เอกชนจี้รัฐบาลเร่งออกกฎหมายส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศก่อนหมดวาระ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »
เอกชนจี้รัฐบาลเร่งออกกฎหมายส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศก่อนหมดวาระ ห่วงยืดเยื้อไม่ทันต่อความจำเป็นของนักธุรกิจไทยที่ต้องออกไปปักหลักลงทุนในต่างประเทศ หลังสู้ปัญหาวัตถุดิบแพง-ขาดแคลนไม่ไหว "บีโอไอ" แจงผลการศึกษาเล็งปั้นยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเป็นพิเศษ รับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ กรรมการผู้จัดการบริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปแช่แข็งจากเนื้อปลาภายใต้แบรนด์ "พีเอฟพี" เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ควรเร่งออกนโยบายส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศออกมาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากปัจจุบันความพร้อมด้านวัตถุดิบของประเทศไทยมีน้อยลง อีกทั้งค่าแรงยังพุ่งสูงขึ้น อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปที่มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบมานานแล้ว เพราะน่านน้ำไทยขาดความอุดมสมบูรณ์จึงต้องนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหาลู่ทางในการออกไปลงทุนในประเทศที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรเพื่อลดต้นทุนในการผลิต "วันนี้อุตสาหกรรมไทยบางประเภทไม่สามารถทำได้แล้วในประเทศไทย เพราะขาดแคลนวัตถุดิบ ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนไทยไปต่างประเทศก่อนที่รัฐบาลจะหมดวาระ ไม่เช่นนั้น เรื่องนี้ก็จะยืดเยื้อออกไปอีกจากที่ใช้เวลามานานพอสมควรแล้ว" นายทวี กล่าวด้วยว่า สำหรับบริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด มีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย โดยจะเป็นการลงทุนขนาดกลางในการผลิตซูริมิ ปลาป่น และโรงน้ำแข็ง ซึ่งเป็นการลงทุนที่ครบวงจร มูลค่าการลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อส่งกลับมาขายที่ประเทศไทย เจาะตลาดในอินโดนีเซียและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเป็นการลงทุนระหว่างพีเอฟพี พันธมิตรจากประเทศเกาหลีและอินโดนีเซีย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการลงทุนภายใน 6 เดือนนับจากนี้ แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการศึกษาและจัดทำร่างกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศว่า หลังจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้พิจารณายุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2553 และมีมติให้บีโอไอจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาและจัดทำร่างกฎหมายดังกล่าว คณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ควรมีการกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายสำหรับการลงทุนไทยในต่างประเทศเพียง 5 สาขา คือ สาขาเกษตร สิ่งทอและเสื้อผ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ ท่องเที่ยวและบริการ กิจการก่อสร้าง กิจการที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เนื่องจากมีอุตสาหกรรมอื่นที่มีศักยภาพและสนใจไปลงทุนในต่างประเทศ เช่น กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า กิจการโทรคมนาคม เป็นต้น พร้อมกันนี้ เห็นว่าควรพิจารณายุทธศาสตร์การลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเป็นพิเศษ แยกจากยุทธศาสตร์การลงทุนในประเทศอื่นๆ เนื่องจากในเร็วๆ นี้จะมีการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะเดียวกัน ในส่วนของผู้ประกอบการที่ไปลงทุนในต่างประเทศแล้วควรมีการส่งเสริมให้เชื่อมโยงหรือสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับเอสเอ็มอีไทยหรือส่งเสริมให้เอสเอ็มอีไทยไปลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงควรมีการอำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้ผู้ลงทุนนำเงินกำไรจากการลงทุนกลับเข้าประเทศไทย ในประเด็นเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ กรมบัญชีกลางได้มีกฎระเบียบว่าจะต้องจัดตั้งเมื่อมีความจำเป็นอย่างแท้จริงเท่านั้น และควรคำนึงถึงข้อกฎหมายในการสนับสนุนทางการเงินให้กับภาคเอกชน และการที่กองทุนสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองโดยไม่พึ่งพาการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐในอนาคต นอกจากนี้ การส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ ควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ และควรมีพระราชบัญญัติเฉพาะที่ระบุอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าควรจัดตั้งเป็นหน่วยงานขึ้นใหม่ หรือเป็นหน่วยงานย่อยภายใต้หน่วยงานส่งเสริมการลงทุน หรือหน่วยงานด้านการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผลการศึกษาทั้งหมดจะมีการนำเสนอความก้าวหน้าต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และจะมีการสรุปความก้าวหน้าของการศึกษาของคณะที่ปรึกษามาให้คณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย+สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศวันนี้

ส.อ.ท. - ปตท. - โออาร์ ลงนาม MOU หนุน SMEs เสริมศักยภาพพลังงาน สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วย นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) (ปตท.) และ นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ ผู้แทน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) "โครงการความร่วมมือเพื่อเสริมศักยภาพ SMEs ด้านพลังงานและความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย" ณ ห้องพลังไทย 1 ปตท. สำนักงานใหญ่ พิธีลงนามฯ ได้รับเกียรติจาก นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท

สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ)... TIJ ผนึก WJP และ กกร. รวมพลังภาครัฐ-เอกชน ยกระดับหลักนิติธรรมไทย สร้างความเชื่อมั่นในระดับสากล — สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ประกาศความร่วมม...

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกร... ดัชนีเชื่อมั่น เดือน พ.ย. พุ่ง ส.อ.ท. แนะรัฐเร่งฟื้นฟูน้ำท่วม-หนุนพลังงานสะอาด — นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้...

สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ตอกย้... TCMA ชูศักยภาพ "Co-Processing" หนุนเป้าหมาย NDC 3.0 — สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ตอกย้ำความมุ่งมั่นนำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทยสู่เป้าหมาย Net Zero...

รวมพลังเครือข่ายร่วมกับเอกชนต่อต้านคอร์รั... การดำเนินงานและแผนขับเคลื่อน "คณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน" — รวมพลังเครือข่ายร่วมกับเอกชนต่อต้านคอร์รัปชัน สร้างประเทศไทยโปร่งใสแข่งขัน...