"การทำความดี บางครั้งนักศึกษาเขาอาจจะมองเป็นเรื่องเล็ก เขาไม่รู้ตัวหรอกว่าเขากำลังทำความดีครั้งยิ่งใหญ่ให้แผ่นดิน" ทหารพรานสมศรี มาลา หนึ่งในหัวเรือผู้ถ่ายทอดวิชาใน “โครงการรณรงค์ น้อมนำ พระราชดำรัส พระบรมราโชวาท พระราชดำริ แนวทางทรงงานและพระราชปรัชญา ประพฤติเป็นวัตรปฏิบัติ ในโครงการบัณฑิตอุดมคติไทย ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” พูดถึงนักศึกษา “ENTANEER” ในวันที่ไปทำฝายแม้ว (ฝายดิน) ณ บ้านปาง ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๘ – 1๐, ๑๖ – ๑๗ และ ๒๓ – ๒๔ มิถุนายน 2555
มิติใหม่ของการรับน้อง อันเป็นห่วงโซ่บูรณาการ จากที่คณบดีเล็งเห็นคุณค่าและตอบรับนโยบายจาก นายพัลลภ สุวรรณมาลิก ประธานคณะทำงาน“โครงการรณรงค์ น้อมนำฯ” โดยงานบริการการศึกษาและพัฒนาคุณภาพนักศึกษา วิศวฯ มช. รับเป็นเจ้าภาพหลักกำเนิดโครงการ “เตรียมความพร้อมสู่การเป็นนักศึกษา” ยกการสร้างประโยชน์ ทำคุณให้ประเทศ เจริญรอยเดินตามพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย มาใช้เป็นแนวคิดหลัก ดึงให้เป็นกระบวนวิชา 259191 การเรียนรู้ผ่านกิจกรรม แบ่งเด็กปี 1 เป็น 3 รุ่น น้อมนำแนวทางทรงงานและพระราชปรัชญาของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ มาลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการพัฒนาหมู่บ้านชนบท พัฒนาคุณภาพนักศึกษาให้เป็นบัณฑิตอุดมคติไทย สอดคล้องกับปณิธานของคณะ ในการผลิตบัณฑิต และผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพ ยึดมั่นในคุณธรรม เพื่อพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติอย่างยั่งยืน สร้างความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่ คณาจารย์และบุคลากร ฝึกระเบียบวินัย การปรับตัวและปรับเปลี่ยนทัศนคติการอยู่ร่วมกันในสังคม เพิ่มทักษะการช่วยเหลือดูแลตนเอง และผู้อื่น ทั้งยังผสานรอยต่อระหว่างสถาบันการศึกษา ศาสนา และผู้รักษาความมั่นคงของชาติได้รับความร่วมมือ กรมทหารพรานที่32 กองกำลังผาเมือง, วัดป่าไม้แดง และชาวบ้านบ้านปาง ช่วยกันถ่ายทอดวิธีการทำฝายแม้ว เพื่อชะลอแรงน้ำไหลกรณีฝนตกหนัก ในอีกทางหนึ่งก็เป็นการคืนผืนป่าสู่ชุมชน ตลอดจนฝึกระเบียบวินัยการประพฤติปฏิบัติตน และสอนให้ทุกคนมีจิตสำนึกที่ดีต่อแผ่นดิน
ตีห้าครึ่ง ทุกคนที่ร่วมโครงการพร้อมกันที่คณะฯ ซักซ้อมความเข้าใจ และไหว้พระวิษณุกรรม พ่อของชาววิศวฯ มช. เพื่อขอกำลังใจและการคุ้มครอง ตลอดจนความสำเร็จในทุกย่างก้าวที่ไปทำประโยชน์แก่ประเทศในครั้งนี้ หกโมงเช้า รถทหารคันโตพากันมารับเหล่าลูกพ่อวิษณุ และหมุนล้อสู่จุดหมาย ณ วัดป่าไม้แดง อ.ไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
รองศาสตราจารย์ ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง คณบดี นำทีมผู้บริหารและตัวแทนคณาจารย์ พร้อมเด็กปีหนึ่งกับรุ่นพี่จากภาควิชาฯ โยธา เหมืองแร่และปิโตรเลียม สิ่งแวดล้อม เป็นรุ่นแรกที่เดินทางไปสร้างฝายดิน ณ บ้านปาง อ.ไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ช่วยกันทำฝายหินทิ้งในลำห้วยบงได้ 4 ฝาย ฝายดักตะกอนอีก 37 ฝาย นอกจากนี้ยังพากันไปซ่อมอ่างเก็บน้ำ อุดรอยรั่ว และวางแนวท่อประปาลำเลียงน้ำไปใช้ในหมู่บ้าน ตามด้วยรุ่นที่ 2 ในสัปดาห์ถัดมา คือ นักศึกษา คณาจารย์ ภาควิชาฯ คอมพิวเตอร์ จักรกลการเกษตร และอุตสาหการ สร้างได้อีก 1 ฝายปูน 3 ฝายหินทิ้ง 10 ฝายดักตะกอนในลำห้วยถ้ำผาผึ้ง ส่วนรุ่นสุดท้ายเป็นเด็กจากภาควิชาฯ เครื่องกล และไฟฟ้า ลงแรงกายใจสร้างอีก 2 ฝายปูน 4 ฝายหินทิ้ง 14 ฝายดักตะกอนในห้วยบ้านปาง รวมจำนวนฝายน้อยใหญ่ที่ชาว ENTANEER ทำได้ทั้งสิ้น 75 ฝาย ส่วนความยากง่ายรวมถึงจำนวนในการสร้างขึ้นอยู่กับลักษณะของลำห้วยและฝายที่จะทำ บางจุดก็ต้องเดินบุกป่าฝ่าดงเป็นระยะทางไม่น้อย แต่ฝายทุกประเภทล้วนใช้ภูมิปัญญาเป็นหลักทั้งสิ้น จึงได้ชื่อว่า “ฝายแม้ว” ซึ่งสามารถจำแนกออกมาเป็นหลายลักษณะ หากเป็นฝายดักตะกอนและฝายหินทิ้งก็ต้องตอกไม้ไผ่ลงดินทีละท่อนเรียงกันไปให้เป็นโครง ใช้ตอกเส้นหนามัดให้แข็งแรง แล้วค่อยเรียงก้อนหินใส่ลงไป ส่วนฝายปูนนั้นมีขนาดใหญ่กว่า ใช้เวลาในการทำนานกว่า แม้ใช้ปูนก่อก็ยังคงใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกก่อเป็นโครง แล้วยังมีการขุดปรับพื้นที่ ก่อนที่จะเทปูนลงไป ความลำบากส่วนหนึ่งอยู่ที่แหล่งน้ำที่ต้องใช้ผสมปูน ในบางจุดต้องขอความร่วมมือจากรถดับเพลิง ให้มาคอยลำเลียงส่งน้ำจากรถลงไปยังจุดที่สร้างฝาย ฉะนั้นนอกเหนือจากการร่วมแรงใจของนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรแล้ว ยังได้เห็นความร่วมแรงใจกายของชาวบ้านและหน่วยงานอื่นในท้องถิ่นด้วย ทำให้ทุกกระบวนการล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขถมทับบนคราบเหงื่อของทุกคน
“ไม่มีอะไรที่วิศวฯ มช. ทำไม่ได้ ... ถ้าวิศวฯ มช.ทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันแล้ว” อาจารย์เอนก อุบลสา คนปิดทองหลังพระ ปลุกระดมกำลังให้กับนักศึกษาที่เดินทางไปร่วมโครงการในรุ่นที่ 3 "พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม คนทำเพื่อแผ่นดินไม่มีวันตายโหง" คำพูดที่เรียกสัญชาตญาณและพลังแห่งความตั้งใจ มุ่งมั่นที่เข้มแข็งนี้ ทำให้เหล่าลูกหลานชาวเกียร์พากันขยันขันแข็งขนก้อนหินทีละก้อนขึ้นมาถมอุดรอยรั่วในอ่างเก็บน้ำของหมู่บ้าน โดยจะต้องก่อเป็นแนวยาวประมาณ 3 เมตร ซึ่งบรรยากาศขณะทุกคนทำงานแม้จะเหนื่อยเพราะต้องใช้พละกำลัง แต่เราได้เห็นภาพรุ่นพี่และรุ่นน้องพูดคุยหยอกล้อ หัวเราะกันอย่างสนุกสนานตลอดเวลา น้องใหม่คนหนึ่งกล่าวว่า “ผมเหนื่อย แต่มีความสุข เรื่องจิตอาสาขอให้บอกผม ผมชอบทำ” นั่นเป็นสัญญาณว่าพวกเขามีความสุขกับการได้มีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน
นักศึกษาทุกคนที่ร่วมโครงการนี้ ก่อนไปทำงานสร้างฝายจะได้ฟังบรรยายสร้างสำนึกที่ดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันนำไปสู่การรักชาติและแผ่นดิน ฟังธรรมะเพิ่มขีดความดีมีคุณธรรมในจิตใจ แล้วจึงไปรับการฝึกระเบียบวินัย วอร์มร่างกายให้พร้อมโดยทีมทหารครูฝึก จากกองบังคับการควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 กองกำลังผาเมือง นำโดยผู้บังคับ และรองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 4 กองกำลังผาเมือง ซึ่งเปิดเผยว่าตนมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ ได้ฝึกความมีระเบียบวินัย แคล่วคล่องว่องไว การอยู่กินแบบ “ท.ทหาร อดทน” ให้นักศึกษา โดยฝึกไม่หนักเหมือนฝึกทหาร เพราะทราบดีว่าวิศวฯ มีการรับน้องใหม่มาอย่างดีพอแล้ว และหากคราวหน้ามีโครงการแบบนี้อีก ก็ยินดีร่วมงานกันอีกแน่นอน นอกเหนือจากกลุ่มทหารพรานแล้ว คณะฯ ยังได้รับความร่วมมือที่ดีเยี่ยมจากพระครูสถิตธรรมาภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดป่าไม้แดง และ ทหารพรานสมศรี มาลา ,ทหารพรานประจวบ ม่วงมา และอาจารย์เอนก อุบลสา ที่คอยประสานงานฝึกและสอนทุกขั้นตอนกระบวนการของการสร้างฝายให้สำเร็จเสร็จสิ้นด้วยดี
“เราทุกคนล้วนเป็นหนี้แผ่นดิน ทุกวันนี้เราต้องคิดอยู่เสมอว่า จะทำอย่างไรเพื่อใช้หนี้แผ่นดินให้หมด เผื่อมีคนมาถามเราว่า เฮ้ย!!! มึงทำงานอะไร เราก็ตอบอย่างภูมิใจว่า "กูทำงานเพื่อแผ่นดิน"”คำกล่าวที่อาจไม่ไพเราะ แต่เจาะไปถึงขั้วหัวใจคนได้ยินของทหารพรานสมศรี มาลา ที่ทิ้งท้ายกับลูกช้างชาวเกียร์ ก่อนตะวันตกดินในวันสุดท้าย ของการปฏิบัติภารกิจ บางคนอาจมองว่าพวกวิศวฯ บ้าพลัง แต่แล้วมันจะแปลกหรือเสียหายอะไร ถ้าพลังที่เรามียังประโยชน์ต่อพ่อหลวง ต่อแผ่นดิน และคนอื่นที่ไม่ใช่แค่พวกเราเอง
-กผ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
โชว์ศักยภาพ ด้านนวัตกรรม ศิลปวัฒนธรรม ความยั่งยืน พร้อมเวทีเสวนา Soft Power ขับเคลื่อนอนาคตไทย เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปิดตัวนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้หัวข้อ "เศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่ออนาคตประเทศไทย" (Creative Economy for Thailand Tomorrow) ในงาน "มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568" ณ