นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้ประกาศเรื่องขอให้เกษตรกรชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปีในพื้นที่จังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด ตั้งแต่ 9 มิถุนายน 2558 อันเนื่องมาจากสถานการณ์น้ำที่ไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าวนาปี และนาปรัง การอุปโภค-บริโภค และกิจกรรมอื่นๆ รวมทั้งปริมาณน้ำฝนที่ทิ้งช่วงออกไป โดยแนะนำให้ปลูกพืชฤดูแล้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 ไปแล้วนั้น
ในการนี้ สศก. ได้วิเคราะห์ถึงค่าเสียโอกาสของการหมุนเวียนเม็ดเงินการปลูกข้าวนาปี 2558 ที่กำลังดำเนินการเพาะปลูกในขณะนี้ของเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีพื้นที่ในการเพาะปลูกประมาณ 13 ล้านไร่ ซึ่งต้องเลื่อนหรือชะลอการเพาะปลูกออกไป โดย สศก. ได้ประเมินภายใต้กรอบของต้นทุนการผลิตข้าวนาปี ได้แก่ ค่าแรงงาน ค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืช ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่น อื่นๆ เช่น ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์การเกษตร ค่าวัสดุอุปกรณ์ และวัสดุสิ้นเปลือง ค่าเสียโอกาสเงินลงทุน เป็นต้น รวมเป็นเม็ดเงินทั้งสิ้น 60,171.93 ล้านบาท
จากเม็ดเงินหมุนเวียนดังกล่าว สามารถพิจารณาแบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรก เสียโอกาสการหมุนเวียนเม็ดเงินร้อยละ 42.51 (จำนวน 25,576.67 ล้านบาท) อันเนื่องมาจากการลงทุนด้านแรงงานที่สูงในช่วงแรกของการผลิต ค่าพันธุ์ ระยะที่สอง เสียโอกาสการหมุนเวียนเม็ดเงินร้อยละ 33.61 (จำนวน 20,221.47 ล้านบาท) เป็นช่วงการดูแลรักษาใส่ปุ๋ย และระยะที่สาม เสียโอกาสการหมุนเวียนเม็ดเงิน ร้อยละ 23.89 (จำนวน 14,373.79 ล้านบาท) เป็นช่วงของการเก็บเกี่ยว การขนส่ง
รายการ |
ค่าเสียโอกาสการหมุนเวียนเม็ดเงิน |
(ล้านบาท) | |
1. ค่าแรงงาน |
27,037.79 |
2. ค่าพันธุ์ |
6,937.71 |
3. ค่าปุ๋ย |
9,089.60 |
4. ค่ายาปราบศัตรูพืชและวัชพืช |
2,153.71 |
5. ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่น |
2,792.01 |
6. อื่น ๆ |
12,161.11 |
7. รวมทั้งสิ้น |
60,171.93 |