สศข.11 เตือนเกษตรกรระวังสถานการณ์การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในนาข้าวหลายพื้นที่ของจังหวัดอุบลราชธานี เผย มีการระบาดแล้ว 11 อำเภอ รวมประมาณ 3.7 หมื่นไร่ เตือนเกษตรกรเฝ้าระวังและหมั่นสังเกต พร้อมออกมาตรการควบคุม แนะ รีบแจ้งไปยังหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ หรือ ผู้นำชุมชน หรือ เกษตรอาสาได้ทันที
นายไพฑูรย์ สีลาพัฒน์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 11 (สศข.11) อุบลราชธานี สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในนาข้าวหลายพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี ทั้ง 11 อำเภอ พื้นที่การระบาดรวมประมาณ 3.7 หมื่นไร่นั้น สถานการณ์ระบาดโดยรวมของจังหวัดอุบลราชธานี พบว่า ยังมีการระบาดขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และใช้มาตรการควบคุมการระบาด พร้อมให้คำแนะนำป้องกันและกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่ถูกต้องตามหลักวิชาการแล้ว โดยมีการเร่งตรวจสอบพื้นที่และติดตามสถานการณ์การระบาดอย่างใกล้ชิด
สำหรับการป้องกัน แนะนำให้เกษตรกรใช้สารบิวเวอเรียฉีดพ่น 3-5 วัน ใช้กับดักกาวเหนียว ใช้กับดักแสงไฟ เพื่อล่อตัวเต็มวัยมาทำลาย โดยในส่วนพื้นที่ที่มีการระบาด แนะนำให้เกษตรกรใช้สารฆ่าแมลงบูโพรเฟซิน หรือสาร อีโทเฟนพรอกซ์ หรือ สารคาร์โบฃัลแฟน หรือ ไอโซโพรคาร์บ โดยใช้ในอัตราตามคำแนะนำที่ระบุในฉลาก หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ระบาดในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ขณะนี้ คือ เรื่องของสภาพอากาศเหมาะสม (อุณหภูมิ 28 องศา/ ความชื้นมากกว่า 80%) การเคลื่อนย้ายตามกระแสลม ประกอบกับพันธุ์ข้าวอ่อนแอ (มะลิ 105, กข.15) และการทำนาหว่านที่ต้นข้าวหนาแน่นเกินไป
สศข.11 จึงขอฝากเตือนเกษตรกรให้ระมัดระวังป้องกัน โดยเฉพาะเกษตรกรที่อยู่ใกล้แหล่งระบาด โดยหากได้รับผลกระทบความเสียหาย สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือ ผู้นำชุมชน เช่น ผู้ใหญ่บ้าน หรือเกษตรอาสา เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงเพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ได้ทันท่วงที
ทั้งนี้ ทางจังหวัดอุบลราชธานีโดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พร้อมติดตามสถานการณ์ วางมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจัดเป็นศัตรูพืชที่มีความสามารถในการทำลายอย่างรวดเร็วและมีระดับความรุนแรงสูง มีแนวโน้มอันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตของเกษตรกรในวงกว้างได้ โดยสามารถสอบถาม หรือแจ้งสถานการณ์ได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตรเขต 11 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 11 อุบลราชธานี โทร. 045 344 653-4 ในวันและเวลาราชการ
'กระท้อนนาปริก' จ.สตูล สินค้า GI มุ่งยกระดับคุณภาพ พัฒนาตลาด สร้างรายได้อย่างยั่งยืน
แนะปลูกพืชกำไรงาม 'ข้าวโพดหวาน กล้วยหอม แตงโม’ ทดแทนนาข้าวไม่เหมาะสม จ.นครสวรรค์
ต้นแบบแปลงใหญ่ 'ตะไคร้บ้านวงฆ้อง' จ.กำแพงเพชร รวมกลุ่มผลิตมาตรฐาน GAP สร้างรายได้ หนุนเศรษฐกิจชุมชน
เลขาธิการ สศก. เตรียมนำทีม ลุย Crop Cutting ภาคสนามเพชรบูรณ์ 27 ตุลาคมนี้ ลงพื้นที่แปลงข้าวโพดเกษตรกร ยกระดับข้อมูลแม่นยำพืชเศรษฐกิจของประเทศ
'แปลงใหญ่ทั่วไป (ข้าว)' จ.สุพรรณบุรี ผลิตข้าว GAP คุณภาพ แหล่งให้บริการเครื่องจักรกลการเกษตรในพื้นที่ สร้างรายได้ให้กลุ่ม 810,000 บาท/ปี
สศท.12 ชวนศึกษาวิถี เกษตรอินทรีย์ 'บ้านสวนน้อยชมจันทร์' จ.เพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบยั่งยืน
สศท.5 หนุน 'ผำ' อาหารแห่งอนาคต สู่โปรตีนทางเลือกยุคใหม่ ตามนโยบายเกษตรมูลค่าสูง
โครงการปรับปรุงคลองส่งน้ำ ท่ามะกา ระยะ 5 ช่วยเกษตรกร 40 ครัวเรือน ผลผลิตและรายได้เพิ่ม
ปีนี้ ไม้ผลภาคใต้ 4 ชนิด ผลผลิตรวม 6.7 แสนตัน สศท.8 ชวนบริโภค 'ลองกอง' ในฤดู ก.ย. - ต.ค. นี้ ออกตลาด ร้อยละ 42