นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคเกษตรไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดภัย โดยเน้นการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากล ซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการเกษตรปลอดภัยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งมีภารกิจในการจัดทำข้อมูลและสารสนเทศสินค้าเกษตร ได้ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลในเขตจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีผลผลิตกุ้งขาวแวนนาไมทั้งหมดในปี 2567 ปริมาณ 12,584 ตัน คิดเป็นร้อยละ 2.84 จากผลผลิตทั้งประเทศ 389,793 ตัน ซึ่งมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งขาว แวนนาไมที่ขึ้นทะเบียน ในปี 2568 ทั้งสิ้น 397 ฟาร์ม แบ่งเป็นฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย (GAP) ของกรมประมง 161 ฟาร์ม คิดเป็นร้อยละ 40.55 และฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP (มกษ.) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 47 ฟาร์ม คิดเป็นร้อยละ 11.83 ส่วนที่เหลือเป็นฟาร์มที่ไม่มี GAP หรืออยู่ระหว่างดำเนินการขอมาตรฐาน GAP รวมกัน 189 ฟาร์ม คิดเป็นร้อยละ 47.61 ของฟาร์มทั้งหมด
จากการสอบถามตัวอย่างเกษตรกรเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม GAP ของฟาร์มขนาดเล็ก มีพื้นที่เลี้ยงไม่เกิน 20 ไร่ จำนวน 25 ฟาร์ม เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ผลผลิตการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม GAP ปี 2568 พบว่านิยมเลี้ยงแบบทยอยปล่อยกุ้งในหลายบ่อ มีระยะเวลาการเลี้ยงเฉลี่ย 90 - 120 วัน และสามารถเลี้ยงได้ 2-3 รอบ/ปี หากเลี้ยง ครบกำหนดโดยไม่ประสบปัญหาโรค จะได้กุ้งขนาดเฉลี่ย 35 - 40 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาจำหน่าย 180 - 230 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาจะขึ้นลงตามความต้องการของตลาด ทั้งนี้ฟาร์มที่ได้ GAP มีความได้เปรียบด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ส่งผลให้เข้าถึงตลาดส่งออกและผู้ซื้อรายใหญ่ ขณะที่ฟาร์มที่ไม่มี GAP มักจำกัดตลาดอยู่ในพื้นที่ท้องถิ่น สำหรับราคาปัจจุบัน ตลาดทะเลไทยจังหวัดสมุทรสาคร ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2568 ราคากุ้งขาวแวนนาไม (ราคารวมทั้งมี GAP และไม่มี GAP) ขนาด 40 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ย 180 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า การเลี้ยงกุ้งเกษตรกรยังคงประสบปัญหาจากโรคระบาด เช่น โรคขี้ขาว (White Feces Syndrome: WFS) และ โรค EMS/AHPNS (Early Mortality Syndrome) จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญ ต่อการจัดการฟาร์มอย่างเหมาะสม ควบคุมคุณภาพน้ำ ป้องกันปัจจัยเสี่ยง และลดการใช้สารเคมีหรือยาปฏิชีวนะ ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน GAP ส่งเสริมความปลอดภัยด้านอาหารของประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงมีนโยบายแก้ไขปัญหา เช่น การลดต้นทุนแฝงจากการเกิดโรค การส่งเสริมการผลิตลูกกุ้งคุณภาพ ปลอดโรค การให้บริการด้านสุขภาพสัตว์น้ำ การพัฒนาศักยภาพและสร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ โรคกุ้ง ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งทะเลแบบปิดในระบบน้ำหมุนเวียน เป็นต้น รวมทั้งการควบคุมการนำเข้ากุ้ง โดยผู้นำเข้าต้องมีใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) ซึ่งจะถูกสุ่มตรวจโรคสัตว์น้ำและสารตกค้าง กรณีตรวจพบเชื้อก่อโรคจะดำเนินการทำลายสินค้ากุ้งทันที โดยแนวทางพัฒนาควรส่งเสริมการตลาดรองรับกุ้ง GAP เร่งพัฒนาและสนับสนุนวิธีการเลี้ยงแบบยั่งยืน เช่น การใช้โปรไบโอติกและการจัดการชีวภาพ เป็นต้น เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในอนาคต พัฒนาเกษตรกรต้นแบบเพื่อขยายเครือข่ายผู้เลี้ยงกุ้งปลอดภัยให้เข้มแข็งและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าสัตว์น้ำปลอดภัยของกรมประมง รวมทั้งในภาคเกษตรกรและผู้ประกอบการควรสร้างจุดเด่นกุ้ง GAP ให้แตกต่างจากกุ้งทั่วไปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ทั้งนี้ สศก. มีแผนจะลงพื้นที่สำรวจสินค้าประมงเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง