ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 2 “นพ.สุภกร บัวสาย” กับภารกิจขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย

นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หนึ่งในเครือข่ายสถาบันทางปัญญา ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย” ถึงการขับเคลื่อน “ปฏิรูปประเทศไทย เพื่อสุขภาวะคนไทย” ที่มีเป้าหมายเพื่อร่วมกันหาทางออกให้กับปัญหาวิกฤติของประเทศ ตลอด 1ปีที่ผ่านมา และเป้าหมายต่อไปในอนาคต เจ้าภาพกิจกรรมทางวิชาการปฏิรูปประเทศไทย นพ.สุภกร: เคยมีคนถามเหมือนกันว่าตกลงปฏิรูปประเทศไทย ใครเป็นเจ้าของ จะให้ศ.นพ.ประเวศ วะสี เป็นเจ้าของหรือไม่ หมอประเวศ ก็บอกว่าไม่ใช่ เรื่องนี้ถ้าให้ใครเป็นเจ้าของจะมีปัญหา เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง เรื่องนี้ถ้าไม่มีใครคนสนใจเราก็เลิก ถ้ามีสนใจเข้าร่วมกันทุกคนก็เป็นเจ้าของร่วมกันไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ที่ไปที่มาโครงการฯ และความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปประเทศไทย นพ.สุภกร: โครงการปฏิรูปประเทศไทยได้เกิดขึ้นมาเพราะหลายๆคนคิดตรงกันว่า บ้านเมืองกำลังเจอปัญหาที่ลำบาก หลายปีที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายๆคนคงคิดตรงกันเมื่อมีความยากลำบากย่ำแย่หาทางออกไม่ได้แล้วใครจะหาทางออกได้บ้าง ซึ่งมีอยู่แนวคิดหนึ่งคือไปหาผู้มีอำนาจหรือว่ารัฐบาลที่น่าจะเข้ามากอบกู้สถานการณ์สร้างความสมานฉันท์ จากที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่ารัฐบาลมีข้อจำกัด คนที่อยู่ในวงการการเมืองเองมีข้อจำกัด ต่างก็พยายามทำในสิ่งที่ทำได้ แต่ก็ไม่เห็นทางออก โชคดีในช่วงปีเศษที่ผ่านมาเหตุการณ์ในภาพใหญ่ของบ้านเมืองลดความรุนแรงลง แต่ไม่ได้หมายความว่าปมปัญหาทั้งหลายของชาติได้รับการแก้ไขคลี่คลายลงไป ทบทวนดูแล้วสิ่งที่เป็นสาเหตุหรือปัญหาของทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ปัญหาการเมือง ปัญหาของนักการเมืองไม่ได้จำเป็นเสมอไปที่จะตรงกับปัญหาที่ประชาชน สังคมกำลังเดือดร้อนอยู่ ตรงนี้มีความผูกพันกับโครงสร้างความขัดแย้งกับสังคมมากกว่าแค่การเมือง ตอนแรกก็ตั้งวงคุยกันเล็กๆโดยหมอประเวศ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่หลายคนเคารพนับถือ คุยว่าถ้าจะปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่หรือครั้งที่ 3 ถ้าเราไปบอกว่า ปฏิรูปการเมือง คือ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็หมายความว่าทำไปแล้ว 2 ครั้ง ถ้าจะทำครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 จะได้ผลหรือไม่ จึงเห็นตรงกันว่า ถ้ามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ ปฏิรูปการเมืองโดยรัฐธรรมนูญคงจะไม่ใช่ทางออกและผู้มีอำนาจก็อาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เสมอไป จากกลุ่มคนที่ได้พูดคุยปรึกษาคิดว่าคงต้องเชิญหมอประเวศ มาเป็นผู้ใหญ่เป็นประธานเสวนาน่าจะดีเพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคารพนับถือจากคุยกันทุก 2 สัปดาห์ในช่วงระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา มีคนให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมประชุมมากขึ้น 1 ปีที่ได้มีการทำงานขับเคลื่อนอะไรไปแล้วบ้าง นพ.สุภกร: สำหรับวัตถุประสงค์ที่วางไว้ในปีแรก คือ เรื่องการปฏิรูปประเทศไทยมีคนให้ความสนใจและเข้ามาร่วมเสวนาร่วมคุยกัน ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในขั้นหนึ่ง ทุกครั้งที่ประชุมจะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญระดับชาติ บางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่นักการเมืองสนใจมากนัก เพราะไม่ได้หยิบยกปัญหาทางการเมืองมาแต่หยิบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ตอนที่คุยกันครั้งแรกๆ มีความเห็นที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสนใจผู้ที่มาคุย คนที่เข้ามาเป็นกลุ่มแรกๆ คือ กลุ่มคนที่มาจากสถาบันการศึกษา นักวิชาการ หลังจากนั้นจะมีผู้นำชุมชน ผู้ที่ปฏิบัติงานในท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญ หัวหน้าเครือข่าย ผู้แทนเครือข่ายต่างๆ ซึ่งมีความหลากหลายมากขึ้น จึงยากที่จะฟันธงว่าจะคุยประเด็นปฏิรูปเรื่องอะไร ดังนั้นหมอประเวศจึงวางโครงไว้ให้ว่าน่าจะคุยกัน 10 เรื่องใหญ่นี่คือมิติหนึ่งว่ากำลังปฏิรูปอะไร โจทย์ใหญ่และสำคัญของการปฏิรูปประเทศไทย นพ.