ผลการศึกษาเผย การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres ช่วยยืดอายุผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

มักเดอเบิร์ก, เยอรมนี--22 ต.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์ / อินโฟเควสท์


ผู้เขียนรายงานระบุว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย SIR-Spheres มีระยะเวลาการรอดชีวิตยาวนานกว่าผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดมากกว่า 2 เท่า และมากกว่าผู้ป่วยที่ได้รับชีวสารใหม่ตัวอื่นๆ

ผลการศึกษาเปรียบเทียบในผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังตับและไม่ตอบสนองต่อการทำเคมีบำบัดใดๆแล้ว พบว่าการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres ช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอดยาวนานขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว[1]

(โลโก้: http://photos.prnewswire.com/prnh/20121019/568108 )

ผลการศึกษาซึ่งเผยแพร่ทางวารสาร Cardiovascular and Interventional Radiology ฉบับเดือนตุลาคม แสดงให้เห็นว่า ระยะเวลาการรอดชีวิตโดยเฉลี่ยของผู้ป่วยที่ได้รับการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีร่วมกับการได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว อยู่ที่ 8.3 เดือน ต่อ 3.5 เดือน (hazard ratio [HR] 0.26; 95% confidence interval 0.15-0.48; P<0.001) ขณะเดียวกันผลการวิเคราะห์หลายตัวแปรก็ยืนยันว่า การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีเป็นตัวแปรสำคัญตัวเดียวที่ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น จากตัวแปรพื้นฐานทั้งหมดที่มีการวิเคราะห์ (HR 0.30; 95% CI 0.16-0.55; P<0.001)

“จากการศึกษาเปรียบเทียบในกลุ่มผู้ป่วยที่มะเร็งลุกลามไปยังตับและไม่ตอบสนองต่อเคมีบำบัดรวมถึงมีทางเลือกในการรักษาอย่างจำกัด พบว่า การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอดยาวนานขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว” ศจ.เจนส์ ริคเก (Prof. Jens Ricke) ผู้อำนวยการแผนกรังสีวิทยาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมักเดอเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นนักเขียนอาวุโสของรายงานการศึกษานี้ กล่าว “หลักฐานมากมายบ่งชี้ว่า การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีควรได้รับการพิจารณาในฐานะทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอย่างเดียวหรือโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่แพร่กระจายไปยังตับ ซึ่งไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยเคมีบำบัด”

เกี่ยวกับการศึกษา

การศึกษาครั้งนี้เป็นการเปรียบเทียบระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวมของผู้ป่วย 58 คนที่เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ซึ่งแพร่กระจายไปยังตับบางส่วนหรือทั้งหมด และไม่ตอบสนองต่อเคมีบำบัดทั้งหมดที่แพทย์แนะนำหรือปฏิเสธที่จะทำเคมีบำบัดต่อ นอกจากนั้นยังไม่เหมาะที่จะรักษาด้วยวิธีอื่น ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การเฉือนเนื้อร้าย หรือรังสีบำบัดลักษณะอื่นๆ โดยผู้ป่วย 29 คนได้รับการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres (90Y-labeled resin microspheres ของบริษัท Sirtex Medical Limited ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย) และมีการติดตามผล ผู้ป่วยกลุ่มนี้ถูกเปรียบเทียบกับผู้ป่วย >500 คนที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดในศูนย์การแพทย์ 3 แห่งในเยอรมนี ในแง่ของวิธีการรักษาก่อนหน้านี้และขอบเขตการแพร่กระจายของโรค เพื่อระบุบรรทัดฐานที่เหมือนกันในผู้ป่วยอีก 29 คนให้ได้อย่างน้อย 2 อย่างจาก 4 อย่าง (การเกิดมะเร็งพร้อมกันหรือเกิดคนละเวลา, ขอบเขตการแพร่กระจายของโรค, การเพิ่มขึ้นของเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเทส และ/หรือคาร์ซิโนเอ็มบริโอนิกแอนติเจน [CEA] >200 U/mL) จุดยุติปฐมภูมิ (primary endpoint) ของการศึกษาครั้งนี้คือ ระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวม

หลังได้รับการอุดเส้นเลือดด้วยรังสี ผู้ป่วย 12 คน (41.4%) มีการตอบสนองบางส่วน และอีก 5 คน (17.2%) โรคคงที่ ดังนั้นอัตราการควบคุมโรคจึงอยู่ที่ 58.6% สำหรับระยะเวลาการรอดชีวิตโดยที่โรคไม่ลุกลามอยู่ที่ 5.5 เดือนในกลุ่มที่ได้รับการอุดเส้นเลือดด้วยรังสี เทียบกับ 2.1 เดือนในกลุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีส่งผลข้างเคียงเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเกิดขึ้นชั่วคราวและสามารถหายได้เอง

“ผลการศึกษาครั้งนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาครั้งก่อนๆ ที่มีการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งตับที่ลุกลามมาจากลำไส้ใหญ่และไม่ตอบสนองต่อการทำเคมีบำบัด ด้วยการอุดเส้นเลือดด้วยรังสี” ดร.ริคาร์ดา เซย์เดนสติกเกอร์ (Dr Ricarda Seidensticker) แพทย์ที่ปรึกษาด้านรังสีวิทยาและหัวหน้าผู้เขียนรายงาน กล่าว “นี่เป็นการศึกษาเปรียบเทียบการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีครั้งแรกที่ใช้ระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวมเป็นจุดยุติปฐมภูมิ และออกแบบอิงจริยธรรมโดยหลีกเลี่ยงการทดลองแบบข้ามกลุ่มในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ซึ่งมักทำให้การทดลองไม่สามารถแสดงความแตกต่างของการรอดชีวิตได้อย่างเต็มที่ ผลการศึกษานี้ยังถูกเปรียบเทียบกับการศึกษาล่าสุดหลายครั้งที่มีการใช้ชีวสารใหม่ในการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีการแพร่กระจาย ตัวอย่างเช่น ในการทดลองแบบสุ่มโดยใช้ยา cetuximab พบว่าระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวมอยู่ที่ 6.1 เดือน เมื่อเทียบกับ 4.6 เดือนในกลุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเพียงอย่างเดียว และในการทดลองลักษณะเดียวกันกับยา panitumumab พบว่าระยะเวลาการรอดชีวิตโดยรวมอยู่ที่ 6.4 เดือน เท่ากับในกลุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดและได้รับยา panitumumab หลังจากที่มีการลุกลามของโรค”

