อุดช่องโหว่ ป.ป.ช. เดินหน้าขจัดคอร์รัปชั่น สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ทีดีอาร์ไอแนะปิดช่องโหว่ ป.ป.ช. ให้มีความเป็นอิสระในทางการเมืองและการเงิน ย้ำต้องโปร่งใส-เปิดเผย-ตรวจสอบได้ พร้อมจับตาคณะกรรมการชุดใหม่ สานต่อภารกิจปราบคอร์รัปชั่น 
          รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2540 ได้วางกลไกตรวจสอบทุจริต "ข้าราชการและนักการเมือง" ผ่านองค์กรอิสระ คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. โดยมีเจตนารมณ์ให้ทำหน้าที่ ป้องกัน ปราบปราม ตรวจสอบการทุจริตอย่างตรงไปตรงมา ไม่ขึ้นกับฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ปราศจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งในเชิงอำนาจและการเงิน
          เพื่อเป็นการประเมินผลว่าองค์กรอิสระสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทีดีอาร์ไอได้ศึกษาวิจัยในหัวข้อ "การประเมินองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการต่อต้านคอร์รัปชั่น" ในช่วงปี พ.ศ. 2552 – 2557 พบว่า ป.ป.ช. ยังไม่สามารถสร้างผลงานบรรลุเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญได้ เนื่องจากประสบกับปัญหาขาดความอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ และปัญหาด้านงบประมาณ ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินงานและการบริหารงานบุคคล อีกทั้ง ป.ป.ช. ยังขาดการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง 
          ในด้านการปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช. ขาดความเป็นอิสระในการสืบสวนและเอาผิดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง เนื่องจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2540 ได้ให้อำนาจแก่ฝ่ายบริหารในการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาเป็น ป.ป.ช. ทำให้ ป.ป.ช. อาจเกิดความเกรงใจที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบผู้มีส่วนเสนอชื่อหรือแต่งตั้งตนเป็นกรรมการ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รัฐธรรมนูญปี 2550 จึงปรับโครงสร้างกรรมการสรรหาใหม่ โดยปรับสัดส่วนและถ่วงอำนาจโดยฝ่ายตุลาการ จากเดิมมีสัดส่วนคณะกรรมการสรรหา จำนวน 15 คน ได้แก่ ฝ่ายตุลาการ 3 คน ฝ่ายวิชาการ 7 คน และฝ่ายการเมือง 5 คน เหลือเพียงคณะกรรมการ 5 คน ประกอบด้วย ฝ่ายการเมือง 2 คน และฝ่ายตุลาการคงไว้เช่นเดิม เพื่อป้องกันการครอบงำโดยฝ่ายบริหาร 
          นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังต้องอาศัยการอนุมัติงบประมาณจากฝ่ายบริหารที่ ป.ป.ช. ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ประเด็นนี้ถือเป็นความลักลั่นอย่างหนึ่ง จึงทำให้ ป.ป.ช. ประสบปัญหาการขาดงบประมาณในช่วงที่รัฐบาลลดการสนับสนุนการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจึงไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ ดังจะเห็นได้จากผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2558 ที่มีจำนวนคดีคงเหลือค้างอยู่มากถึง 11,048 เรื่อง ส่งผลให้สำนักงาน ป.ป.ช. กลายเป็นองค์กรตรวจสอบที่ไม่เข้มแข็งตามบทบาท ไม่สามารถตรวจสอบฝ่ายบริหารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 
          ขณะที่การบริหารงานบุคคล มีการให้ค่าตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำไม่จูงใจบุคลากรที่มีศักยภาพให้อยู่กับองค์กร รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากไม่มีกฎหมายคุ้มครองกรณีถูกฟ้องร้องกลับจากผู้ถูกตรวจสอบ นอกจากนี้ โครงสร้างและการดำเนินงานขององค์กรยังมีความเป็นราชการจึงทำให้ขาดความคล่องตัวในการดำเนินงาน 
          เมื่อไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ป.ป.ช. จึงถูกมองว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อขจัดนักการเมืองคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามมากกว่ารักษาผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้น ทีดีอาร์ไอจึงเสนอแนวทางการดำเนินงานของ ป.ป.ช. ให้มีความเป็นอิสระและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ โดยป้องกันการแทรกแซงกระบวนการสรรหา ด้วยการปรับสัดส่วนของคณะกรรมการสรรหา ป.ป.ช. ให้มีความหลากหลายในสาขาวิชาชีพ เพราะที่ผ่านมาถือว่ายังคงให้อำนาจแก่ฝ่ายตุลาการ และพรรคการเมืองค่อนข้างมาก ซึ่งยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคมแต่อย่างใด 
          อีกทั้งควรกำหนดค่าตอบแทนที่จูงใจในการดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพเข้ามาทำงาน ด้วยการจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอตามการเสนอขอในแต่ละปี และการจัดสรรงบประมาณ ควรระบุแหล่งงบประมาณที่แน่นอน ที่จะจัดสรรให้ ป.ป.ช. ไว้ในกฎหมาย เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเปิดโอกาสให้สื่อ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการต่อต้านคอร์รัปชั่น เพื่อลดภาระการตรวจสอบ-ป้องกันการทุจริตโดย ป.ป.ช. และยังได้สร้างทัศนคติในการต่อต้านคอร์รัปชั่นแก่ภาคส่วนต่างๆ แนวทางเหล่านี้จะเป็นปัจจัยช่วยให้เกิดการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในประเทศไทยได้อย่างแท้จริง 
          อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรมมากนัก เพราะการตรวจสอบ เอาผิดในหลายคดีค่อนข้างล่าช้า เห็นได้จากคดีทุจริตที่อยู่ในความสนใจของสาธารณะจำนวนมากยังคงค้างอยู่ในชั้นศาล รวมถึงการตั้งคำถามของสังคมต่อจุดยืนของ ป.ป.ช. ในความเป็นกลางและความโปร่งใส 
          บทบาทของ ป.ป.ช. จึงยังคงถูกสังคมเฝ้ามองอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการสรรหา ป.ป.ช. มีมติเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งกรรมการชุดใหม่ ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารราชการ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชี และด้านการตรวจสอบภายใน รวม 5 คน การทำงานของ ป.ป.ช. ชุดใหม่จึงถูกคาดหวังว่าจะเดินหน้าสะสางคดีค้าคางด้วยความเป็นอิสระจากการเมืองทั้งในเชิงของอำนาจและการเงิน
          นางวีรวัลย์ ไพบูลย์จิตต์อารี หนึ่งในคณะผู้วิจัย มีมุมมองต่อสัดส่วนและแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ในอนาคตของคณะกรรมการชุดใหม่ว่า "จากสัดส่วนกรรมการที่เพิ่งได้รับการสรรหามีความหลากหลายในวิชาชีพ และเพิ่มเติมผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชีเข้ามา ทำให้มีมุมมองกว้างขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน องค์กรควรปรับกระบวนการดำเนินงานให้เหมือนภาคเอกชนที่มีความคล่องตัวและเป็นอิสระ พร้อมทั้งควรเร่งสะสางคดีที่ยืดเยื้อให้เสร็จสิ้น ถึงแม้บางคดีจะอยู่ในขั้นตอนของหน่วยงานอื่น แต่ ป.ป.ช. ก็ควรแสดงบทบาทเชิงรุกในการติดตามความคืบหน้า พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนอย่างทันท่วงที เพื่อให้สังคมได้รับความกระจ่างและร่วมติดตามตรวจสอบได้" 
          ทั้งนี้ "รัฐควรจัดตั้งหน่วยงานเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ช. อีกขั้นหนึ่ง หรือ Cross Check เพราะในปัจจุบันมีเพียงสำนักงานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณเท่านั้น เพื่อให้มีการติดตามการทำงานของ ป.ป.ช. และเสริมศักยภาพในการทำหน้าที่ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ" นางวีรวัลย์ เสนอแนะทิ้งท้าย


