ห่วงพนันเพิ่มหลังคนไทยได้ดูบอลโลกฟรี นักวิชาการแนะส่งเสริมองค์กรวิชาชีพกำกับจริยธรรมสื่อ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

           กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคฯ ร่วมกับ มสช. จัดเวทีหามาตรการคุมเข้มพนันบอล เหตุเพราะห่วงคนเล่นพนันเพิ่มหลังมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกผ่านฟรีทีวี ด้านนักวิชาการชี้รูปแบบการพนัน ขยับจากโต๊ะบอลสู่พนันออนไลน์มากขึ้น โดยสื่อมีบทบาทอย่างมากทั้งการชี้นำและกระตุ้นให้เกิดการเล่นพนัน การบล็อกเว็บช่วยแก้ปัญหาได้เฉพาะหน้า แต่ระยะยาวทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แนะองค์กรวิชาชีพจับมือ กสทช. ออกแนวปฏิบัติคุมกำเนิดปัญหา

           นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา และ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ร่วมกับโครงการขับเคลื่อนสังคมและนโยบายสาธารณะเพื่อลดผลกระทบจากการพนัน มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) จัดงานเสวนา “ฟุตบอลโลก : เกมหรือพนัน กับบทบาทอันท้าทายของสื่อ” เพื่อหามาตรการควบคุมและแก้ไขปัญหาพนันบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำหน้าที่ของสื่อ ตลอดจนการทายผลฟุตบอลผ่านออนไลน์


          พนันออนไลน์โต ห่วงเยาวชนเป็นเหยื่อ
          นายประวิทย์ กล่าวว่า แม้สังคมจะยอมรับเรื่องการพนันว่ามีมาแต่เดิม แต่ปัจจุบันรูปแบบการพนันได้เปลี่ยนแปลงจากวิถีชุมชนมาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่ในอดีตชุมชนไม่ได้ตีไก่หรือแทงหวยกันทุกวัน แต่ปัจจุบันมีการเล่นพนันกันเป็นเทศกาล สามารถทายผลฟุตบอลกันได้ทุกวัน และสื่อมีบทบาทสำคัญอย่างมากทั้งการชี้นำและเป็นช่องทางการเล่น โดยเยาวชนสามารถเล่นพนันกันได้แม้กระทั่งอยู่ในห้องนอน ด้วยการเล่นผ่านระบบออนไลน์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สังคมต้องร่วมกันขีดวงปัญหา เพราะถ้าสังคมไหนปล่อยให้เยาวชนเล่นพนัน นั่นหมายถึงความล้มเหลวของสังคมนั้น

          “ทุกครั้งที่มีการแข่งขันฟุตบอลแมตช์สำคัญๆ จำนวนคนเล่นพนันบอลก็จะพุ่ง ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้มีการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวี ในอีกด้านหนึ่งจึงน่าเป็นห่วงว่าจะส่งเสริมให้มีการเล่นพนันเพิ่มมากขึ้น จึงมีโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้สังคมไม่ยอมรับค่านิยมนี้ โดยถึงแม้จะไม่สามารถทำให้พนันบอลหายไปจากสังคมไทยได้ แต่ทำอย่างไรไม่ให้การพนันแพร่ระบาด เพราะที่ผ่านมาหลังจากจบการแข่งขันฟุตบอล ก็มักมีข่าวตามมาว่า มีเด็กโดนทำร้ายในโรงเรียน เนื่องจากถูกตามทวงหนี้” นายประวิทย์กล่าวด้วยความเป็นห่วง


          ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ธุรกิจพนันบอลของไทยเปลี่ยนจากการเล่นพนันผ่านโต๊ะบอลมาเป็นระบบออนไลน์มากขึ้น โดยพนันออนไลน์เป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็ว มีอัตราต่อรองที่หลากหลายและดีกว่าโต๊ะบอล รวมถึงมีความปลอดภัยมากขึ้นต่อการถูกปราบปราม และไม่ต้องจ่ายค่าสินบนให้กับเจ้าพนักงาน