ปัจจุบันมีการทดลองแบบสุ่มระดับนานาชาติหลายการทดลองที่มีการประเมินประสิทธิภาพของการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres ร่วมกับการทำเคมีบำบัด ในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งตับซึ่งลุกลามจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ เทียบกับการการทำเคมีบำบัดอย่างเดียว เพื่อประเมินว่าวิธีนี้ควรถูกนำมาใช้รักษาผู่ป่วยตั้งแต่แรกเริ่มหรือไม่

เกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ใหญ่

ในปี 2551 ผู้ป่วย 153,000 คนในสหรัฐอเมริกา และ 333,000 คนในสหภาพยุโรป ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่[2] ราวครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยเหล่านี้จะมีภาวะเซลล์มะเร็งแพร่กระจายจากจุดที่เกิดมะเร็งไปยังจุดอื่นๆ โดยเฉพาะตับ และผู้ป่วยราว 90% จะเสียชีวิตจากภาวะตับวาย อันเป็นผลมาจากการแพร่กระจายของมะเร็ง ทั้งนี้ การอุดเส้นเลือดด้วยรังสี หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าการบำบัดด้วยการนำรังสีเข้าสู่ร่างกายเฉพาะจุด (Selective Internal Radiation Therapy: SIRT) เป็นการรักษาโรคมะเร็งตับแบบใหม่โดยใช้ microspheres ที่ถูกฉลากด้วยสารกัมมันตรังสี yttrium-90 (90Y) แพทย์รังสีวิทยาจะฝัง microspheres ในร่างกายตรงจุดที่เกิดมะเร็ง และ microspheres จะแผ่รังสีไปที่มะเร็งโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อตับที่ดีที่ยังเหลืออยู่

ศูนย์การแพทย์ 3 แห่งที่มีส่วนร่วมในการศึกษา (และควบคุมการคัดกรองผู้ป่วย) ประกอบด้วย

- โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมักเดอเบิร์ก ประเทศเยอรมนี / Universitatsklinikum Magdeburg (n = 348)

- โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน วิทยาเขต Charite ประเทศเยอรมนี / Universitatsmedizin Berlin (n = 120)

- โรงพยาบาลมักเดอเบิร์ก ประเทศเยอรมนี / Klinikum Magdeburg (n = 86)

SIR-Spheres ได้รับการรับรองให้ใช้ในออสเตรเลีย สหภาพยุโรป (มาตรฐาน CE) นิวซีแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี และอีกหลายประเทศ สำหรับรักษามะเร็งตับที่เฉือนเนื้อร้ายทิ้งไม่ได้

นอกจากนั้น SIR-Spheres ยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ สำหรับใช้รักษามะเร็งตับที่ลุกลามจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และผ่าตัดเฉือนเนื้อร้ายไม่ได้ ร่วมกับการทำเคมีบำบัดหลอดเลือดในตับโดยใช้ floxuridine

อ้างอิง

1. Seidensticker R, Denecke T, Kraus P et al. Matched-pair comparison of radioembolization plus best supportive care versus best supportive care alone for chemotherapy refractory liver-dominant colorectal metastases. Cardiovascular and Interventional Radiology 2012; 35(5): 1066-1073.

2. International Agency for Research on Cancer. GLOBOCAN 2008: Colorectal Cancer Incidence and Mortality Worldwide in 2008. http://globocan.iarc.fr/factsheets/cancers/colorectal.asp accessed 12/8/2011.

แหล่งข่าว: มหาวิทยาลัยมักเดอเบิร์ก

-ปม-

ข่าวผู้ป่วยโรคมะเร็ง+มะเร็งลำไส้ใหญ่วันนี้

โรงพยาบาลวัฒโนสถ Cancer Hospital ร่วมกับ BDMS Wellness Clinic ยกระดับการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง นำมาตรฐาน ICHOM ส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ Care Beyond Cure

โรงพยาบาลวัฒโนสถ Cancer Hospital ไม่หยุดนิ่งพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง Care Beyond Cure พร้อมดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบ Total Cancer Care มากกว่าการรักษา คือการใส่ใจทั้งกาย ใจ สังคม และพลังแห่งความหวัง ดูแลคุณภาพชีวิตผู้ป่วยและครอบครัวตั้งแต่วันแรกไปจนถึงหลังการรักษา เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและสมดุลในทุกช่วงชีวิต โดยนำมาตรฐาน ICHOM (International Consortium for Health Outcomes Measurement) องค์กรที่มุ่งหวังให้ผลลัพธ์การดูแลรักษาของผู้ป่วยมีมาตรฐาน เน้นคุณภาพตั้งแต่

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จรรยา จันทร์ผ่อง ภา... มะเร็งปากมดลูก : โรคใกล้ตัวที่ผู้หญิงควรรู้ — ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จรรยา จันทร์ผ่อง ภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิ...

รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศ... ถ้าป่วยเป็นมะเร็งปอดผมจะรอดมั้ยครับ? — รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก โรงพ...