ข่าวสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย+สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศวันนี้

รายงาน Whitepaper ฉบับใหม่เผยศักยภาพ AI ในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมการผลิต หนุนไทยก้าวสู่ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0

รายงาน whitepaper ฉบับใหม่ที่เผยแพร่ในวันนี้ ได้เผยให้เห็นว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ซึ่งมุ่งยกระดับเศรษฐกิจไทยจากการพึ่งพาการผลิตแบบดั้งเดิม ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อย่างไรก็ตาม รายงาน whitepaper ซึ่งจัดทำโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ) (ETDA) ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) และ SAP ผู้นำตลาดด้านซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ชี้ให้

The Active Thai PBS จับมือ TDRI และภาคีฯ ... The Active Thai PBS จับมือ TDRI "ปั้นนักสื่อสารรุ่นใหม่" ร่วมสะท้อนแง่มุมด้านพลังงาน — The Active Thai PBS จับมือ TDRI และภาคีฯ ปั้นนักสื่อสารรุ่นใหม่ สะท...

Thai PBS World เปิดเวทีสาธารณะ 'AI และอนา... ไทยพีบีเอส จัดงาน Thai PBS World Forum เตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงสื่อยุค AI — Thai PBS World เปิดเวทีสาธารณะ 'AI และอนาคตของห้องข่าว' เตรียมพร้อมรับ...

ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพ... วางผังภาคกรุงเทพฯ และปริมณฑล — ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เป็นประธานในงาน ...