สุภกร: หมอประเวศได้ใช้รูปพระเจดีย์ขึ้นมาเป็นภาพให้เห็นว่า การปฏิรูปประเทศไทยควรให้ความสำคัญ 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่ ตัวฐานของพระเจดีย์ คือ องค์กร ชุมชนต่างๆ ประชาชน องค์พระเจดีย์ คือ การเชื่อมโยงระบบต่างๆ และยอดเจดีย์ คือ จิตสำนึกของประชาชนแต่ละคน ขั้นตอนแรกต้องทำความรู้ให้มีความชัดเจนก่อน ในช่วงแรกจะมีงานวิชาการเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญ จากนั้นก็ขยายความรู้ไปสู่การมีส่วนร่วมของบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ละเรื่องทั้ง10 เรื่อง ความรู้ความเข้าใจของคนที่สนใจจะนำไปสู่การผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินในระดับรัฐบาลหรือรัฐสภาต่อไป แต่ตรงนั้นยังไปไม่ถึงส่วนนี้เรียกว่าองค์พระเจดีย์ ส่วนที่จะปฏิรูปต่อไปคือฐานพระเจดีย์ ประชาชนที่อยู่ตามท้องถิ่นชุมชนต่างๆ ตรงนี้ในปีแรกยังลงไปไม่ถึงมากนัก แต่ว่าได้เริ่มและมีการทำงานในท้องถิ่นหลายกรณี เช่น การฟังเสียงประชาชนโดยกระบวนการประชาเสวนา หรือ Citizen Dialogue เป็นกระบวนการที่เน้นคุณภาพการฟังเสียงประชาชนให้ชัดเจนมากกว่าเรื่องการสำรวจโพล มีการแลกเปลี่ยนกันในวงเสวนา เป็นกระบวนการลงไปทำงานกับประชาชนในท้องถิ่น หรือบางเรื่องก็เริ่มทำในระดับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรประชาชนแล้ว ถ้าเราปฏิรูปเฉพาะตัวระบบตัววิชาการมาผลักดัน ชวนนักการเมืองมาทำใช้อำนาจรัฐมาผลักดันก็ไม่ยั่งยืน การเข้าไปร่วมงานให้เกิดประเด็นปฏิรูปในพื้นที่ เช่น อาจจะไปชวนตั้งคำถามว่าจะทำให้จังหวัดของแต่ละคนน่าอยู่ที่สุดจะทำอย่างไร คำถามอย่างนี้ถ้าทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมช่วยกันตอบ มีวิสัยทัศน์เพื่อจะให้จังหวัดของเขาเป็นอย่างไรก็จะเกิดการเรียนรู้มีทิศทางร่วมกัน เมื่อเอาทุกจังหวัดรวมกันทั้ง 76 จังหวัดก็คือประเทศไทย นี่คือโจทย์ใหญ่ของการปฏิรูปว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยน่าอยู่ที่สุด อีกระดับหนึ่งคือ ยอดเจดีย์ ซึ่งก็คือจิตสำนึกของประชาชน จากที่ได้เสวนาร่วมลงมือทำถ้าไม่ซึมลึกลงไปในจิตสำนึกก็ไม่เกิดสัมมาทิฐิ คือ อยากให้คนอื่นมาทำให้แต่ตัวเองไม่รู้ว่าจะปฏิรูปอย่างไรต้องเปลี่ยนแปลงความคิดอย่างไร ถ้าทำให้คนไทยส่วนใหญ่ได้กลับมาถามตัวเองว่า ถ้าจะทำให้ประเทศไทยน่าอยู่ที่สุดตัวเองจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะทำให้การปฏิรูปครบทั้ง 3 ระบบ ทั้งระดับฐาน องค์พระเจดีย์ และยอดเจดีย์ วางเป้าหมายการขับเคลื่อนในปี 2553 อย่างไร นพ.สุภกร:ปี 2553 จะเพิ่มเรื่องของความเข้มข้นในระดับของฐานพระเจดีย์มีการทำงานกับพื้นที่ต่างๆมากขึ้น ทั้ง10 ระบบคงมีความก้าวหน้าถึงแนวทางของการปฏิรูป มีทิศทางของแต่ละระบบมากขึ้นพอเกิดความพร้อมทั้งหลาย การรณรงค์ของจิตสำนึกก็จะเป็นขั้นตอนต่อไป ส่วนสาเหตุที่ไม่เอาเรื่องการรณรงค์มาทำก่อน เพราะว่าการรณรงค์โดยการใช้สปอร์ตโฆษณาต่างๆหรือสื่อเป็นหลักมีให้เห็นมากแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า การไปลงทุนทางด้านสื่อการทำสปอร์ตโฆษณาไม่ดี แต่จะทำอย่างไรทั้งที่จิตสำนึกของจริงไม่มีก็จะไม่เกิดผล ก็ได้เตรียมการให้คนที่ทำงานด้านการปฏิรูปในระบบต่างๆ มีตัวมีตนจริง มีการขับเคลื่อนความก้าวหน้าไปพอสมควร เมื่อถึงตอนนั้นการรณรงค์ด้านจิตสำนึกก็ทำได้โดยที่มีของจริงมีคณะทำงานของแต่ละเรื่องจริงมีชุมชนขานรับ นี่คือขั้นตอนต่อไป ปฏิรูปประเทศไทยทั้ง 10 โจทย์ใหญ่ จะใช้เวลากี่เดือนกี่ปี นพ.สุภกร: ถ้าถามว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ ก็ไม่ได้นึกถึงมิติของเวลา เรื่องนี้ก็ทำไปได้เรื่อยๆ มีบางท่านในที่ประชุมพูดเล่นๆว่า น่าจะใช้เวลา 10 ปี แต่ 10 ปีไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นผลอะไรเลย แต่ความสำเร็จจะทยอยออกมา ทั้งนี้ การทำงานต่อเนื่อง 10 ปีไม่ได้หมายความว่าผลจะเกิดขึ้นในวันสุดท้ายของ 10 ปี จะมีกระบวนการที่ดำเนินการต่อเนื่องต่อไปน่าจะไม่น้อยว่า 10 ปี หมอหมอประเวศ ได้ยกตัวอย่างเล็กๆให้เห็นว่า อย่างการรณรงค์การไม่สูบบุหรี่ มีคนทำงานไม่กี่คนและแต่ละคนไม่ได้ใหญ่โต ไม่ได้มีอำนาจ แต่ได้ทำงานอย่างทุ่มเทกับเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องและเห็นความก้าวหน้ามาโดยตลอด เชื่อว่ากระบวนการวิธีทำงานแบบนี้ก็น่าจะใช้ได้กับการปฏิรูปประเทศไทย ถ้ามีการทำงานแบบนี้อีกประมาณ 20-30 กลุ่มน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย (ภาพจาก: http://www.oknation.net/blog/abccalo/2007/11/21/entry-2 ) สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวสถาบันทางปัญญา+ปฏิรูปประเทศวันนี้

