติ

อีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯ มีทีมงานระดับมืออาชีพ และประสบการณ์การบริหารงาน “รอยัล พารากอน ฮอลล์” ที่ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง เข้ามาบริหารให้ Multi-Purpose Hall บนชั้น 6A สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็น เอ็กซ์คลูชีฟ เวอนู (Exclusive Venue) ที่มีเอกลักษณ์สมบูรณ์แบบเหนือกว่าใครได้อย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าจะเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคมนี้”

ทั้งนี้ นอกเหนือจาก World Class Magnet ที่พร้อมจะสร้างความยิ่งใหญ่สมบูรณ์แบบให้กับสยามดิสคัฟเวอรี่แล้ว สยามดิสคัฟเวอรี่จะปรับเปลี่ยนร้านค้าและบริการ รวมทั้งเพิ่มร้านอาหารภายในมากถึง 20% เพื่อต้อนรับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและกลุ่มครอบครัว ที่จะมีเพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาล โดยจะมีร้านเปิดใหม่ อาทิ ร้าน Marc by Marc Jacobs ในรูปแบบ Flagship Store แห่งแรกของกรุงเทพมหานคร และ ร้าน ลอฟท์ ร้านสเปเชียลตี้ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ที่จะขยายพื้นที่ร้านเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ตร.ม. นับเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนชั้น 4-5 สยามดิสคัฟเวอรี่ รวมถึง ร้านค้าต่างๆ ที่จำหน่ายสินค้าเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่เตรียมเปิดอีกมากมาย

ทุ่ม 300 ล้านบาท เนรมิตสถาปัตยกรรมสุดล้ำ แลนมารค์แห่งใหม่ของมหานครกรุงเทพ

การพลิกโฉมครั้งสำคัญของสยามดิสคัฟเวอรี่นี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนงบประมาณมากถึง 300 ล้าน ในการเปลี่ยนแปลงและตกแต่ง ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของศูนย์ฯ และสอดรับกับดีไซน์ของผู้เช่าระดับ World Class Magnet ใหม่อีกด้วย โดยบริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนการตกแต่งภายในตั้งแต่ชั้น 6 – 8 รวมพื้นที่กว่า 8,000 ตร.ม. ซึ่งออกแบบโดย นายดวงฤทธิ์ บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดวงฤทธิ์ บุนนาค จำกัด

นอกจากนี้ บริเวณภายนอกของอาคารสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้เนรมิต Fa?ade ด้านหน้าของศูนย์ฯ ด้วยสถาปัตยกรรมสุดอลังการ สูงขนาดตึก 8 ชั้น ครอบคลุมตั้งแต่ด้านหน้าอาคารจนถึงลิฟท์แก้วที่อยู่ติดกับฝั่งถนนพระรามที่ 1 ออกแบบโดย บริษัท ดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยใช้วัสดุ “ETFE” ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับยานอวกาศ มีน้ำหนักเบา สวยงามเหมือนแก้ว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ทนทานต่อรังสีอัลตร้าไวโอเลต และมลภาวะต่างๆ นำมาหุ้มโครงเหล็กรูปทรง Prism พร้อมบรรจุหลอดไฟ LED ด้านในเพื่อให้แสงสีต่างๆ อย่างสวยงามตระการตา ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยวัสดุ ETFE นั้นเป็นเทคโนโลยีล่าสุด โดยบริษัท Vector Foiltec ประเทศเยอรมัน ซึ่งปัจจุบันอาคารที่มีชื่อเสียงหลายแห่งในมหานครชั้นนำระดับโลกได้เริ่มก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีนี้ อาทิ วอเตอร์ คิวบ์ ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน BMW Welt และ Alliance Arena ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน ซึ่งสยามดิสคัฟเวอรี่จะเป็นอาคารแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้วัสดุเทคโนโลยีสุดไฮเทค อันเป็นสุดยอดของนวัตกรรมและวิศวกรรมโครงสร้างระดับโลกอย่างแท้จริง โดย Fa?ade ของสยามดิสคัฟเวอรี่จะเป็นศิลปะแนว Abstract สมัยใหม่ สะท้อนภาพลักษณ์ศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ระดับโลก สร้างเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของกรุงเทพมหานครที่สวยงาม เด่นตระหง่าน บนสี่แยกปทุมวัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Shopping Street ชั้นนำระดับโลกของประเทศไทยอย่างเต็มภาคภูมิ

มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมเสริมฐานกลุ่มครอบครัวคนไทย

ด้วยส่วนผสมของร้านค้าและ Magnet ใหม่ๆ ของสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่มีความหลากหลายและครบวงจรมากยิ่งขึ้น บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะดึงดูดลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและขยายฐานลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ที่ต้องการเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดคนดังกับ “พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซกรุงเทพฯ” และกลุ่มครอบครัวที่มีกำลังซื้อระดับ A - B ขึ้นไปที่เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงกลุ่มเยาวชนที่จะมาสนุกสนานกับลานสเก็ตน้ำแข็งแห่งใหม่อีกด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากการปรับโฉมของสยามดิสคัฟเวอรี่เสร็จสมบูรณ์ ทั้งส่วนของตัวอาคารและ World Class Magnet บนชั้น 6-8 แล้ว จะส่งผลให้มีจำนวนลูกค้าหมุนเวียน (ทราฟฟิก) เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกวันละ 20,000 คน หรือ 25 % จาก Traffic เดิม โดยคิดเป็นสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 60 % และชาวต่างชาติ 40 %

“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนตุลาคมนี้ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงศักยภาพของศูนย์ฯ ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่พร้อมจะร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ พัฒนาวงการค้าปลีกไทยให้ก้าวสู่ระดับเอเชีย และระดับโลกอย่างยิ่งใหญ่ต่อไป” ชฎาทิพ กล่าวสรุป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์

สิรีธร นิยมเสน โทร. 0-2685-1000 ต่อ 234

นลินี เรืองวิทยานุกูล โทร. 0-2658-1000 ต่อ 197

E- mail : [email protected]

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net