สัปดาห์นมแม่โลก 2013 “รวมพลังช่วยเด็กไทยให้ได้กินนมแม่”

07 Aug 2013

กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย

สัปดาห์นมแม่โลก 2013 “รวมพลังช่วยเด็กไทยให้ได้กินนมแม่”สร้างเครือข่ายสังคม สนับสนุน “หญิงไทย” เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เปิดตัวคำขวัญสัปดาห์นมแม่โลกประจำปี 2013 “รวมพลังช่วยเด็กไทยให้ได้กินนมแม่” กระตุ้นสังคมไทยให้ตระหนักและเห็นความสำคัญกับนมแม่ เร่งสร้างเครือข่ายทางสังคมเพื่อสนับสนุนการสร้างสังคมนมแม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างยั่งยืน

“สัปดาห์นมแม่โลก” หรือ World Breastfeeding Week (WBW) เป็นกิจกรรมที่ องค์การเครือข่ายพันธมิตรนมแม่โลก หรือ WABA ที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวขององค์กรต่างๆ จากทั่วโลก ที่จุดมุ่งหมายเพื่อรณรงค์ให้ประชาคมโลกตระหนักถึงความสำคัญของ “นมแม่” โดยได้จัดให้มี “สัปดาห์นมแม่โลก” ขึ้นเป็นประจำในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมทุกปี

ในปี 2556 ทาง องค์การเครือข่ายพันธมิตรนมแม่โลก ได้เปิดตัวคำขวัญที่ใช้ในการณรงค์ประจำสัปดาห์นมแม่โลกในปีนี้ว่า “BREASTFEEDING SUPPORT : Close to Mothers” ซึ่งทาง มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายกับ WABA ในการณรงค์ส่งเสริมสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาตั้งแต่ปี 2547 ได้ให้ความหมายของคำขวัญของการรณรงค์ในปีนี้ว่า “รวมพลังช่วยเด็กไทยให้ได้กินนมแม่”

แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าสัปดาห์นมแม่โลกในปีนี้ทางองค์การเครือข่ายพันธมิตรนมแม่โลก นอกจากมีการกำหนดคำขวัญของการณรงค์ในปีนี้แล้ว ยังได้นำสัญลักษณ์ซึ่งเป็นรูปวงกลม 5 ห่วงที่มีความเชื่อมโยงกันมาล้อมรอบศูนย์กลางซึ่งเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อสื่อให้เห็นถึงการเชื่อมโยงประสานงานในภาคส่วนต่างๆ ทางสังคม ได้แก่ ครอบครัวและเครือข่ายทางสังคม ระบบให้บริการสาธารณะสุข สถานที่ทำงาน กฎหมายและการคุ้มครองจากภาครัฐ ตลอดจนการช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉินหรือวิกฤติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถสนับสนุนให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ประสบความสำเร็จ

“ปัจจัยทั้ง 5 ด้านล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนและสร้างเสริมสังคมนมแม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักของมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทยที่มีเป้าหมายในการพัฒนาและขับเคลื่อนให้เกิดสังคมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่มีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการพัฒนานโยบายและระบบที่เอื้อต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การพัฒนาองค์ความรู้ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในเรื่องของนมแม่ และสร้างการมีส่วนร่วมและพัฒนาความเข้มแข็งของเครือข่ายเพื่อสร้างสังคมนมแม่ให้กับคืนสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน” แพทย์หญิงศิริพรกล่าว

แพทย์หญิงยุพยง แห่งเชาวนิช เลขานุการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง หัวใจสำคัญของการจัดงานสัปดาห์นมแม่โลกในครั้งนี้ว่า มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวและชุมชนมีส่วนสนับสนุนให้แม่เลี้ยงด้วยด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จ

“การจัดสัปดาห์นมแม่โลกในปีนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความสำคัญกับแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และทำหน้าที่เป็นเพื่อนดูแลให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาแก่แม่คนอื่นๆ ในลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อนเพื่อสร้างความยั่งยืนในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวของประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดของกลุ่มให้คำปรึกษาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ตลอดจนพยายามขยายโปรแกรมการสร้างกลุ่มให้คำปรึกษา รวมถึงส่งเสริมผู้ที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วยการจัดการอบรมเพื่อให้เกิดความก้าวหน้า พร้อมกับสร้างการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่างๆ ในการให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาให้กับแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในช่วงหลังคลอด และเรียกร้องให้รัฐบาลและระบบบริหารสาธารณสุขตามโรงพยาบาลต่างๆ ให้บริการตามหลักการปฏิบัติตามบันได 10 ขั้นของการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างจริงจัง ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยส่งให้แม่มีกำลังกายและกำลังใจในการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ประสบความสำเร็จ” แพทย์หญิงยุพยงกล่าว ปัจจุบันมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย มีแนวทางขับเคลื่อนการณรงค์ส่งเสริมสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สอดคล้องกับ คำขวัญสัปดาห์นมแม่โลกประจำปี 2013 “รวมพลังช่วยเด็กไทยให้ได้กินนมแม่” จาก องค์การเครือข่ายพันธมิตรนมแม่โลก หรือ WABA โดยมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย มีภารกิจขยายช่องทางสื่อสารในโลกออนไลน์ผ่าน www.thaibreastfeeding.org และสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกลุ่มแม่อาสาที่มีความเข้าใจการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาดำเนินการให้คำปรึกษาตอบปัญหาด้านต่างๆ ให้กับคุณแม่มือใหม่ที่มีความต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค www.facebook.com/Thaibf ตลอดจนมีการสรรหาแม่อาสาให้มากขึ้นจากกระบวนการจัดทำเวิร์คช้อปอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนการผลักดันร่วมกับภาคีเครือข่าย มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หนุนให้ผู้หญิงหลังคลอดมีสิทธิลาคลอดได้ 180 วัน

และผลักดันสถานประกอบการเปิดมุมนมแม่ทั่วประเทศสำเร็จแล้วกว่า 944 แห่งทั่วประเทศ รองรับแรงงานสตรีที่อยู่ในระบบจำนวน 6 ล้านคน และนอกระบบจำนวน 11 ล้านคน ซึ่งแรงงานสตรีถือว่าอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 50 ของจำนวนแรงงานโดยรวมในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ทำให้แรงงานสตรีสามารถเลี้ยงลูกได้ระหว่างทำงานอย่างมีความสุขส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน นอกจากนี้ การรณรงค์ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ครอบคลุมถึงการส่งเสริมการรับรู้สิทธิพ่อลาคลอดในกลุ่มข้าราชการชายที่สามารถใช้สิทธิลาเพื่อช่วยดูแลภรรยาที่คลอดบุตรติดต่อกันได้ ครั้งละ 15 วัน

แพทย์หญิงยุพยง กล่าวถึง ปัจจุบันคุณแม่ทำงานต่างให้ความสนใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น เนื่องจากหลายปัจจัย ในด้านเศรษฐกิจการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทำให้ครอบครัวมีค่าใช้จ่ายลดลง เด็ก 1 คนจะมีค่าใช้จ่ายในการกินนมผงอยู่ที่ 4,000 บาท ต่อเดือน แต่หากเด็กเปลี่ยนมากินนมแม่ แต่ละครอบครัวจะประหยัดได้ถึง 24,000 บาท ภายในเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ ผลงานวิจัยจากในประเทศและต่างประเทศยังยืนยันว่า เด็กที่กินนมแม่จะมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง เติบโตสมวัย และนมแม่ยังช่วยลดความเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ส่งผลให้แม่ลาหยุดงานน้อยลงและแม่จะทำงานได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

และเพื่อเป็นการร่วมสนับสนุนสัปดาห์นมแม่โลกในปีนี้ทาง มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย จึงได้จัดกิจกรรม “แฟลชม็อบนมแม่” (Breastfeeding Flash Mob) รวมพลังนมแม่ฉลองสัปดาห์นมแม่โลก 2556 ขึ้นในวันที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 14.00-16.00 น. ณ หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สนามกีฬาแห่งชาติ เพื่อสื่อสารกับทุกภาคส่วนของสังคมไทยในการมีส่วนร่วมสนับสนุนและส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยคาดว่าจะมีกลุ่มแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาร่วมชุมนุมเรียกร้องให้สังคมหันมาสนใจการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้นกว่า 200 คน

“แนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดสังคมนมแม่ของมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย นับจากนี้จะมุ่งเน้นไปที่งานด้านวิชาการมากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาให้เป็นมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทยเป็น ศูนย์ข้อมูลและองค์ความรู้ด้านนมแม่ของประเทศ พร้อมกับผลักดันในเรื่องของมุมนมแม่ในสถานประกอบการให้เป็นนโยบายในระดับชาติ ควบคู่ไปกับเรื่องของสวัสดิการและสิทธิประโยชน์สำหรับแม่ลาคลอด และสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคีเครือข่ายนมแม่ในภูมิภาคต่างๆ เพื่อสร้างสังคมนมแม่ให้กับคืนสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน” แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ กล่าวสรุป.

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net