สถาบันรหัสสากล ส.อ.ท. จับมือ สปป.ลาว ยกระดับผู้ประกอบการ ด้วยมาตรฐาน GS1 ประยุกต์ใช้ส่งเสริมธุรกิจ เพิ่มมูลค่าของสินค้าและส่งออกในตลาดสากล

14 Jan 2015
สถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ ศูนย์ยั่งยืนมาตรฐาน และตรวจสอบคุณภาพแห่งชาติ กรมมาตรฐาน และ วัดแทก กระทรวงวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ(MOU) ด้านการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจและส่งเสริมสนับสนุน การพัฒนาเกี่ยวกับการใช้ระบบมาตรฐานสากล (GS1 System) ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในวันอังคารที่ 13 มกราคม 2558 เวลา 14.00 – 15.00 น. ณ ห้อง Board Room 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ และส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาเกี่ยวกับการใช้ระบบมาตรฐานสากล (GS1 System) เช่น ระบบบาร์โค้ด เทคโนโลยี EPC/RFID (Electronic Product Code / Radio Frequency Identification) ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ประกอบการและผู้สนใจทั่วไป ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้และส่งเสริมธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องตามมาตรฐานสากล เกิดการเชื่อมโยงฐานข้อมูลกันได้ทั่วโลก อีกทั้ง การให้คำปรึกษาเชิงลึกตามมาตรฐานสากล GS1 ที่เหมาะสมกับธุรกิจของผู้ประกอบการ ได้ในอนาคตต่อไป โดยมีนายขันธวง ดาลาวงธ์ รอง ผอ.ศูนย์ยั่งยืนมาตรฐาน และ ตรวจสอบคุณภาพแห่งชาติ กรมมาตรฐาน และ วัดแทก กระทรวงวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี สปป.ลาว และนายประวิทย์ โชติปรายนกุล ผอ. สถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมฯ ลงนามร่วมกัน และได้รับเกียรติจาก นายบ่อเวียงคำ วงดาลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการสถาบันรหัสสากล ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงนาม MOU ในครั้งนี้เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะร่วมมือกันช่วยเหลือและยกระดับผู้ประกอบการลาว และผู้ประกอบการไทยที่ส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในประเทศลาว ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาตนเองโดยเริ่มจากการเสริมสร้างองค์ความรู้และนำเทคโนโลยีระบบบาร์โค้ดติดลงบนบรรจุภัณฑ์สินค้า เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าและส่งออกในตลาดสากล เป็นการยกระดับธุรกิจและการค้าของประเทศได้อย่างมีเสถียรภาพ

“GS1 Thailand ในฐานะผู้ควบคุมและผลักดันการใช้งานเทคโนโลยี บาร์โค้ดและ RFID ด้วยมาตรฐาน EPC(Electronic Product code) เพื่อนำไปใช้ในงานด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้เห็นความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงาน ระหว่าง ศูนย์ยั่งยืนมาตรฐาน และ ตรวจสอบคุณภาพแห่งชาติ กรมมาตรฐาน และ วัดแทก กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สปป.ลาว และ GS1 Thailand สถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการ ให้มีความรู้ ความเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญ ของการศึกษาเทคโนโลยี บาร์โค้ด RFID ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ส่งเสริมธุรกิจได้อย่างยั่งยืนแต่บัดนี้เป็นต้นไป” ประธาน ส.อ.ท. กล่าว

ด้านนายประวิทย์ โชติปรายนกุล ผู้อำนวยการสถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศ กล่าวว่า สถาบันรหัสสากล ดำเนินงานภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลเลขหมายบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 และเทคโนโลยีที่ระบุสินค้าด้วยคลื่นความถี่วิทยุ EPC/RFID (Electronic Product Code/Radio Frequency Identification) ระบบบาร์โค้ดและอาร์เอฟไอดี เป็นระบบมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายเนื่องจากเป็นภาษาสากลทางธุรกิจที่ใช้ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก เป็นการระบุตัวตนของสินค้าได้อย่างไม่ซ้ำซ้อนกัน ได้เล็งเห็นความสำคัญ และความจำเป็นของเรื่องระบบมาตรฐานดังกล่าว กอปรกับทาง GS1 Thailand ได้เข้าไปบรรยายและให้คำปรึกษาเรื่องระบบบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ให้กับผู้ประกอบการใน สปป. ลาว มาแล้วนั้น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำระบบบาร์โค้ดมาตรฐานสากลมาติดบนบรรจุภัณฑ์สินค้า เพื่อความสะดวกในการกระจายสินค้าและการบริหารจัดการสินค้า ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการภายในประเทศสามารถส่งสินค้าเข้าจำหน่ายในร้านค้าปลีก หรือห้างสรรพสินค้าในระบบการค้าที่ทันสมัย และการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น สร้างความถูกต้องรวมถึงการจัดการอย่างต่อเนื่องจากต้นน้ำถึงมือผู้บริโภคทั่วโลก

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงประสงค์ให้ สถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้คำปรึกษาด้านการนำเทคโนโลยีรหัสสากลระบบบาร์โค้ด ให้กับผู้ประกอบการภาคธุรกิจต่างๆ ในประเทศลาว เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยีที่ส่งเสริมให้กับธุรกิจได้ จึงได้จัดให้มีความร่วมมือจัดทำข้อตกลงบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ขึ้น