SAM เดินหน้าช่วยสังคม สนับสนุนโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ จับมือ พอช. ร่วมพัฒนาที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคง ช่วยชาวบ้านและผู้มีรายได้น้อยนับร้อยชีวิตให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

11 Apr 2014
บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM รุกนโยบายช่วยเหลือสังคม ร่วมลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อจัดทำโครงการบ้านมั่นคงให้กับสหกรณ์เคหสถานฟ้าใส จำกัด ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกไล่รื้อเพื่อสร้างแนวเขื่อนกันน้ำท่วมตามแนวคลองลาดพร้าว ซึ่งโครงการนี้นับเป็นโครงการนำร่องและเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมหลังทำ MOU ร่วมกันไปเมื่อปีก่อน โดย SAM ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่มีทรัพย์สินพร้อมขาย (NPA) ที่มีศักยภาพจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ ได้ให้การสนับสนุนการจัดหาที่ดินในทำเลที่เหมาะสม และมีระบบสาธารณูปโภคที่เพียงพอต่อการนำไปสร้างและพัฒนาชุมชนที่เข้มแข็ง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศได้มีบ้านเป็นของตนเอง อันเป็นการพัฒนาสถาบันครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันเริ่มต้นและสถาบันหลักทางสังคมหน่วยเล็กที่สุดและเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาประเทศ โดย SAM เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในวันนี้ จะนำไปสู่ความร่วมมือในการแก้ปัญหาชุมชนแออัดอื่นๆ ระหว่าง บสส.กับ พอช. และหน่วยงานรัฐอื่นๆ ดังเช่นที่เคยดำเนินการมาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐโดยการนำทรัพย์สินที่มีศักยภาพเหล่านี้เสนอให้กับหน่วยงานของรัฐเพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและสังคมนี้ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญซึ่ง SAM ได้ดำเนินการไปแล้วหลายโครงการ อาทิ การนำเสนอที่ดินเปล่าเนื้อที่กว่า 4 ไร่ นำเสนอให้กับเทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง จ. สุพรรณบุรี และอีกกรณีหนึ่งคือ ที่ดินเปล่าเนื้อที่กว่า 26 ไร่ บริเวณสามแยกสนามบินน้ำ ติดถนนติวานนท์ ต. ท่าทราย อ. เมืองนนทบุรี เสนอแก่เทศบาลนครนนทบุรี เพื่อนำไปใช้เป็นสถานที่จอดยานพาหนะที่ใช้ในการให้บริการชุมชนและสังคม รวมทั้งใช้เป็นที่เก็บพัสดุ บำรุงรักษาซ่อมแซมเครื่องจักกลขนาดใหญ่และใช้ประโยชน์อื่นในราชการ
SAM เดินหน้าช่วยสังคม สนับสนุนโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ จับมือ พอช. ร่วมพัฒนาที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคง ช่วยชาวบ้านและผู้มีรายได้น้อยนับร้อยชีวิตให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

นายชูเกียรติ จิตติไมตรีสกุล กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า นอกเหนือจากภารกิจหลักของ SAM ในการส่งคืนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ทั้ง NPL และ NPA กลับสู่ระบบเศรษฐกิจ อันจะนำมาซึ่งการฟื้นตัวและความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมแล้ว SAM ยังคงตระหนักและให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาสังคมควบคู่กันไป จึงได้ประสานความร่วมมือกับ พอช. จัดกิจกรรมเพื่อส่วนรวมและสังคม หรือ CSR ผ่านโครงการ “วาดเขียนเรียนศิลป์ เด็กไทยหัวใจศิลปะ” ภายใต้แนวคิด SAM for All คิดดี ทำดี ไม่มีข้อจำกัด ระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน ศกนี้ ณ สำนักงานใหญ่ของ SAM ที่อาคารซันทาวเวอร์ส ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่งโครงการนี้ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และได้รับความสนใจอย่างสูงตลอดมา ความพิเศษในปีนี้คือการเปิดโอกาสให้เยาวชน และเด็กในชุมชนแออัดในพื้นที่ความรับผิดชอบของ พอช. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ทางด้านงานศิลปะ แต่ยังขาดโอกาสในการเรียนรู้ต่อยอดจินตนาการ SAM จึงขอมอบโอกาสให้เด็กๆได้เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้การสร้างสรรค์งานศิลปะจาก ครูไพบูลย์ ธรรมเรืองฤทธิ์ หรือ ครูเบิ้ม สัญจรสอนศิลป์ ซึ่งเป็นศิลปินระดับประเทศ และเรียนรู้การประดิษฐ์สิ่งของจากคุณภาณุพล เอกเพชร หรือที่เด็กๆ รู้จักกันในนาม “พี่โจสอนศิลป์” รายการที่ได้รับความนิยมทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ให้เกียรติเป็นวิทยากรรับเชิญ โดยโครงการนี้ SAM ได้รับแรงบันดาลใจจากพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับการศึกษาและนำมาต่อยอดเป็นแนวความคิดในการให้ความรู้ด้านศิลปะแก่เด็กและเยาวชน ที่มีอายุระหว่าง 7-12 ปี ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศชาติมีโอกาสทางการศึกษาที่ดี ได้พัฒนาความคิดและสติปัญญาในเชิงสร้างสรรค์

นายพลากร วงค์กองแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. (องค์การมหาชน) กล่าวว่าตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน โครงการบ้านมั่นคงได้ดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคงไปแล้วกว่า 285 แห่งทั่วประเทศ โดยมีชุมชนที่ได้รับประโยชน์กว่า 89,000 ครัวเรือน ซึ่ง พอช. มีแนวคิดและนโยบายในการให้ชาวชุมชนเป็นแกนหลักในการสร้างบ้าน สร้างชุมชนของตนเองภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐทั้งส่วนกลาง ท้องถิ่นพร้อมภาคีร่วมเป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งกายภาพและสังคม จากภาพของชุมชนที่เป็นเสมือนผู้บุกรุก ไม่มีความมั่นคงในชีวิตความเป็นอยู่ไปสู่การร่วมแก้ปัญหาความมั่นคงในที่ดินในลักษณะของการซื้อหรือเช่าระยะยาว ทำให้ชุมชนเกิดความมั่นใจที่จะลงทุนในที่อยู่อาศัยและพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง ซึ่งชุมชนฟ้าใสในปัจจุบันมีสมาชิก 39 ครัวเรือนหรือประมาณ 200 คน เป็นชุมชนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากการไล่รื้อเพื่อสร้างแนวเขื่อนกันน้ำท่วมริมคลองลาดพร้าว จึงรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์เคหสถานฟ้าใส จำกัด และประสานขอความช่วยเหลือมายัง พอช. ให้ช่วยแก้ไขปัญหาและจัดหาที่ดินสำหรับการรื้อย้ายบริเวณซอยลาดพร้าว 101 ซึ่งใกล้กับแนวชุมชนเดิม โดย บสส. ได้ให้การสนับสนุนการซื้อขายที่ดิน จำนวน 4 แปลง รวม 533 ตารางวา เพื่อนำไปพัฒนาเป็นโครงการบ้านมั่นคงในลักษณะของการทำสัญญาซื้อขายในรูปแบบรัฐต่อรัฐภายใต้เงื่อนไขพิเศษ และสหกรณ์เคหสถานฟ้าใสเป็นผู้รับโอน ซึ่งขณะนี้การพัฒนาโครงการมีความคืบหน้าไปมาก โดยมีการออกแบบผังชุมชนและออกแบบบ้านร่วมกับสถาปนิก พอช.