ไม่ไกลเกินเอื้อม เครือข่ายสถาบันทางปัญญาเสนอพลิกฟื้นความยุติธรรมชุมชน

อธิบดีกรมคุมประพฤติ ยอมรับระบบยุติธรรมชุมชนวันนี้ยังเป็นเรื่องที่ท้าทาย อยู่ในช่วงใช้สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาลงไปถอดบทเรียน ด้านอดีตผู้ว่าฯ ยะลา ชี้ยุติธรรมชุมชน ช่วยตัดคดีไม่ต้องไปถึงโรงถึงศาล หากมีผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนาเข้ามามีส่วนพูดคุย ไกล่เกลี่ยก่อน เวทีการประชุม “ปฏิรูปประเทศไทยเพื่อสุขภาวะคนไทย” ครั้งที่ 36 ณ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถ.วิภาวดีรังสิต ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เป็นประธานการประชุมร่วมกับนักวิชาการทำงานในนามเครือข่ายสถาบันทางปัญญา ศ.นพ.ประเวศ กล่าวถึง

นักวิชาการผังเมืองระดมสมองแก้ปัญหาพื้นที่ "มาบตาพุด"

คณะกรรมการ 4 ฝ่าย เล็งปิดงานสิ้นเดือน มิ.ย. “บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์” เผยเตรียมส่งไม้ต่อให้พื้นที่ รับโจทย์ต่อไป ฉายภาพมาบตาพุดวันนี้ มีตั้งแต่เขตควบคุมมลพิษ การต่อสู้ฟ้องร้อง เชื่อหากไม่มีกรณีมาบตาพุด ม. 67 วรรคสอง อาจถูกฉีกทิ้งไปแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ...

2 จังหวัด "นครศรีฯ-อุตรดิตถ์" ลุยโปรเจคสร้างเมืองให้น่าอยู่

‘เมืองคอน’ ตั้งเป้า 3 ปี จังหวัดน่าอยู่ ปั้นพลเมืองร่วมขับเคลื่อน หลัง 6 เดือนแรก ‘ปฏิบัติการดอกไม้หุบ-บาน’ ได้ผล ทำไปแล้วกว่า 40 ตำบล เกิดสวัสดิการ-จุดแข็งท้องถิ่นหลากหลายเฉพาะตัว ส่วน ‘อุตรดิตถ์’ ไม่น้อยหน้า ชูภาพเมืองน่าอยู่ เมือง...

ใกล้คลอด เว็บไซต์ “ฐานข้อมูลการเมืองไทย”

“จรัส สุวรรณมาลา” เดินเครื่องเร่งขยายเครือข่ายความร่วมมือ ระดมข้อมูล “ระบบตรวจสอบบุคคลสาธารณะ” จากท้องถิ่น-ปชช.เข้าระบบ คาดอีก 3 เดือนเปิดตัว เมื่อเร็วๆ นี้ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหนึ่งในสมาชิกเครือข่ายสถาบันทางปัญญา...

ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ “กำหนดเป้าหมายการปฏิรูปการศึกษา เด็กไทยต้องมีคุณภาพ”

รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หนึ่งในสมาชิกเครือข่ายสถาบันทางปัญญา ผู้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนสร้างระบบการศึกษา และเป็นอีกครั้งที่ทีม ข่าวศูนย์ข้อมูลข่าวปฏิรูปประเทศไทยได้รับ...

พล.อ.จารุภัทรหนักใจระบบทุนนิยม บริโภคนิยมลงลึกถึงหมู่บ้าน

พบเห็นตลาดนัดทุกวันเสาร์-อาทิตย์เกลื่อน เป็นที่ละลายทรัพย์ ชาวบ้านมีแต่การใช้จ่าย ชี้ถึงเวลาต้องเยียวยาปล่อยไปวันข้างหน้าจะลำบาก พร้อมทิ้งคำถาม ทำอย่างไรให้เลือดไหลอยู่ข้างในไม่ออกไปข้างนอก พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์...

ดร.จรัส สุวรรณมาลา เล็งปลายปีเปิดเว็บไซต์ตรวจสอบข้อมูลนักการเมือง

เริ่มทดลองแล้ว 3 เดือน ไม่หวั่นแม้ต้องพัฒนาระบบฯ เพิ่ม เล็งปีหน้าขยายฐานข้อมูลสู่ท้องถิ่นเจาะรายเขตเลือกตั้งมุ่งแสดงผลแบบ GIS พร้อมย้ำสร้างฐานข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินทำกิจกรรมทางเมืองของ ปชช. ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์...

รศ.ดร. พงศ์พิศ ผลัก “มหาวิทยาลัยชีวิต” เป็นสถาบันการศึกษาเอกชน คาดรู้ผลต้นปีหน้า

รศ.ดร.เสรี พงศ์พิศ ผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (สสวช.) และผู้อำนวยการสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน (โครงการมหาวิทยาลัยชีวิต) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายสถาบันทางปัญญา ร่วมขับเคลื่อนประ...

‘สวัสดิการสังคม’ ที่คนไทยอยากเห็น

เวทีการประชุมเครือข่ายสถาบันทางปัญญาผลประชาเสวนาใน 7 จังหวัดทั่วประเทศระบุชัด อีก 10 ปีข้างหน้าสวัสดิการที่คนไทยอยากเห็นมากที่สุดคือเรื่องศึกษามาอันดับหนึ่ง เรียนฟรีตั้งแต่อนุบาลถึงมหาวิทยาลัย และให้รัฐจัดสวัสดิการรักษาพยาบาลฟรีอย่างมีคุณภาพ ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร ...