ยอดขายยานยนต์ในงานมหกรรม Motor Show ครั้งที่ 33 และแนวโน้มตลาดรถยนต์ ปี 2555

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ตัวเลขยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ น่าจะสามารถทำได้ประมาณ 39,000-42,000 คัน ใกล้เคียงกับที่ทางผู้จัดงานประเมิน (ที่ 40,000 คัน) คิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 14-23 เมื่อเทียบกับงานมอเตอร์โชว์ในปีก่อนที่ทำได้ 34,150 คัน (ขยายตัวร้อยละ 22.5) โดยที่ผ่านมา ยอดจองในงานนี้มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 3.8 ของยอดขายรถยนต์ทั้งปี ปัจจัยสำคัญที่จะมีส่วนสนับสนุนยอดขายรถยนต์ในงาน รวมทั้งทิศทางตลาดรถยนต์ในช่วงที่เหลือของปี 2555 ได้แก่ - ความสนใจของผู้บริโภคต่อรถยนต์อีโคคาร์ ซึ่งแม้ว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นอาจมีผลต่อความต้องการใช้รถยนต์อยู่บ้าง แต่รถยนต์ที่ทำตลาดอยู่ในขณะนี้หลายรุ่นมีข้อดีเรื่องการประหยัดน้ำมัน ซึ่งค่ายรถต่างๆน่าจะนำประเด็นนี้เป็นจุดขายให้กับรถยนต์ของตน - มาตรการรถยนต์คันแรก ซึ่งความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นคืนน่าจะทำให้ยอดซื้อรถภายใต้โครงการรถยนต์คันแรกมีความคืบหน้ามากขึ้น ก่อนที่จะสิ้นสุดโครงการในเดือนธันวาคม 2555 - การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่เป็นที่สนใจของตลาดหลายรุ่น - ความต้องการซื้อรถของผู้บริโภคในช่วงนี้มีสูง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วม ทำให้หลายค่ายไม่สามารถผลิตรถยนต์ออกสู่ตลาดได้ดังเช่นปกติ จึงมีความต้องการซื้อที่อั้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว (Pent-up Demand) นอกจากนี้ ความกังวลต่อปัญหาน้ำท่วมอาจเป็นปัจจัยหนุนความต้องการซื้อรถยนต์ปิ๊กอัพที่มีประโยชน์ใช้สอยได้มากหากเกิดอุทกภัย - กำลังการผลิตของค่ายรถฟื้นตัวขึ้นมากเกือบทั้งหมด - ค่ายรถมีการแข่งขันกันสูงในการออกรายการส่งเสริมการขายที่ช่วยกระตุ้นยอดขาย จากปัจจัยบวกต่างๆ ที่มีเพิ่มขึ้นนี้ ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ในเบื้องต้นว่า ยอดขายรถโดยรวมตลอดทั้งปี 2555 อาจสูงถึง 1,050,000-1,100,000 คัน ขยายตัวประมาณร้อยละ 32-38 เมื่อเทียบกับฐานยอดขายที่ต่ำเพียง 796,123 คัน จากการหดตัวลงร้อยละ 0.5 ในปี 2554 เนื่องจากผลของอุทกภัย (ประมาณการเบื้องต้น เป็นการปรับเพิ่มจากคาดการณ์เดิมที่ 925,000-965,000 คัน) อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตาคือทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งหากราคาพุ่งสูงขึ้นต่อไปอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลลบต่อการตัดสินใจซื้อ รถยนต์ของผู้บริโภคในระยะต่อไปได้ด้วยเช่นกัน -นท-

ข่าวศูนย์วิจัยกสิกรไทย+รถยนต์อีโคคาร์วันนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้การคลังเป็นความเสี่ยงต่อการทบทวนปรับอันดับความน่าเชื่อถือ ต้องมีแผนลดขาดดุลการคลังอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า การที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับมุมมองอันดับเครดิตของประเทศไทยจาก "มีเสถียรภาพ" (Stable Outlook) เป็น "เชิงลบ" (Negative Outlook) แม้ยังคงอันดับเครดิตที่ BBB+ สะท้อนความกังวลหลักต่อฐานะการคลังของไทยที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องหลังวิกฤตโควิด ซึ่งอาจจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งบทเรียนจากต่างประเทศชี้ต้องมีการลดขาดดุลการคลังอย่างเป็นรูปธรรม นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกร

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ตลาดศัลยกรรมและ... มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จเจาะลึกถึงความนิยมของศัลยกรรมตกแต่ง และเส้นทางสู่การเป็นศัลยแพทย์ — ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ตลาดศัลยกรรมและหัตถการด้านความงามของประ...