ทั้งนี้ ดร.วิษณุ ระบุว่า จากการสำรวจเมื่อปี 2556 พบประชาชนทั่วไปเล่นพนันผ่านทางเว็บไซต์สูง 18.58% เล่นผ่านโต๊ะบอล 17.60% และเล่นกันเองระหว่างเพื่อนฝูง 19.55% ซึ่งคนเหล่านี้รับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์มากที่สุด 55.32% สื่อโทรทัศน์ 36.17% และสื่อหนังสือพิมพ์ 34.57% และมีผู้ยอมรับว่าเคยเป็นทั้งผู้เล่นและเจ้ามือรับแทงพนันบอล 22.70% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ในขณะที่ผลสำรวจการเล่นพนันบอลในกลุ่มนักศึกษา พบว่า เล่นพนันผ่านเว็บไซต์ 31.10% และเล่นผ่านโต๊ะบอล 74.51% โดยเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ถึง 82.57% สื่อโทรทัศน์ 34.13% และสื่อหนังสือพิมพ์ 30.96% และมีนักศึกษายอมรับว่าเคยเป็นทั้งผู้เล่นและเจ้ามือรับแทงพนันบอล 8.2%

          เร่งปรับปรุงกฎหมาย หาแนวร่วมจากทุกฝ่าย
          ผศ.ดร.จิรศิลป์ จยาวรรณ ศูนย์การศึกษาด้านการสื่อสารและการบริการครบวงจร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดเผยว่า การสกัดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์พนันออนไลน์ ในทางเทคนิคเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ก็มีความลำบากยุ่งยากเช่นกัน กล่าวคือ หากใช้วิธีการบล็อก IP ก็อาจพบว่าเว็บไซต์มักมีหลาย IP ถ้าบล็อกไม่หมด เว็บไซต์นั้นก็สามารถเชื่อมต่อได้ ส่วนการบล็อกที่ url ก็มักพบว่าเว็บไซต์ผิดกฎหมายเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลง url เรื่อยๆ ซึ่งก็ต้องมีคนคอยเฝ้าระวังหรือมอนิเตอร์ตลอดเวลา ขณะที่หากใช้วิธีการคัดกรองเนื้อหา ถ้าทำในระดับ ISP ก็ต้องตามไปคัดกรองในทุก ISP แต่ถ้าคัดกรองในระดับ gateway ก็ต้องเจอปัญหาการคัดกรองข้อมูลในระดับมหาศาล
          
          “แม้จะมีการปิดกั้นเว็บไซต์พนันบอลออนไลน์ ก็ไม่ได้หมายความว่าการเล่นพนันดังกล่าวจะหมดไป เพราะผู้เล่นก็จะกลับไปเล่นพนันผ่านโต๊ะบอลมากขึ้น ตราบเท่าที่ยังมีความต้องการเล่นพนันกันอยู่ ดังนั้นการกำกับดูแลจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนทุกฝ่ายต้องช่วยกันกำกับดูแลเพื่อลดปัญหานี้” ผศ.ดร.จิรศิลป์ กล่าว

          ด้านนายไพศาล ลิ้มสถิต ศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ว่า รูปแบบการเล่นพนันในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่ พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 เป็นกฎหมายที่ล้าสมัย ที่ผ่านมาคนที่เล่นพนันส่วนใหญ่ไม่เคยถูกจับกุมและดำเนินคดี มีเพียง 9-10% เท่านั้นที่ถูกจับกุมดำเนินคดี โดยกฎหมายระบุบทลงโทษผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 4 ทวิ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งคนที่ถูกจับกุมดำเนินคดีส่วนใหญ่ถูกปรับไม่เกิน 1,000 บาท ถือว่าโทษเบามาก
“ข้อเสนอคือยกเลิก พ.ร.บ. พนันฉบับเดิม แล้วออกกฎหมายฉบับใหม่ เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนแจ้งเบาะแสเว็บไซต์พนันผิดกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยต้องประสานกับตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามตรวจสอบและเผยแพร่ข้อมูลการปิดเว็บไซต์พนัน โดยทำเป็นสถิติไว้เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อดูว่าเว็บไซต์จะโผล่กลับมาอีกหรือไม่ รวมถึงมีมาตรการเรื่องการอายัดการทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการพนัน” นายไพศาลระบุ

          นักวิชาการแนะ กสทช. ร่วมกับองค์กรวิชาชีพแก้ปัญหา
          ในมิติเรื่องบทบาทของสื่อ ผศ.ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ มูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา (Media Monitor) เปิดเผยว่า จากการศึกษาปัญหาเรื่องพนันบอลนับตั้งแต่การแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 พบว่าสื่อมีบทบาทอย่างมากต่อการตัดสินใจเล่นหรือไม่เล่นพนันบอล โดยพบว่าหลายสื่อมีการนำเสนอเนื้อหาทั้งในระดับที่นำไปใช้ในการพนันได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความ เช่นการบอกอัตราต่อรอง การฟันธงทีมแพ้ทีมชนะ รวมไปถึงการชี้ช่องทางหรือแม้กระทั่งรับแทงพนันโดยตรง ซึ่งหากพบการกระทำที่ล้ำเส้น องค์กรวิชาชีพก็ต้องตักเตือน
“บางครั้งผู้ดำเนินรายการสายกีฬาก็มีแล่บหลุดไปบ้าง ด้วยความที่มีข้อมูลเยอะ บวกกับเป็นความสนใจส่วนตัว พอวิเคราะห์เกมการแข่งขัน ก็อาจมีการบอกอัตราต่อรองหรือทายผลแพ้ชนะ โดยเฉพาะรายการที่ไม่มีสคริปต์ ดังนั้นจึงต้องมีความระมัดระวัง และรู้จักแยกแยะบทบาทหน้าที่กับความสนใจส่วนตัว ไม่ล้ำเส้นเป็นการพนัน” ผศ.ดร.เอื้อจิต ยกตัวอย่าง

          เช่นเดียวกันกับ นายธาม เชื้อสถาปนศิริ สถาบันการสื่อสาธารณะ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ที่มองว่า แนวปฏิบัติของสื่อมวลชนคือต้องระวังไม่นำเสนอเนื้อหาที่ชี้นำหรือชักจูงไปสู่การพนัน เช่น ไม่พูดถึงแต้มต่อรอง ไม่ชี้ช่องการเล่นพนันทุกรูปแบบอย่างสิ้นเชิง


          พร้อมกันนั้น นายธาม มีข้อเสนอถึง กสทช. ว่า ควรส่งเสริมมาตรการควบคุมและกำกับดูแลกันเองของสื่อ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการวิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม ต้องสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรวิชาชีพตามประเภท แล้วให้องค์กรวิชาชีพเหล่านั้นจัดทำข้อบังคับจริยธรรมหรือแนวปฏิบัติจรรยาบรรณวิชาชีพ แล้วทำหน้าที่กำกับดูแลจริยธรรมกันเอง เมื่อเกิดกรณีผู้ประกอบการกระทำความผิด ก็ให้มีการตักเตือนและลงโทษกันเอง โดยกำหนดความรุนแรงของโทษเป็นลำดับชั้น แต่หากมีการกระทำผิดซ้ำๆ ก็ให้แจ้งมาที่ กสทช. ซึ่งอาจลงโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต

ข่าวประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา+สาวสุภิญญา กลางณรงค์วันนี้

ประวิทย์ – สุภิญญาเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะการปรับปรุงร่าง พรบ. กสทช. ใน 5 ประเด็นสำคัญ

เวบไซต์ www.nbtcrights.com (http://nbtcrights.com/2016/09/6787) ได้เผยแพร่หนังสือฉบับที่ ทช 1003.09/31834 วันที่ 22 ส.ค. 59 ของ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ และ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช.ด้านส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค ส่งถึงประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง ความเห็นและข้อเสนอแนะ

จับตา กสทช. ข้อเสนอต่อร่าง พ.ร.บ.กสทช. ฉบับกฤษฎีกา พิจารณางบประชาสัมพันธ์ซิม 40 ล้านบาท และกองทุนเสนอตั้งอนุฯ บริหารความเสี่ยง

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้(พุธที่ 18 มี.ค. 58) ในการประชุมบอร์ด กสทช....

การประชุมเพื่อปรึกษาหารือนโยบายด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารของประชาชนเรื่อง “ทิศทางการปฏิรูปสื่อที่ควรเป็น”

การประชุมเพื่อปรึกษาหารือนโยบายด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารของประชาชน เรื่อง “ทิศทางการปฏิรูปสื่อที่ควรเป็น” วันพฤหัสบดีที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ...

ประสานเสียงคูปองไม่ควรใช้แลกกล่องดาวเทียม – เคเบิ้ล หวั่น กสทช.ทำคลอดและทำแท้งดิจิตอลทีวี

กสทช. จัดโฟกัสกรุ๊ป ถกที่มาฐานแนวคิดมูลค่าคูปองที่เหมาะสม ต้องมีฐานกฎหมายรองรับ ช่องดิจิตอล ผู้บริโภคพร้อมเพรียงเงื่อนไขคูปองไม่ควรสนับสนุนกล่องดาวเทียม – เคเบิ้ล หวั่น!กสทช.ทำคลอดและทำแท้งทีวีดิจิตอลในคราเดียว...

กสทช.ถกแนวคิดราคาคูปองและการใช้งานเพื่อสาธารณะและคุ้มครองผู้บริโภค

กสทช. จัดโฟกัสกรุ๊ป แนวคิดการกำหนดมูลค่าคูปองที่คำนึงถึงการคุ้มครองผู้บริโภคและประโยชน์สาธารณะ ภายใต้โครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล พร้อมถกรูปแบบการแจก ข้อดี – ข้อเสียของกล่องทุกประ...

สุภิญญาแย้ง ไม่เห็นด้วยการฟ้องทีดีอาร์ไอและสื่อสาธารณะ

กสทช.สุภิญญา ไม่เห็นด้วยกับการฟ้องร้องดร.เดือนเด่น – ทีดีอาร์ไอ และณัฐฐา – ไทยพีบีเอส พร้อมย้ำ! กสทช.ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ควรใช้วิธีดีเบตข้อมูลผ่านสื่อสาธารณะแทน นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม...

สุภิญญา ประวิทย์ ร่วมเสวนาเครือข่ายภาคใต้ หนุนภาคประชาชนมีส่วนร่วม

กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ลงพื้นที่สงขลา ร่วมเสวนากับเครือข่ายประชาสังคมภาคใต้ ระบุ การจัดการเรื่องร้องเรียนยังอืด หน่วยงานกำกับดูแลจำกัดตัวเองทำงานอยู่แต่ในกรอบ ด้านวิทยุโทรทัศน์ หนุนภาคประชาสังคมร่วมออก...

กสทช. เร่งหาแนวทางคุ้มครองผู้บริโภคสื่อวิทยุ-โทรทัศน์ ในการเลือกซื้อ “กล่องรับสัญญาณ” ในยุคดิจิตอล

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ และนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ด้านสิทธิเสรีภาพและคุ้มครองผู้บริโภค จัดเวทีเสวนาสาธารณะ NBTC Public...

5G กวนจานดำ กสทช. แนะตัดสินใจให้ดีก่อนเปลี่ยนหัวรับสัญญาณดาวเทียม

รายงานข่าวจาก กสทช. ระบุว่า ในช่วงนี้มีการร้องเรียนเรื่องการตั้งเสาสัญญาณ 5G รบกวนจานดำ จนทำให้ดูโทรทัศน์ดาวเทียมตามปกติไม่ได้ ล่าสุดมีผู้ที่พักอาศัยแถวสุขุมวิทร้องเรียนมาที่ กสทช. โดยแจ้งว่าช่างติดตั้งจานดาวเทียมได้ไปดูแล้วยืนยันว่า...