มะเร็งปากมดลูก : โรคใกล้ตัวที่ผู้หญิงควรรู้

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จรรยา จันทร์ผ่อง ภาควิชาการพยาบาลสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า "มะเร็งปากมดลูก" เป็นหนึ่งในโรคที่ผู้หญิงไทยควรตระหนักและให้ความสำคัญ เพราะเป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในระบบสืบพันธุ์ และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในแต่ละปี โดยข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลพบว่า มีผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกทั้งในระยะเริ่มต้นและระยะลุกลามมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวน 400-500 คนต่อปี โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งไวรัส HPV มีมากกว่า 200 สายพันธุ์ /หลากหลายสายพันธุ์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

มะเร็งปากมดลูก : โรคใกล้ตัวที่ผู้หญิงควรรู้
  • กลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย : เชื้อในกลุ่มนี้จะไม่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงมะเร็ง แต่บางสายพันธุ์อาจทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปากหรือลำคอได้
  • กลุ่มที่มีความเสี่ยงมาก : มีอยู่หลายสายพันธ์ด้วยกัน โดยเฉพาะสายพันธ์ที่ 16 และ 18 ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกได้มากที่สุด

การได้รับเชื้อ HPV ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์ เช่น เริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย มีคู่นอนหลายคนหรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ไม่ใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกัน มีรสนิยมเพศสัมพันธ์แบบกลุ่มหรือแบบสวิงกิ้ง (Swinging) นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกด้วย เช่น สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปมีผลต่อความเครียด จะเป็นตัวกระตุ้นฮอร์โมนให้เพิ่มปริมาณมากขึ้น ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอของร่างกาย เป็นต้น

อาการที่ควรรู้สำหรับโรคมะเร็งปากมดลูกคือ

  • ระยะก่อนลุกลาม มักไม่มีอาการผิดปกติ ทำให้ตรวจพบได้ยาก ต้องอาศัยการตรวจคัดกรองจึงจะทราบ
  • ระยะลุกลาม ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้น มีข้อสังเกตหลายอย่าง เช่น ตกขาวปริมาณมาก มีกลิ่นผิดปกติ หรือมีเลือดปน มีเลือดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ปวดท้องน้อยหรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งมีแนวทางการรักษาตามระยะระยะของโรค ดังนี้

ระยะที่ 1 ตรวจพบเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูก รักษาเฉพาะตำแหน่งที่พบรอยโรคหรือทำผ่าตัด และนัดติดตามอย่างสม่ำเสมอ

ระยะที่ 2 เซลล์เริ่มลุกลามหรือมีขนาดใหญ่ขึ้น ภายในปากมดลูกหรือช่องคลอด ยังสามารถใช้วิธีผ่าตัดในการรักษาได้หรือการรักษาร่วมอื่นๆ เช่น เคมีบำบัด เป็นต้น

ระยะที่ 3 โรคเริ่มลุกลามผ่านต่อมน้ำเหลืองไปยังอวัยวะต่าง ๆ ข้างเคียง ต้องใช้ทั้งการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด และฉายแสง เป็นต้น

ระยะที่ 4 เชื้อมะเร็งแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นที่สำคัญในร่างกาย เช่น ปอด กระดูก เป็นต้น แพทย์จะเน้นการรักษาแบบประคับประคอง

การป้องกันมะเร็งปากมดลูก วิธีการเบื้อต้นที่ควรทำร่วมกัน คือ การตรวจคัดกรองและฉีดวัคซีนป้องกัน ดังนี้

การตรวจคัดกรอง ทำได้หลายวิธี ได้แก่

  • การตรวจเซลล์ปากมดลูกด้วยวิธีทางเซลล์วิทยา หรือแป๊ปสเมียร์ (Pap smear) ซึ่งแพทย์จะทำการตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นวิธีแบบดั้งเดิม หากมีความผิดปกติก็จะทำการรักษาตามความผิดปกติของรอยโรค
  • การตรวจคัดกรองด้วยการใช้น้ำยาหรือสารเคมี (Liquid Base Cytology) เป็นวิธีการที่มีความแม่นยำ ช่วยให้สามารถค้นหาเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้นกว่าวิธีดั้งเดิม
  • การตรวจหาเชื้อ HPV โดยตรง เป็นการตรวจหาไวรัสสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง เหมาะกับกลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป การตรวจวิธีนี้มีข้อดีคือ จะทำทราบชนิดและสายพันธุ์ของเชื้อ HPV ตั้งแต่การตรวจครั้งแรก แต่ข้อเสียคือ ผู้ป่วยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังส่งเสริมให้ผู้หญิงอายุ 25-30 ปี ตรวจคัดกรองด้วยตนเอง (Self HPV Sampling) ด้วยการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากช่องคลอดเพื่อตรวจหาเชื้อ HPV ซึ่งสะดวกและมีประสิทธิภาพ

การฉีดวัคซีนป้องกัน ปัจจุบันวัคซีนป้องกัน HPV มีการพัฒนาขึ้นมาก มีทั้งชนิดที่ป้องกันมะเร็งปากมดลูกโดยตรง และป้องกันมะเร็งที่เกิดจากเชื้อ HPV ในตำแหน่งอื่น ๆ เช่น ในช่องปาก ลำคอ ทวารหนัก ปากช่องคลอด บางชนิดอาจช่วยป้องกันหูด หรือโรคที่เกิดจากเชื้อ HPV ได้ด้วย

"มะเร็งปากมดลูก" แม้จะดูเป็นโรคร้ายแรง แต่เราสามารถป้องกันและรักษาได้ หากหญิงไทยทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพประจำปี และการฉีดวัคซีนป้องกัน HPV อย่างเหมาะสม จะช่วยสร้างเกราะป้องกันให้กับตนเองและคนรอบข้าง ซึ่งจะช่วยให้ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกลดลงได้


ข่าวคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล+โรคมะเร็งปากมดลูกวันนี้

ก้าวใหม่ของวงการการศึกษา ม.กรุงเทพร่วมกับศิริราช สร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมไทย

ในยุคที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เดินหน้าบูรณาการองค์ความรู้จากศาสตร์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะความรู้ทางการแพทย์ร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ถือเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาการเรียนการสอน งานวิจัย และบริการวิชาการให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จุดเริ่มต้นของการประสานศักยภาพเฉพาะทางของทั้งสองสถาบัน เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การ

โรงพยาบาลหัวเฉียว จัดการบรรยายวิชาการเรื่อง Acute non infective pneumonitis

โรงพยาบาลหัวเฉียว จัดการบรรยายวิชาการเรื่อง Acute non infective pneumonitis โดย รศ.นพ.นิธิพัฒน์เจียรกุล (กลาง) หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อ...

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) นำโ... บล.โกลเบล็ก ส่งต่อความห่วงใย "ครบรอบ 80 ปี กุมารเวชศาสตร์ รพ.ศิริราช" — บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) นำโดย นายสยาม สร้อยทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดก...